เป็นคำถามที่เราสงสัยตั้งแต่วันที่ดูรายการคุณสรยุทธแล้วก็เริ่มมาตามอ่านในนี้นะคะ พยายามหาข้อมูลตรงที่สงสัยแต่ก็ไม่มี จนถึงวันนี้ คงต้องถามแล้วค่ะ เรามีข้อสงสัยดังนี้ค่ะ
1. คุณแม่น้องบอกกรามหัก คำว่ากรามหักนี่ น้องก้อยบอกคุณแม่ หรือ คุณแม่คิดเอาเอง หรือ คุณหมอบอกคะ (หลังจากกรามหัก เห็นมีกรามบวม กร้ามร้าวด้วย)
2. ในเฟสน้องก้อย ที่โพสต์เรียกนักข่าวให้เจอที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บอกว่าพร้อมให้สัมภาษณ์ และบอกว่า เพิ่งไปเช็คร่างกายมานี่ วันไหนคะ ไปเช็คแล้วหมอว่ายังไงบ้าง หมอทำอะไรให้บ้าง กรามเป็นยังไง มีตรงไหนที่พูดถึงไว้ แต่เราไม่เห็นรึเปล่าคะ
3. อยากทราบว่า หลังจากบทสนทนาที่คุณแม่บอกว่า กลับเลย จะให้คนไปรับ พอกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยปุ๊บ คุณแม่ที่รักน้องจนแม้กระทั่งร้อนในก็พาไปหาหมอเนี่ย ทำอะไรเป็นอย่างแรกคะ ...... คือ ในความเข้าใจของเรานะ ถ้าลูกพูดอย่างนั้นว่า เจ็บมาก กัดป๊อกกี้ยังไม่ได้ อะไรทำนองนั้น ซึ่งมันหนักหนากว่าร้อนใน สิ่งแรกที่เราจะทำเมื่อลงจากเครื่องคือ พาไปโรงพยาบาล ให้คุณหมอตรวจอย่างละเอียด ถ่ายรูปเก็บไว้ เอ็กซเรย์ ให้แพทย์ออกหนังสือรับรอง แล้วแชร์ลงเฟซบุ๊ค เวลาถูกเชิญเอาหลักฐานไปออกรายการต่างๆด้วย
เพราะไหนๆน้องก้อยถึงกับโพสต์ว่า ไม่ยอมเจ็บฟรีแน่ คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ยอม คิดเตรียมการไว้ถึงขนาด อัดคลิปที่คุยกับเพื่อนๆได้ แคปภาพหน้าจอที่คุยกับคุณแม่ไว้ได้ แต่ทำไมไม่ถ่ายรูปกรามบวมของตัวเองไว้เป็นหลักฐาน ไม่มีภาพ ฟกช้ำดำเขียว ตามเนื้อตัวเลยคะ ( อย่าเพิ่งทำตัวเขียววันนี้ แล้วถ่ายรูปมาลงน๊า คุณหมอเค้ารู้นะคะว่า ระยะเขียวนี่ เพิ่งเขียว หรือ เขียวหลายวันแล้ว 555 เย้าเล่นนะค๊า)
4. อยากรู้ว่า ที่น้องก้อยบอกว่า โค้ชถาม พอตอบก็ต่อย ตอบอะไรก็ต่อย จนเป็น 10 ที อยากให้น้องเล่าอ่ะค่ะ ว่าโค้ชถามว่าอะไร
--------ข้อนี้คือ เคยมีพี่เสธ.คนนึง เล่าให้ฟังว่า วันนึงท่านเห็นกุหลาบที่หน้าห้องทำงานหายไป โดยมีรอยตัด ท่านจึงเรียกทหารเวรที่เฝ้าตรงนั้นมาถามว่า กุหลาบหายไปไหน ทหารตอบ ไม่ทราบครับ ท่านสบัดหลังมือตบไปที ถามอีก ตอบไม่ทราบอีก ท่านก็ตบอีก แล้วก็ถาม ตบจนทหารตอบว่า ตัวเองตัดเอาไปให้หญิง ท่านเลยบอกว่า ก็เท่านั้น ที่ตบเพราะ ตอบว่าไม่ทราบ หน้าที่คือเฝ้าระวัง เกิดอะไรขึ้นต้องรู้ ถ้าตอบไม่รู้แปลว่าบกพร่องต่อหน้าที่ ถ้าตอบว่าตัวเองตัด หรือ ใครตัดไปตั้งแต่ทีแรก อย่างมากก็ให้วิดพื้น ไม่ต้องโดนตบแล้ว .....
