จะเลี้ยงลูกอย่างไร ให้อยู่บนสังคมที่โหดร้ายเช่นนี้ได้...

ผมมีบทความ บทความนึงที่อยากให้ลองอ่านดูครับ เกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กในสมัยใหม่
มันสะท้อนสังคมได้ดีมากเลยครับ... เลยขออนุญาตแท็กหลายห้องหน่อยนะครับ
ถ้าหากคิดว่าไม่เกี่ยวข้องหรือซ้ำต้องขออภัยด้วยครับ... จะผ่านไปก็ได้นะครับ  ^^
ตามกระแสน้องก้อยนามสมมุติครับ ตามที่เป็นข่าว และมีคนสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงดูและจะเลี้ยงลูกอย่างไร
ให้อยู่บนสังคมที่โหดร้ายเช่นนี้ได้ ให้รู้จัก กฏ กติกา หน้าที่ และการลงโทษ ^^

เลี้ยงลูกให้เป็นทรพี (โดยไม่เจตนา)
โดย ศ. นพ วิทยา นาควัชระ


เรื่องที่จะเล่านี้เป็นเรื่องจริง

ตั้งใจจะยกให้ดูเป็นตัวอย่าง ไม่อยากจะโทษใคร เพราะตัวละครแต่ละคนในเรื่องก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ถือว่าเป็นกรณีศึกษา
และเป็นตัวอย่างประกอบก็แล้วกัน

ตัวอย่างที่ 1 พ่อมีการศึกษาจบปริญญาเอก แม่จบปริญญาโท ทั้งพ่อและแม่มีการงานทำดีมาก การเงินก็ดี
แต่ก็ทำงานหนักทั้งคู่ ทั้งสามีภรรยามีลูกชาย 2 คน คนโตอายุ 14 ปี คนเล็กอายุ 9 ปี
ลูกทั้งคู่ แลดูน่ารักตลอดมา การเรียนไม่เก่ง แต่การสังคมเก่ง พูดเก่ง กีฬาเก่ง กำลังเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อมากแห่งหนึ่ง
พ่อแม่เริ่มปวดหัวที่ลูกไม่เชื่อฟังคำสั่งสอน ลูกคนโตเริ่มก้าวร้าว พ่อแม่ว่าอะไรก็เถียง หรือไม่สนใจ
ครั้งล่าสุดนี้ ลูกฃายพูดจายอกย้อนพ่อ เถียงพ่อ จนพ่อทนไม่ได้ เอามือไปตีลูกชายเข้า 1 ที
ลูกชายลุกขึ้นเตะพ่อ 1 ที แล้วผลักพ่อกระเด็น แถมเดินหนีออกจากบ้านไป พ่อมาเล่าให้ผมฟังด้วยหัวใจปวดร้าว
ผมถามว่าแล้วทำอย่างไรต่อ เขาบอกว่า ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่เคยลงโทษลูกมาก่อนเลย
เพราะคิดว่าจะเลี้ยงลูกด้วยการไม่ลงโทษเลย
ครั้นโตแล้วจึงเห็นว่าลูกทำผิดเรื่อยๆ ไม่อยู่ในโอวาท ถ้าจะลงโทษตอนนี้ ลูกก็ไม่ยอมรับ แถมสู้
และหนีไปเฉยๆ จะสู้กับลูกก็สู้ไม่ได้ อายเขาด้วย เขาถามผมว่า
ทำไงดี……หมอครับ?

ตัวอย่างที่ 2 พ่อเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แม่เป็นหมอ ก็ทำงานหนักทั้งคู่ ลูกชายคนโตอายุ 13 ปี ไม่เชื่อฟังพ่อแม่
ครั้งล่าสุดนี้ แม่เผลอไปเอ็ดลูกเข้ามากๆ ลูกชายเลยเอาไม้ตีหัวแม่แตก และหนีออกจากบ้านไป
พ่อแม่ก็ไม่รู้จะทำอะไร ทั้งคู่ไม่เคยลงโทษลูก
แม่โทรศัพท์มาหาและบอกว่า ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง กลัวเขาจะหาว่าเป็นลูกทรพี
เธอถามผมว่า….
หมอ….ทำไงดี?…..อยากฆ่าตัวตายอยู่แล้ว !!!

