หรือว่าจะเกิด WW3 หรือ ครูเสดครั้งใหม่ขึ้น

ความเป็นมาของสงคราม อิสราเอล - ปาเลสไตน์ (เรียบเรียงเองตามความเข้าใจ)

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิวของฮิตเลอร์ ส่งผลทำให้ชาวยิวที่หลงเหลืออยู่นับล้านคน ไม่มีที่อยู่อาศัย หากย้อนอดีตไปพันกว่าปี ดินแดนที่เรียกว่า"ดินแดนคานาอัน" (Canaan) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งสมัยนั้นปกครองโดยอาณาจักรอียิปต์ แต่แล้วเมื่อโรมันได้ตราทัพเข้ามา ดินแดนแห่งนี้ก็โดนตีแตก ชาวยิวจำนวนมาก เกือบทั้งหมดได้หนีฮือกระจัดกระจายทั่วยุโรป วันเวลาผ่านไปอาณาจักรโรมันล่มสลาย ชาวอาหรับที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นก็เข้ามาปกครอง ซึ่งเราก็รู้กันอยู่ว่าชาวอาหรับเป็นมุสลิม และหลังจากโรมันล่มสลาย ในยุโรปก็หันมาเข้ารีตเป็นคริสต์เตียน แต่ยังไงดินแดนแห่งนี้กลายเป็นดินอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์ที่เข้ามาจาริกแสวงบุญในนครเยรูซาเล็มซึ่งเป็นนครแห่งพันธะสัญญาของพระเจ้า ซึ่งดินแดนแห่งนี้ทำให้เกิดสงครามครูเสดนับร้อยปี เกิดวีรบุรษอย่าง"ริชาร์ดใจสิงห์" และ กษัตริย์เศาะลาฮุดดีน หรือ"ซาลาดิน" แห่งอาหรับ ขึ้นมา (หากใครสนใจประวัติศาตร์ช่วงนี้ ให้ไปหาลองอ่าน สนุกมาก มีช่วงนึงที่พี่มองโกลตีแตกหมดทั้งอาหรับ และ ยุโรปตะวันออก ตีถึงโปแลนด์นู่นแน่ะ ช่วงนี้อาหรับกับยุโรป หยุดรบกันเพื่อหยุดการมาของกองทัพมองโกล) เอานั่นแหละ หลังจากนั้น ชัยชนะเป็นของอาหรับ ชาวยุโรปก็กลับบ้านไป ส่วนชาวยิวน่ะเหรอ ก็กลืนเป็นเนื้อเดียวกับยุโรปไปเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะนิสัยหลายๆอย่างของชาวยิว ทำให่ชาวยุโรปเริ่มไม่ชอบ เช่น นิสัยรักพวกพ้องและชอบเอาเปรียบคนอื่น และ ความฉลาดแกมโกงของชาวยิว ฉนวนการอพยพของชาวยิวอย่างที่ผมบอก เกิดในช่วงหลัง WW2 แต่ถ้าจะร่ายถึงสาเหตุนั้น ช่วง WW1 เยอรมันแพ้สงคราม และได้เกิดสนธิสัญญาแวร์ซายขึ้นมา ซึ่งเยอรมันต้องชดใช้ค่าเสียหายหลังสงครามแก่ฝรั่งเศสและอังกฤษกว่า 3หมื่นล้านดอลล่าห์ ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งตอนนั้นได้มีนักการเมืองเลือดใหม่คนนึงเกิดขึ้นมาในเยอรมัน เขามีเชื้อสายออสเตรีย การพูดปราศัยของเขาสะกดผู้คนให้ฟัง ทั้งท่าทีและน้ำเสียง เขาก็คือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ แห่งพรรคนาซีนั่นเอง พรรคนาซีได้ใช้ประชานิยมและชนะการเลือกตั้งมาอย่างท่วมท้น อย่างที่รู้กัน ฮิตเลอร์ได้มีนโยบายปลดแอกสัญญาที่ไม่เป็นธรรมแก่ชาวเยอรมัน โดยฉีกสัญญาแวร์ซายด้วยการทำสงคราม