หากมองบุคคลในประวัติศาสตร์จีนในแง่ที่ต่างจากที่เป็น ก็อาจจะเห็นสัจจะธรรมที่สอดคล้องกับการเมืองไทย ตอนที่1

กระทู้สนทนา
.....วันนี้ ผมขอหลบเลี่ยงเสี่ยงในการแสดงความเห็นทางการเมืองไทย ที่อ่อนไหวและสุ่มเสี่ยงในการเสียค่าใช้จ่ายเพื่ออยู่ต่อในบ้าน PT (ภรรยาเริ่มมองหน้าแล้ว เมื่อรู้ว่านี้คือซิมที่ 7) หลบประเด็นร้อนๆที่มีในตอนนี้ อย่างเรื่อง รัฐธรรมนูญชั่วคราว เพราะหากแสดงความเห็นไป คงไม่แคล้วได้ใช้ซิมที่8 อย่างแน่นอน

     ผมเลยจะขอหยิบยกเอาบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ แต่คงไม่ใช่ประวัติศาสตร์ชาติไทยแน่ เพราะการวิพากษ์วิจารณ์ประวัติศาสตร์ชาติตัวเอง ให้ครบถ้วนรอบด้าน ก็ทำได้ยากเช่นเดียวกับการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองในขณะนี้ ที่สามารถแสดงความเห็นได้เพียงมุมเดียวคือยกย่อง สรรเสริญ

     ในวรรคที่ 3 ผมก็ขอเตือนพวกท่านที่เข้ามาอ่านกะทู้นี้ว่า เนื้อหาค่อนข้างยาว หากไม่ชอบอ่านก็ผ่านเลยครับ

     จีนมีประวัติศาสตร์และอารยธรรมเก่าแก่อันดับต้นๆของโลก มีบุคคลมากมายที่ได้รับการกล่าวขานในประวัติศาสตร์ทั้งแง่ดีและร้าย ซึ่งผมจะเลือกหยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์แลกเปลี่ยนมุมมองกับท่านที่สนใจ ว่าคิดเห็นเช่นไรกับบุคคลเหล่านี้

นางงามล่มชาติ หรือ อิสตรีที่ถูกประวัติศาสตร์กลั่นแกล้ง
     หยางกุ้ยเฟย หรือชื่อเดิม ยู่หวน หรือ อวี้หวน เป็นหญิงงามที่ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสี่หญิงที่งามที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติจีน ถูกยกย่องร่วมกับ ไซซี หวังเจาจวิน และเตียวเสี้ยน แต่หยางกุ้ยเฟยอาจเป็นหญิงเดียวที่ถูกประวัติศาสตร์บันทึกว่าเป็นหญิงร้าย ในบรรดาสี่หญิงงาม ทั้งที่ในมุมมองของผม หยางกุ้ยเฟย เป็น “เหยื่อ”ของสังคมกดขี่ สิทธิเสรีภาพ และเป็น“แพะ”รับบาปแทนจักรพรรดิราชวงค์ถังที่ด้อยความสามารถ

         ชีวิตของหยางกุ้ยเฟยคล้ายถูกโชคชะตากลั่นแกล้งไม่น้อย เกิดในครอบครัวบัณฑิตตกยาก พ่อที่เป็นบัณฑิตก็หลบลี้หนีตายไปตั้งแต่ตอนเธอยังเล็ก จนแม่ต้องหอบหิ้วกระเตงเธอกับพี่ชายไปเพิ่งอาศัยใบบุญญาติฝ่ายพ่อซึ่งคือลุงของเธอ และก็เหมือนละครน้ำเน่า ที่ต้องมีตัวอิจฉามากลั่นแกล้ง เธอถูกกลั่นแกล้งโดยป้าสะใภ้จากการตั้งข้อรังเกียจเพียงเพราะเธองดงามกว่าลูกสาวของตัวเอง

         แล้วเธอก็หลุดพ้นจากตรงนั้น เมื่อโซ่วอ๋อง(บุตรชายของฮ่องเต้)มาพบเจอเธอในระหว่างมาเยี่ยมเยือนเป็นแขกของลุงเธอที่บ้าน แล้วเกิดถูกตาต้องใจสู่ขอเธอไปเป็นพระชายา ตั้งแต่นางมีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น