จากทั้งสองกรณีนี้ แสดงให้เห็นว่าเด็กเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ไม่ได้สร้างวินัยให้แก่เด็กตั้งแต่เล็กๆ
เด็กจึงเติบโตขึ้นมา มีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง สังคมดี พูดเก่ง กีฬาเก่ง อาจจะเรียนเก่งด้วยก็ได้ แต่ขาดวินัยกับตัวเอง
ไม่มีการยอมรับกติกาของสังคม ของครอบครัว ของพ่อแม่ ซึ่งถ้าเติบโตต่อไปก็จะไม่ยอมรับกติกาของสถาบันการศึกษา
ของที่ทำงาน และแม้แต่กฏหมายบ้านเมือง เรียกว่าเติบโตต่อไป ทำงานก็ยาก อยู่ก็ยาก มีครอบครัวก็ยาก มีลูกก็ยาก…..
ยากไปหมดทุกอย่าง แม้แต่อยู่คนเดียวก็ยาก เผลอๆก็ทำผิดกฏหมายบ่อยๆโดยอ้างว่า…..ไม่เจตนา ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ก็เป็นเพราะพ่อแม่ไม่ลงโทษ เมื่อเด็กทำผิดตั้งแต่เล็กๆ
และไม่ชมเชย หรือให้รางวัลเมื่อเขาทำความดี

ผมจำได้แม่นว่า เมื่อ 10 กว่าปีมาแล้ว มีการเชื่อกันมากเรื่องการเลี้ยงลูกโดยไม่มีการลงโทษทางกาย ซึ่งก็คือการตีลูกนั่นเอง
พวกมีความรู้ระดับปริญญาโทขึ้นไป ครูบาอาจารย์ แพทย์ เชื่อถือกันมากและเลี้ยงลูกโดยไม่ลงโทษโดยการตีเลย
แต่จะบอกให้เด็กคิดเอง ให้เด็กมีอิสระในการแสดงออก ซึ่งแลดูก็น่ารักดีหรอกในตอนเด็กๆ
ในช่วงนั้นๆ ผมเคยถูกเชิญไปบรรยายพิเศษให้สมาคมผู้ปกครองของโรงเรียนสาธิตที่มีชื่อเสียง แห่งหนึ่งฟัง
และผมก็ถูกถามเรื่องนี้ ซึ่งผมก็ตอบในที่ประชุมเลยว่า ผมไม่เห็นด้วยหรอกที่ไม่มีการลงโทษเด็กทางฝ่ายกายเมื่อทำผิด
ถ้าเป็นผม ผมจะตีเด็ก ใช้มือตีก้นเขาจะดีที่สุด ผมถูกหาว่า…..แหมหมอเห ี้ยมจัง

แต่ผมเชื่อว่า การถูกตี หรือการถูกลงโทษทางฝ่ายกายตั้งแต่เด็กๆนั้น เด็กจะตระหนักและรับรู้ถึงบทบาทของการลงโทษ
ได้ดีกว่าและเร็วกว่าการลงโทษทาง จิตใจและทางสังคม เพราะเด็กนั้นเล็กเกินไปที่จะเข้าใจ และจะได้ใจด้วย
ผมยังพูดอีกด้วยว่า……"จำไว้ ถ้าคุณไม่ลงโทษลูกของคุณเมื่อทำผิด สักวันหนึ่งสังคมจะลงโทษลูกของคุณ
ซึ่งจะเจ็บยิ่งกว่าที่คุณลงโทษเขาเสียอีก"
สิบกว่าปีผ่านไป เด็กๆยุคนั้นก็คงเติบโตเป็นวัยรุ่นกันในขณะนี้พอดี
ปัญหาเรื่องลูกวัยรุ่นนี้ ทำความปวดหัวมาให้กับพ่อแม่มาก มีพ่อแม่นำลูกวัยรุ่นมาปรึกษาผมที่คลินิกมากมาย
ทั้งที่เจ้าตัวยอมมาหาเอง และจ้างกันมา มีวัยรุ่นรายหนึ่งมาจากเยอรมัน พ่อแม่ต้องจ้างให้มาหาผมด้วยการซื้อเสื้อผ้าให้ 30 ชุด
ซึ่งหลังจากมาหาพูดคุยกับผมแล้ว เขาบอกว่า ไม่ต้องจ้างก็ได้เพราะมาหาแล้วคุยกับผมได้สนุกดี อยากมาคุยบ่อยๆ

โดยส่วนตัวผมเองแล้ว ผมสนใจเรื่องของวัยรุ่นและกิจกรรมวัยรุ่นตลอดมาในทุกๆรูปแบบ และต้องเข้าใจหรือตามให้ทันอยู่เสมอๆ