คนเรามันต้องรับทั้ง ผิด และ ชอบ จะมาเลี่ยง ผิด รับแต่ ชอบ ด้วยคำมักง่ายไม่ได้
เราเลยมโนเอาเองว่า โค้ชถามแล้วตอบแบบคนไม่รับผิดชอบหรือเปล่า เลยโดนทำโทษ คือตอบไม่รู้ว่าถึงคิวตัวเอง โยนความผิดให้โค้ชไทย ไม่ได้วอร์ม เพราะรอนาน (เราว่านั่นคือ ไม่สนใจการแข่งขันของคู่อื่นที่ก่อนหน้าตัวเองน่ะค่ะ) ตอบแบบไม่รับผิดอะไรเลยมันง่ายค่ะ แต่มันเปลี่ยนภาพของคุณในสายตาคนอื่นได้เลยนะ
5. กรณีอย่างนี้ โค้ชเชฟ้องกลับข้อหาหมิ่นประมาทได้มั๊ยคะ เพราะใช้คำว่า ซ้อม ต่อย ทำร้ายร่างกาย จนกรามหัก กรามบวม กรามร้าว คือ ฟังแล้วรุนแรงมากค่ะ ทำให้โค้ชดูแย่มากๆไปเลย -------------- อ้อ โค้ชทักษ์ด้วยนะคะ
หมิ่นประมาทคือ การใส่ความผู้อื่นไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ เช่น พูด เขียน พิมพ์ข้อความ หรือแสดงกริยาต่างๆ โดยการใส่ความดังกล่าวนั้น ต้องเป็นการกระทำให้บุคคลที่สามรับทราบ ซึ่งเป็นการกระทำให้ผู้ถูกใส่ความนั้น ได้รับความเสียหาย
ดังนั้น ผู้กระทำการหมิ่นประมาท จะมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา กล่าวคือ การหมิ่นประมาทนั้น ผู้กระทำผิดจะมีความหมายทางแพ่ง ฐานละเมิดตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423
" ซึ่งมีหลักการสำคัญ คือ ผู้กระทำได้กล่าว หรือไขข่าวแพร่หลาย ซึ่งข้อความที่ขัดต่อความเป็นจริง เป็นผลให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ต่อชื่อเสียงเกียรติคุณ "
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นอกจากนี้การหมิ่นประมาท ยังถูกบัญญัติให้เป็นความผิดหนึ่ง ในประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 326 ซึ่งลักษณะการกระทำคือ ผู้กระทำความผิดได้ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
การพิจารณาข้อความที่เป็นการหมิ่นประมาทในทางอาญานั้น อาจเป็นความจริง หรือเท็จก็ได้ดังที่เคยมีคำกล่าวว่า " ยิ่งจริงยิ่งผิด " เพราะกฏหมาย มุ่งพิจารณาแต่เพียงว่าถ้ามีการกล่าวถึงบุคคลอื่น ในด้านที่ไม่ดีแล้ว ย่อมจะทำให้สังคมไม่สงบสุข ไม่ว่าข้อความนั้นจะเป็นจริงหรือไม่
ความรับผิดทางอาญา และทางแพ่งมีข้อแตกต่าง ประการสำคัญทีสุด คือ หากข้อความที่กล่าวเป็นเรื่องเท็จ ผู้กระทำจะมีความผิดทางอาญา และต้องชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง แต่ถ้าข้อความที่กล่าวเป็นจริง ผู้กระทำจะมีความผิดทางอาญา แต่ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง
กรณีความผิดทางอาญา ในการหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต จะมีความผิดตามมาตรา 326 ที่บัญญัติว่า
" ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่ทำให้ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมื่น หรือ ถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ "
