กลุ่มสิทธิฯ แฉปฏิบัติการลับของเอฟบีไอ ใช้การยุยง และบางครั้งจ่ายเงินแก่ชาวอเมริกันมุสลิม ให้ลงมือก่อการร้ายหลายคดี หลังเหตุ 9/11
22 ก.ค. 57 องค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไรท์ วอทช์ มีสำนักงานในนิวยอร์ก ออกรายงานระบุว่า แผนก่อการร้ายภายในสหรัฐหลายคดีดัง ภายหลังเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2544 นั้น มีหน่วยงานรัฐบาลหรือสายข่าวของรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง
จากการตรวจสอบคดีความ 27 คดีโดยความช่วยเหลือของสถาบันสิทธิมนุษยชน มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผ่านการพิจารณาคดี การสัมภาษณ์บุคคล 215 คน รวมถึงผู้ถูกแจ้งข้อหาหรือถูกตัดสินกระทำผิดในคดีก่อการร้าย ญาติของผู้ต้องหา ทนาย อัยการและศาล พบว่าในบางกรณี สำนักงานสืบสวนสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) อาจสร้างคนปกติที่ปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นผู้ก่อการร้าย ด้วยการเสนอแนะแนวคิดก่อการร้าย หรือเป้าหมาย
27 คดีนี้ พบว่าครึ่งหนึ่งของผู้ต้องโทษ เป็นผลจากปฏิบัติการลับ และร้อยละ 30 เป็นคดีที่สายลับมีบทบาทในการวางแผนเอง
แอนเดรีย ปราซอว์ ผู้อำนวยการกลุ่มฯ ในวอชิงตัน ระบุว่า ชาวอเมริกันได้รับการบอกกล่าวมานานว่ารัฐบาลกำลังทำให้พวกเขาปลอดภัยด้วยการป้องกันและดำเนินคดีผู้ก่อการร้ายภายในสหรัฐ แต่เมื่อมองลึกลงไปแล้ว จะรู้ว่าหลายคนในจำนวนนี้ อาจไม่ก่ออาชญากรรม หากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ยุยงส่งเสริม กดดัน และบางครั้งก็ถึงกับจ่ายเงินให้พวกเขาลงมือ
นายเอริค โฮลเดอร์ รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐ กล่าวปกป้องปฏิบัติการลับของเอฟบีไอว่ามีความจำเป็น
นายโฮลเดอร์ กล่าวเมื่อ 8 กรกฎาคม ว่า ปฏิบัติการเหล่านี้กระทำอย่างรอบคอบและแม่นยำเป็นพิเศษ โดยมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ล้ำเส้น และผู้ต้องสงสัยไม่ได้ถูกล่อให้ติดกับ หรือถูกปฏิเสธการคุ้มครองทางกฎหมาย
แต่รายงานของฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ยกกรณีของชาวอเมริกันที่เปลี่ยนมาเป็นมุสลิม 4 คนจากย่านนิวเบิร์ก ในนิวยอร์ก ที่ถูกกล่าวหาวางแผนระเบิดโบสถ์ยิวและโจมตีฐานทัพสหรัฐ ผู้พิพากษาระบุว่า ทางการเป็นผู้คิดแผน วิธีการ และขจัดอุปสรรคทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นอกจากนี้ เอฟบีไอมักเล็งเป้าคนกลุ่มเสี่ยง ที่มีปัญหาจิตใจหรือสติปัญญาต่ำ เช่น กรณีของ เรสวาน เฟอร์เดาส์ ที่ถูกตัดสินจำคุก 17 ปีขณะอายุ 27 ปี ฐานมีแผนโจมตีกระทรวงกลาโหมและรัฐสภา โดยใช้โดรนติดระเบิด ซึ่งเอฟบีไอบอกกับบิดาของเขาเองว่าบุตรชายมีปัญหาด้านสุขภาพจิต แต่ก็ไม่ทำให้สายลับเอฟบีไอยุติแผนการตั้งแต่ต้น
รายงานสรุปว่า สหรัฐควรยุติการปฏิบัติต่อพลเมืองมุสลิม ในฐานะว่าที่ผู้ก่อการร้าย
นายไมค์ เยอรมัน อดีตสายลับเอฟบีไอ กล่าวว่า มาตรการต่อต้านก่อการร้ายของเอฟบีไอที่เกินเลย คือความวิตกในเรื่องของการละเมิดความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพพลเรือน อีกทั้งไม่ได้ขจัดภัยคุกคามที่แท้จริง
แต่นายเจเอ็ม เบอร์เกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายตกที่นั่งลำบาก ไม่อาจมองข้ามเบาะแสหรือรายงานเกี่ยวกับผู้คนที่พูดว่าต้องการจะก่อการร้าย หรือแสวงหาการสนับสนุน ประเด็นอยู่ที่ว่าจะแยกแยะคดีที่มีน้ำหนักพอที่จะเดินหน้าสอบสวนอย่างไร
แฉ'เอฟบีไอ'ยุมุสลิมก่อการร้าย!