และเริ่มยกกำลังกองทัพเข้าสู่โปแลนด์ มาเข้าเรื่องชาวยิว ชาวยิวนั้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่1 ชาวยิวนั้นรวยเอารวยเอา จากการเอาเปรียบ และ ขี้โกงในสายเลือด (ในความคิดผมฮิตเลอร์และยิวยิ้มแสบพอกัน) ชาวยิวเป็นพ่อค้าเจ้าเลห์ เป็นนักธุรกิจจอมผูกขาด เศรษฐกิจช่วงนั้นของเยอรมันย่ำแย่มาก แต่คนที่สุขสบายคือชาวยิว ซึ่งในความรู้สึกของชาวเยอรมันช่วงนั้น ชายยิวเปรียบเสมือนคนอพยพ แต่ดันมาสุขสบายมากกว่าเจ้าของประเทศ ฮิตเลอร์เลยสร้างวาธกรรมโน้มน้าวใจคนว่าพวกเราชาวเยอรมันมีเชื้อสายอารยัน พวกมันไม่ใช่พวกเรา ซึ่งวาธกรรมล้างสมองที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่โหดเหี้ยมอย่างนั้นขึ้นได้ ไม่มีสิ่งใด นอกจาก "ความเกลียดชัง" และ "ความมัวเมาอำนาจ" ของตัวฮิตเลอร์นั่นเอง (ซึ่งมันได้ผล การแบ่งว่านี่พวกกู นั่นไม่ใช่พวกกู มันเอาเปรียบพวกกู มันกดขี่พวกกู ต้องฆ่ามัน เห็นได้ชัดกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดาด้วยเช่นกัน) ชาวยิวจำนวนมากกว่า 5 ล้านคนต้องตายในช่วงสงครามโลกนี้ ซึ่งถ้าพูดถึงประวัติศาตร์ช่วงนั้นก็น่าสงสารชาวยิวมากเลยทีเดียว เพราะชาวยิวโดนฆ่าและทรมานสารพัด การข่มขืน ความอดอยาก การนำมาทดลองอาวุธชีวภาพ การฆ่าโดยการรมควัน และอีกมากมาย อยากรู้ว่าโหดร้ายแค่ไหนลองเซิร์สกูเกิลคำว่า ค่ายเอาชวิตซ์(Auschwitz) สิ่งที่นาซีเยอรมันทำกับเชลยชาวยิว ซึ่งมีคนเคยเรียกชื่อค่ายนี้ว่า ค่าย"เอาชีวิต"
ร่ายมายาว หลังจากนั้นนั่นแหละ หลังสงครามโลก ยิวไม่มีที่ไป ไม่รู้จะไปไหน เลยเริ่มอพยพไปที่เยรูซาเลม หรือ อิสราเอล โดยอ้างว่าดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้ามอบให้แก่อับราฮัม และมันคือดินแดนของชาวยิว ความยิ้มจึงเริ่มต้นมาตั้งแต่ตอนนั้น ปีคศ.1948 สหประชาชาติก็บ้าจี้ตามยิว บอกว่าดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนตามพันธสัญญาของพระเจ้า ให้ชาวยิวอพยพเข้าไปอยู่ได้ ซึ่งความจริงดินแดนแห่งนี้ชาวอาหรับ หรือ ชาวปาเลสไตน์ เขาอยู่มาเป็นพันปีตั้งแต่นู้นเลย สมัยที่ชาวโรมันขับไล่ไป นี่เอ็งหายหัวไปเกือบสองพันปี อยู่ๆมาบอกว่านี่เป็นบ้านของเอ็ง ก็ต้องวอร์กันหน่อย แต่ตอนแรกๆก็ยังไม่มีสงคราม แต่เพราะการอพยพเข้ามาของยิวเป็นล้านคน อ้อ ตอนนั้นปาเลสไตน์เป็นอาณานิคมของอังกฤษด้วยแหละ ชาวยิวเข้ามาสร้างบ้าน สร้างโบสถ์ สร้างโรงเรียน โรงบาล ถนนหนทาง และเพราะคำว่า ดินแดนนี้เป้นของพระเจ้า เป็นของยิว บวกกับนิสัยของยิว(และอาหรับด้วยแหละ)ที่เข้ากับชาวบ้านเขาไม่ได้อยู่แล้ว