สมัยที่รับราชการอยู่ในโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ ผมก็เป็นผู้ริเริ่มตั้งแผนกจิตเวชวัยรุ่นขึ้นมาเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
เพราะมองเห็นความสำคัญของบุคคลในวัยนี้ ที่จะต้องได้รับการดูแล ช่วยเหลือแนะนำหรือแก้ไขโดยจิตแพทย์
หรือบุคลากรที่พร้อมจะเข้าใจจิตใจของพวกเขาโดยแท้จริง และต้องทันสมัย ทันเหตุการณ์ด้วย

ในอเมริกาก็จะมีแผนกจิตเวชวัยรุ่นนี้อยู่ตามโรงเรียนแพทย์ใหญ่ๆที่ผมเคยได้ ไปศึกษามาวัยรุ่นที่มีปัญหาหลายๆราย
ก็ช่วยเหลือได้ทั้งในแง่เกเร ไม่เรียนหนังสือ ชอบหนีเที่ยว ติดยา สำสํอนทางเพศ แปรปรวนทางเพศ ก้าวร้าว แยกตัว
ขาดความเชื่อมั่นตัวเอง กังวล ฯลฯ

บางรายก็ช่วยเหลือได้ยากมาก เพราะเขาไม่อยากให้แพทย์ช่วย
และที่แน่นอนคือ พ่อแม่ต้องให้ความร่วมมือด้วย
แต่ไม่อยากจะรอให้ถึงขั้นนี้หรอก จะเจ็บด้วยกันทั้ง พ่อ แม่ ลูก
จงมาตั้งใจอบรมลูกให้มีวินัยตั้งแต่เด็กๆดีกว่าครับ
จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่า เลี้ยงลูกผิด

ซึ่งถือว่าเป็นบาปบริสุทธิ์ชนิดหนึ่งก็ได้ หรือ อย่างที่ชาวบ้านเขาเรียกกันว่า เป็นการเลี้ยงลูกให้เป็นทรพีโดยไม่เจตนาก็ได้
ผมหนาวในหัวใจจังครับ

ขอบคุณ : คุณหมอสารภี รักในหลวง...
เครดิต..[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้างครับ... ผมว่าค่อนข้างตรงเลยทีเดียว
การตีไปสอนไป ผมว่ายังใช้ได้ดีเสมอครับไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหน...
ถึงแม้ว่าความเจริญ ด้านวัตถุและเทคโนโลยี การศึกษาจะมีมากแค่ไหน
แต่พื้นฐานจิตใจคนที่เกิดมาใหม่ ความกลัว ความโลภ ความต้องการ ความเห็นแก่ตัว สิ่งพวกนี้มันไม่ได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย...
มันยังมีอยู่ในตัวทุกคนตั้งแต่เกิดมา แต่จิตสำนึกจะเป็นตัวยับยั้งและควบคุมมันไว้ ไม่ให้แสดงออกก็เท่านั้นเองครับ...(ผมเชื่ออย่างนั้น)
แต่จิตสำนึกที่ดี นั้นซิครับเราจะสร้างมันยังไงให้กับเด็ก?
ผมไม่ได้บอกว่าวิธีการนี้จะดีที่สุด แต่ก็เป็นทางเลือกครับ... หากเราทำอยู่ในขอบเขตของศีลธรรมและกฏหมาย ^^

เพิ่มเติม... 20/07/57 13.41 น.
ว่าแล้วผมขอยกตัวอย่างของการเลี้ยงดูแบบนี้ให้เห็นแล้วกันครับ คือผมไม่ได้จะบอกนะว่าวิธีการนี้ดีที่สุดแต่
บางคนโดนแบบนี้ ไม่ได้ดีก็มีเยอะไปจริงมั้ยครับและไอ่ที่ได้ดีก็เยอะ เพราะฉะนั้นมันสรุปไม่ได้หรอก
ขึ้นอยู่กับนิสัยเด็ก  สิ่งแวดล้อม สังคม บริบทของครอบครัว ฐานะ ความรู้ของพ่อแม่
สิ่งเหล่านั้นต่างหากจะเป็นตัวกำหนด ว่าวิธีไหนจะดีที่สุด จริงมั้ยครับ?
เพียงแต่ที่ยกมา เป็นแค่ทางเลือกนึงเท่านั้นที่ในบางเรื่องที่เด็กทำผิด..
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่