     แต่ก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด แม้ในหน้าประวัติศาสตร์จะบันทึกไว้ว่า โซ่วอ๋องเป็นผู้ถวายเมียตัวเองให้กับพ่อ แต่ในความเป็นจริง ใครจะกล้ายกหญิงที่ใครๆต่างรู้ว่ามีราคีให้จักรพรรดิ ดังนั้นบทบันทึกที่ว่า นางถูก เกาลี่ซื่อ ขันทีผู้ลุ่มหลงในลาภยศ ไปสอพลอต่อจักรพรรดิ ว่านางคือสตรีที่งามเลิศในปัถพี แล้ว ถังเสวียนจง ฮ่องเต้ผู้ลุ่มหลงกามคุณจนมิอาจแบ่งแยกผิดชอบชั่วดี ก็เกิดกิเลสอยากครอบครองนาง ช่วยกันวางอุบายแย่งชิงนางมาจากลูกตัวเอง โดยออกราชโองการให้นางไปบวชชีเป็นเวลาหนึ่งปี เพื่อชำระล้างตัวให้บริสุทธิ์อีกครั้งก่อนจะรับนางกลับเข้าวังมาเป็นเมียของตัวเอง จึงน่าเชื่อถือมากกว่า
    
     และการที่นางถูกขนชั้นสูงทำเหมือนสินค้า ยักย้ายถ่ายเท จากเมียลูกไปเป็นเมียพ่อ นั้นเองที่ทำให้หยางกุ้ยเฟยมีมลทิน ทั้งๆที่ไม่ได้เกิดจากการกระทำของนางเลย

         ด้วยความลุ่มหลงในตัวหยางกุ้ยเฟย ทำให้ฮ่องเต้ถังเสวียนจง ไม่มีกะใจปฏิบัติราชกิจ เอาแต่หมกตัวอยู่ในตำหนักเพื่อเสพความงามของอิสตรีผู้น่าสงสารนางนี้ และเพราะหยางกุ้ยเฟยได้รับโปรดเกล้าให้เป็นสนมเอก (ในขณะนั้นนางมีอายุ 27 ปี ขณะที่จักรพรรดิถังเสวียนจงมีพระชนมายุ ๖๑ พรรษา) ญาติพี่น้องเลยพลอยได้บรรดาศักดิ์เป็นขุนนางไปด้วย ซึ่งนั้นก็เป็นจุดเริ่มของการล่มชาติในเวลาต่อมา เพราะ หยางกั๋วจงญาติผู้พี่ ผู้เข้ามาเป็นขุนนางข้าราชสำนัก เป็นคนเลว คิดแต่จะฉกฉวยผลประโยชน์

     โดย หยางกั๋วจง ได้รวบอำนาจการปกครองไว้ถึง ๔๐ ตำแหน่ง จนมีตำแหน่งเทียบเท่าสมุหนายก กินสินบนอย่างเปิดเผย ใช้ระบบอุปถัมภ์ในการคัดเลือกคนเข้ารับราชการหรือเลื่อนตำแหน่ง ทำให้เกิดความเดือดร้อนไปทั่ว จน อันลู่ซาน ได้หยิบยกข้ออ้างนี้มาก่อการกบฏ โดยนำทหารจากชายแดนและทหารทิเบตเข้ามายึดนครฉางอานได้โดยง่ายดายในปี พ.ศ. ๑๒๙๙ ทำให้องค์จักรพรรดิถังเสวียนจง ต้องทรงลี้ภัยชั่วคราวไปในทางตอนใต้ของมณฑลซื่อชวน (เสฉวน)

     อันลู่ซานยกกองทัพติดตามไป ไม่เพียงเพราะต้องการแผ่นดินราชวงศ์ถังเท่านั้น แต่ยังต้องการครอบครองสาวงามหยางกุ้ยเฟยอีกด้วย ซึ่งบทประวัติศาสตร์บางแหล่ง กล่าวหาว่าหยางกุ้ยเฟยเป็นชู้กับอันลู่ซานอยู่ก่อน ซึ่งผมมองว่าเป็นการเบี่ยงประเด็นในความล้มเหลวการปกครองบ้านเมืองสืบเนื่องจากความมักมากกามคุณของจักรพรรดิถังเสวียนจง และป้ายความผิดของการเกือบเสียชาติให้กับอิสตรีที่ไม่มีโอกาศโต้แย้ง