หากนำข้อความ หรือภาพที่มีลักษณะหมิ่นประมาท ไปลงไว้ในเว็บไซต์ คนทั่วไปย่อมสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ อันเป็นลักษณะของการโฆษณาด้วยภาพ หรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎด้วยวิธีใด อย่างหนึ่ง ซึ่งในมาตรา 329 บัญญัติไว้ว่า " ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาท ได้กระทำโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนต์ ภาพ หรือ ตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎ ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท" ผู้กระทำจะต้องได้รับโทษหนักกว่ามาตรา 326 เพราะการโฆษณาเป็นการทำให้ข้อความหรือภาพที่มีลักษระหมิ่นประมาทกระจายไปสู่คนจำนวนมากกว่าการหมิ่นประมาททั่วๆ ไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ความผิดสำเร็จในความผิดฐานหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ตนั้น จะถือว่าความผิดสำเร็จเมื่อใด เมื่อพิจารณาถ้อยคำที่ว่า " โดยประการที่ทำให้ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง " ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 326 นั้นไม่ใช่ผลของการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ต้องถือว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว แต่จะพิจารณาว่าผิดสำเร็จ หรือไม่จากวิญญูชนทั่วไป (บุคคลทั่วไป) ว่าเมื่อได้รับทราบข้อความนั้นแล้ว เห็นว่าน่าจะเกิดความเสียหายแต่ผู้อื่นหรือไม่ ถ้าเห็นว่าน่าจะเสียหาย ผู้กระทำก็จะมีความผิดแล้ว แต่ถ้าบุคคลทั่วไปเห็นว่าไม่น่าจะเสียหายแต่ผู้อื่น ผู้กระทำก็ไม่มีความผิด และต้องได้ข้อเท็จจริงว่า บุคคลที่สามรับทราบข้อความนั้นแล้ว จึงจะถือว่าเป็นความผิดสำเร็จ
ถ้าบุคคลที่สามยังไม่ได้รับทราบข้อความนั้นเลย ก็เป็นแต่เพียงขั้นพยายามหมิ่นประมาทเท่านั้น คือ ผู้กระทำได้กระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผล เช่น นายเอก ส่งอีเมลล์ให้นายโท โดยมีข้อความหมิ่นประมาทนายตรี ถ้านายโทยังไม่เปิดอ่าน ถือว่านายเอกได้กระทำไปตลอดแล้ว แต่ไม่บรรลุผล คือ นายโท ยังไม่ได้รับทราบข้อความนั้น จีงมีความผิดเพียงขั้นพยายามหมิ่นประมาทรับโทษเพียงสองในสาม แต่ถ้านายโทเปิดอ่านอีเมล์ฉบับดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่ามีบุคคลที่สามรับทราบข้อความแล้ว จึงเป็นความผิดสำเร็จโทษเต็มตามที่กฎหมายบัญญัติ
ในกรณีเมื่อได้รับอีเมลล์ที่มีข้อความหมิ่นประมาท และได้ forward ต่อไปให้ผู้อื่น จะมีความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่ ประเด็นนี้เกิดขึ้นได้บ่อยมากในปัจจุบัน เพราะสามารถทำการส่งข้อความหรือภาพ ที่เราได้รับมาไปให้เพือนหรือ คนรู้จักกันได้อีกไม่จำกัดจำนวน ประเด็นนี้สามารถเทียบเคียงได้กับคำพิพากษาศาลฎีกาที 2822/2515 ซึ่งมีข้อเท็จจริงคือ จำเลยแสดงข้อความในจดหมายที่ได้รับจากผู้อื่น โดยรู้อยู่ว่าจดหมายนั่นมีข้อความหมิ่นประมาท ถือได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาท
เหตุที่มองว่าการ Forward-mail ไปให้ผู้อื่นถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท เพราะผู้กระทำนั้นเมื่อได้รับทราบข้อความ แล้วได้ทำการเผยแพร่ต่อไป เท่ากับเป็นการใส่ความผู้เสียหายต่อไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นการขยายความเสียหายออกไป อีกจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นเอง แล้วถ้าหาก Forward-mail ต่อไปให้บุคคลอื่นอีกหลายคน จะถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาที่ต้องรับโทษหนักขึ้น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 นั้น จะต้องพิจารณาจากการกระทำเป็นหลัก ว่าเป็นการโฆษณาหรือไม่ โดยไม่คำนึงถึงจำนวนบุคคลผู้รับข้อความ ว่าจะมีจำนวนมากน้อยเพียงใด
ขออนุญาตแท็ก 3 ห้องนะคะ เพราะติดตามเรื่องนี้จาก บางขุนพรหม และ เทควันโด แท็กห้องกฎหมาย เพราะมีข้อสงสัยทางกฎหมายค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
แก้ไขเพิ่มข้อความข้อ 5 ค่ะ
สงสัยค่ะ เรื่องโค้ชเชกับน้องก้อย
1. คุณแม่น้องบอกกรามหัก คำว่ากรามหักนี่ น้องก้อยบอกคุณแม่ หรือ คุณแม่คิดเอาเอง หรือ คุณหมอบอกคะ (หลังจากกรามหัก เห็นมีกรามบวม กร้ามร้าวด้วย)
2. ในเฟสน้องก้อย ที่โพสต์เรียกนักข่าวให้เจอที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บอกว่าพร้อมให้สัมภาษณ์ และบอกว่า เพิ่งไปเช็คร่างกายมานี่ วันไหนคะ ไปเช็คแล้วหมอว่ายังไงบ้าง หมอทำอะไรให้บ้าง กรามเป็นยังไง มีตรงไหนที่พูดถึงไว้ แต่เราไม่เห็นรึเปล่าคะ
3. อยากทราบว่า หลังจากบทสนทนาที่คุณแม่บอกว่า กลับเลย จะให้คนไปรับ พอกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยปุ๊บ คุณแม่ที่รักน้องจนแม้กระทั่งร้อนในก็พาไปหาหมอเนี่ย ทำอะไรเป็นอย่างแรกคะ ...... คือ ในความเข้าใจของเรานะ ถ้าลูกพูดอย่างนั้นว่า เจ็บมาก กัดป๊อกกี้ยังไม่ได้ อะไรทำนองนั้น ซึ่งมันหนักหนากว่าร้อนใน สิ่งแรกที่เราจะทำเมื่อลงจากเครื่องคือ พาไปโรงพยาบาล ให้คุณหมอตรวจอย่างละเอียด ถ่ายรูปเก็บไว้ เอ็กซเรย์ ให้แพทย์ออกหนังสือรับรอง แล้วแชร์ลงเฟซบุ๊ค เวลาถูกเชิญเอาหลักฐานไปออกรายการต่างๆด้วย
เพราะไหนๆน้องก้อยถึงกับโพสต์ว่า ไม่ยอมเจ็บฟรีแน่ คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ยอม คิดเตรียมการไว้ถึงขนาด อัดคลิปที่คุยกับเพื่อนๆได้ แคปภาพหน้าจอที่คุยกับคุณแม่ไว้ได้ แต่ทำไมไม่ถ่ายรูปกรามบวมของตัวเองไว้เป็นหลักฐาน ไม่มีภาพ ฟกช้ำดำเขียว ตามเนื้อตัวเลยคะ ( อย่าเพิ่งทำตัวเขียววันนี้ แล้วถ่ายรูปมาลงน๊า คุณหมอเค้ารู้นะคะว่า ระยะเขียวนี่ เพิ่งเขียว หรือ เขียวหลายวันแล้ว 555 เย้าเล่นนะค๊า)
4. อยากรู้ว่า ที่น้องก้อยบอกว่า โค้ชถาม พอตอบก็ต่อย ตอบอะไรก็ต่อย จนเป็น 10 ที อยากให้น้องเล่าอ่ะค่ะ ว่าโค้ชถามว่าอะไร
--------ข้อนี้คือ เคยมีพี่เสธ.คนนึง เล่าให้ฟังว่า วันนึงท่านเห็นกุหลาบที่หน้าห้องทำงานหายไป โดยมีรอยตัด ท่านจึงเรียกทหารเวรที่เฝ้าตรงนั้นมาถามว่า กุหลาบหายไปไหน ทหารตอบ ไม่ทราบครับ ท่านสบัดหลังมือตบไปที ถามอีก ตอบไม่ทราบอีก ท่านก็ตบอีก แล้วก็ถาม ตบจนทหารตอบว่า ตัวเองตัดเอาไปให้หญิง ท่านเลยบอกว่า ก็เท่านั้น ที่ตบเพราะ ตอบว่าไม่ทราบ หน้าที่คือเฝ้าระวัง เกิดอะไรขึ้นต้องรู้ ถ้าตอบไม่รู้แปลว่าบกพร่องต่อหน้าที่ ถ้าตอบว่าตัวเองตัด หรือ ใครตัดไปตั้งแต่ทีแรก อย่างมากก็ให้วิดพื้น ไม่ต้องโดนตบแล้ว ..... คนเรามันต้องรับทั้ง ผิด และ ชอบ จะมาเลี่ยง ผิด รับแต่ ชอบ ด้วยคำมักง่ายไม่ได้