ชาวยิวเริ่มเข้ามาใช้ประชากรอพยพมาบีบ ค่อยๆบีบชาวปาเลสไตน์ออกไปออกจากประเทศ มันเริ่มเดือดขึ้นจนกลายเป็นสงครามกลางเมืองขึ้น ชาวปาเลสไตน์ไม่มีที่ไป จนประเทศจอร์แดนบอก เฮ้ย พวกเอ็งมาอยู่บ้านข้าได้ อาหรับเหมือนกัน ชาวปาเลสไตน์เลยหนีเข้าไปในจอร์แดน และ บางส่วนลงใต้เข้าสู่อียิปต์ และในที่สุดได้เกิด"กองทัพปลดปล่อยปาเลสไตน์"ขึ้นมา โดยดินแดนที่ชื่อว่าเวสต์แบงค์ ทางตอนตะวันตกของจอร์แดน และ ฉนวนกาซ่าทางตอนเหนือของอียิปต์ ชาวปาเลสไตน์กว่าล้านคนได้อพยพเข้ามา (เขตสองเขตนี้เป็นดินแดนของปาเลสไตน์เดิมที่ยิวยังยึดไม่ได้ ตอนหลังผนวกอยู่ในประเทศจอร์แดนและอียิปต์) การไฟ้ร์กันแม้ว่าชาติอาหรับจะรุมกินโต๊ะอิสราเอล แต่ใช่ว่าจะกินได้ง่ายๆ เพราะพี่เบิ้มใหญ่มะกันหนุนหลังอิสราเอลอยู่ และอยู่ๆช่วงปี60(ผมจำปีไม่ได้) ได้เกิดสนธิสันญาสันติภาพขึ้นโดยยูเอ็น ให้หยุดยิงกัน อ้าวชิหายแล้ว แล้วไอ้ล้านกว่าคนในค่ายอพยพนี่ยังไง กลับประเทศไม่ได้ ก็ต้องอยู่ในค่ายอพยพ อยู่ๆจอร์แดนก็ไม่รู้จะทำยังไงกับพวกอพยพพวกนี้ เลยยิงใส่ยิ้มเลย คราวนี้ชาวปาเลสไตน์เหล่านี้เลยกระจัดกระจายขึ้นเหนือไปอยู่ในเลบานอน คราวนี้เกิดการไฟร้หลายฝ่ายในเลบานอน อย่างที่รู้ ปาเลสไตน์เป็นอิสลาม ส่วน ในเลบานอนมีประชากรของมุสลิมและคริสต์เตียนอยู่ครึ่งต่อครึ่ง คริสเตียนในเลบานอนบอกไม่ๆๆๆ โนๆๆๆ พวกเอ็งมาอยู่ไม่ได้ ส่วนมุสลิมชาวเลบานอนบอก มุสลิมทั่วโลกคือพี่น้องกัน เลบานอนยินดีต้อนรับ หลังจากนั้นก็ไฟ้ร์กันอีกรอบ ฝ่ายนึง ปาเลสไตน์มุสลิมเลบานอน และ รัสเซีย ส่วนอิสลาเอลเห็นอย่างนั้นก็เลยขอร่วมด้วยกับคริสต์เตียนชาวเลบานีส รวมทั้งพี่เบิ้มอย่างมะกัน เหตุการณนี้ไฟร้กันเป็นสิบปี มะกันโดนระเบิดพลีชีพปุ๊บ ปธน.เรแกนบอก กลับเว้ย พี่ใหญ่ไปอิสราเอลถอยร่น ไปอยู่ชายแดนเลบานอน คราวนี้เลยมีสงครามย่อยๆบริเวณชายแดนเลบานอนอยู่เสมอ จนในที่สุดช่วงยุค90ก็มีการปลดแอกดินแดนบริเวณชายแดนเลบานอนได้สำเร็จ ส่วนชาวปาเลสไตน์ก็อพยพๆๆๆ กระจายไปทั่วอาหรับ แต่ที่เกิดสงครามฆ่าล้างล่าสุดในเขตฉนวนกาซ่าเมืองชายฝั่ง ก็นั่นแหละ เป็นการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ แบบไม่ต้องให้มีแผ่นดินจะอยู่กันเลย ทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ ได้เสียชีวิตลง ซึ่งดูท่าทางจะไม่จบง่ายๆ เพราะเหตุการณ์ที่เมกายิงเครื่องบินมาเลเซียตกในยูเครนด้วย(มาเลเซียเป็นมุสลิม) หรือนี่จะเป็นเหตุของครูเสด หรือ WW3 ก็เป็นได้ ให้จับตาดูให้ดีครับ

โอ้ย เหนื่อยเขียนมาชม.กว่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่