     เพราะบทสุดท้ายของหญิงงามนางนี้ ก็ไม่พ้นความตาย เมื่อเหล่าทหารได้สังหารตัวการร้ายอย่าง หยางกั๋วจง ลงแล้วแต่ก็ไม่หยุด ยังคงต้องการกำจัดนาง เพราะมีศักดิ์เป็นญาติกับ หยางกั๋วจง จึงบีบบังคับให้ ถังเสวียนจง ประหารนางเสียด้วย และฮ่องเต้ที่ขลาดเขลาผู้นี้ ก็เลือกที่จะเอาตัวรอด โดยสั่งให้ประหารนางโดยมอบผ้าให้นางใช้ผูกคอตายใต้ต้นสาลี่ ในอำเภอชิงพิง มณฑลซ่านซี ขณะนั้น นางมีอายุ 37 ปี

     หยางกุ้ยเฟยในมุมมองของผม จึงเป็นหญิงสาวที่ถูกนักประวัติศาสตร์ใส่ร้าย ให้เป็นแพะรับบาปในความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองของจักรพรรดิผู้มักมากในกามคุณ

หยางกุ้ยเฟยผู้เป็นเหยื่อของสังคมกดขี่สิทธิเสรีภาพทางชาติสกุลและเพศ(ที่ผู้ชายเป็นใหญ่)ในประเทศจีน
และหยางกุ้ยเฟย เป็นสตรีที่น่าสงสารเพราะเธอมีความงามมากเกินไป

     สมญานาม นางงามล่มชาติ คือมลทินของนักประวัติศาสตร์ที่ยัดเยียดให้เธอเป็น ทั้งๆที่เธออาจไม่ตั้งใจเป็นก็ได้ แต่เธอจำต้องยอมรับ เพราะไม่มีโอกาสอยู่โต้เถียงกับนักประวัติศาสตร์ผู้มอบสมญานาม เหมือนเช่นที่ผมทำ

     การเมืองไทยก็เช่นกัน โอกาสที่จะโต้เถียงกับฝ่ายที่กุมอำนาจอย่างกดขี่ ก็ยากที่จะหลบเลี่ยงหลีกหนีการตกเป็น “แพะ” ผู้จำต้องรับบาปพ้น




     ไว้กะทู้หน้า จะหยิบยกบุคคลอื่นมาลองแสดงทัศนะ(จริงๆเขียนไว้แล้วแต่นำมาลงเพียงคนเดียว) เพราะหากรวมไว้ในกะทู้เดียว เนื้อหาคงยาวจนเหลือคนอ่านไม่กี่คนแน่ มีอีกหลากหลายบุคคลที่ผมอยากยกมาลองแสดงทัศนะในมุมที่แตกต่างจากนักประวัติศาสตร์ อย่างเช่น กวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ที่ผมมองว่าแท้จริงเขาคือ “หุ่นเชิด”ของสังคมชนชั้นปกครอง มากกว่าความหมายที่ได้ตามสมญานาม หรือ สุยหยางตี้ ทรราชย์ที่เลืองลือ แต่ผมกลับเห็นว่า สร้างประโยชน์ให้กลับชาติมากกว่าคนดีๆบางคน และอีกหลายบุคคลในประวัติศาสตร์ชาติจีน ที่หากลองมองอีกด้านก็จะเห็นสิ่งที่แตกต่างจากที่เราเคยรู้

     ใครสนใจ รออ่านและแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะครับ หลบหนีจากเรื่องที่สุ่มเสี่ยงโดนแบนกันสักพัก แต่งโคลงกลอน เขียนบทความอื่นๆไปเรื่อย ไม่ให้เกี่ยวกับการเมืองโดยตรง
พระรองตลอดกาล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่