เราเลยมโนเอาเองว่า โค้ชถามแล้วตอบแบบคนไม่รับผิดชอบหรือเปล่า เลยโดนทำโทษ คือตอบไม่รู้ว่าถึงคิวตัวเอง โยนความผิดให้โค้ชไทย ไม่ได้วอร์ม เพราะรอนาน (เราว่านั่นคือ ไม่สนใจการแข่งขันของคู่อื่นที่ก่อนหน้าตัวเองน่ะค่ะ) ตอบแบบไม่รับผิดอะไรเลยมันง่ายค่ะ แต่มันเปลี่ยนภาพของคุณในสายตาคนอื่นได้เลยนะ
5. กรณีอย่างนี้ โค้ชเชฟ้องกลับข้อหาหมิ่นประมาทได้มั๊ยคะ เพราะใช้คำว่า ซ้อม ต่อย ทำร้ายร่างกาย จนกรามหัก กรามบวม กรามร้าว คือ ฟังแล้วรุนแรงมากค่ะ ทำให้โค้ชดูแย่มากๆไปเลย -------------- อ้อ โค้ชทักษ์ด้วยนะคะ
หมิ่นประมาทคือ การใส่ความผู้อื่นไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ เช่น พูด เขียน พิมพ์ข้อความ หรือแสดงกริยาต่างๆ โดยการใส่ความดังกล่าวนั้น ต้องเป็นการกระทำให้บุคคลที่สามรับทราบ ซึ่งเป็นการกระทำให้ผู้ถูกใส่ความนั้น ได้รับความเสียหาย
ดังนั้น ผู้กระทำการหมิ่นประมาท จะมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา กล่าวคือ การหมิ่นประมาทนั้น ผู้กระทำผิดจะมีความหมายทางแพ่ง ฐานละเมิดตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423
" ซึ่งมีหลักการสำคัญ คือ ผู้กระทำได้กล่าว หรือไขข่าวแพร่หลาย ซึ่งข้อความที่ขัดต่อความเป็นจริง เป็นผลให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ต่อชื่อเสียงเกียรติคุณ "
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กรณีความผิดทางอาญา ในการหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต จะมีความผิดตามมาตรา 326 ที่บัญญัติว่า
" ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่ทำให้ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมื่น หรือ ถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ "
หากนำข้อความ หรือภาพที่มีลักษณะหมิ่นประมาท ไปลงไว้ในเว็บไซต์ คนทั่วไปย่อมสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ อันเป็นลักษณะของการโฆษณาด้วยภาพ หรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎด้วยวิธีใด อย่างหนึ่ง ซึ่งในมาตรา 329 บัญญัติไว้ว่า " ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาท ได้กระทำโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนต์ ภาพ หรือ ตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎ ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท" ผู้กระทำจะต้องได้รับโทษหนักกว่ามาตรา 326 เพราะการโฆษณาเป็นการทำให้ข้อความหรือภาพที่มีลักษระหมิ่นประมาทกระจายไปสู่คนจำนวนมากกว่าการหมิ่นประมาททั่วๆ ไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขออนุญาตแท็ก 3 ห้องนะคะ เพราะติดตามเรื่องนี้จาก บางขุนพรหม และ เทควันโด แท็กห้องกฎหมาย เพราะมีข้อสงสัยทางกฎหมายค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
แก้ไขเพิ่มข้อความข้อ 5 ค่ะ