22 ก.ค. 57 องค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไรท์ วอทช์ มีสำนักงานในนิวยอร์ก ออกรายงานระบุว่า แผนก่อการร้ายภายในสหรัฐหลายคดีดัง ภายหลังเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2544 นั้น มีหน่วยงานรัฐบาลหรือสายข่าวของรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง
จากการตรวจสอบคดีความ 27 คดีโดยความช่วยเหลือของสถาบันสิทธิมนุษยชน มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผ่านการพิจารณาคดี การสัมภาษณ์บุคคล 215 คน รวมถึงผู้ถูกแจ้งข้อหาหรือถูกตัดสินกระทำผิดในคดีก่อการร้าย ญาติของผู้ต้องหา ทนาย อัยการและศาล พบว่าในบางกรณี สำนักงานสืบสวนสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) อาจสร้างคนปกติที่ปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นผู้ก่อการร้าย ด้วยการเสนอแนะแนวคิดก่อการร้าย หรือเป้าหมาย
27 คดีนี้ พบว่าครึ่งหนึ่งของผู้ต้องโทษ เป็นผลจากปฏิบัติการลับ และร้อยละ 30 เป็นคดีที่สายลับมีบทบาทในการวางแผนเอง
แอนเดรีย ปราซอว์ ผู้อำนวยการกลุ่มฯ ในวอชิงตัน ระบุว่า ชาวอเมริกันได้รับการบอกกล่าวมานานว่ารัฐบาลกำลังทำให้พวกเขาปลอดภัยด้วยการป้องกันและดำเนินคดีผู้ก่อการร้ายภายในสหรัฐ แต่เมื่อมองลึกลงไปแล้ว จะรู้ว่าหลายคนในจำนวนนี้ อาจไม่ก่ออาชญากรรม หากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ยุยงส่งเสริม กดดัน และบางครั้งก็ถึงกับจ่ายเงินให้พวกเขาลงมือ
นายเอริค โฮลเดอร์ รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐ กล่าวปกป้องปฏิบัติการลับของเอฟบีไอว่ามีความจำเป็น
นายโฮลเดอร์ กล่าวเมื่อ 8 กรกฎาคม ว่า ปฏิบัติการเหล่านี้กระทำอย่างรอบคอบและแม่นยำเป็นพิเศษ โดยมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ล้ำเส้น และผู้ต้องสงสัยไม่ได้ถูกล่อให้ติดกับ หรือถูกปฏิเสธการคุ้มครองทางกฎหมาย
แต่รายงานของฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ยกกรณีของชาวอเมริกันที่เปลี่ยนมาเป็นมุสลิม 4 คนจากย่านนิวเบิร์ก ในนิวยอร์ก ที่ถูกกล่าวหาวางแผนระเบิดโบสถ์ยิวและโจมตีฐานทัพสหรัฐ ผู้พิพากษาระบุว่า ทางการเป็นผู้คิดแผน วิธีการ และขจัดอุปสรรคทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นอกจากนี้ เอฟบีไอมักเล็งเป้าคนกลุ่มเสี่ยง ที่มีปัญหาจิตใจหรือสติปัญญาต่ำ เช่น กรณีของ เรสวาน เฟอร์เดาส์ ที่ถูกตัดสินจำคุก 17 ปีขณะอายุ 27 ปี ฐานมีแผนโจมตีกระทรวงกลาโหมและรัฐสภา โดยใช้โดรนติดระเบิด ซึ่งเอฟบีไอบอกกับบิดาของเขาเองว่าบุตรชายมีปัญหาด้านสุขภาพจิต แต่ก็ไม่ทำให้สายลับเอฟบีไอยุติแผนการตั้งแต่ต้น
รายงานสรุปว่า สหรัฐควรยุติการปฏิบัติต่อพลเมืองมุสลิม ในฐานะว่าที่ผู้ก่อการร้าย
นายไมค์ เยอรมัน อดีตสายลับเอฟบีไอ กล่าวว่า มาตรการต่อต้านก่อการร้ายของเอฟบีไอที่เกินเลย คือความวิตกในเรื่องของการละเมิดความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพพลเรือน อีกทั้งไม่ได้ขจัดภัยคุกคามที่แท้จริง
แต่นายเจเอ็ม เบอร์เกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายตกที่นั่งลำบาก ไม่อาจมองข้ามเบาะแสหรือรายงานเกี่ยวกับผู้คนที่พูดว่าต้องการจะก่อการร้าย หรือแสวงหาการสนับสนุน ประเด็นอยู่ที่ว่าจะแยกแยะคดีที่มีน้ำหนักพอที่จะเดินหน้าสอบสวนอย่างไร
วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม 2557