สวัสดีครับ 
ปกติแล้ว ผมจะเข้ามาอ่านในพันทิปเสียส่วนใหญ่ ไม่ได้มีโอกาสมาตั้งกระทู้สักที
ได้มีโอกาสไปทำ
Visa อเมริกา มาครับ เลยเอาประสบการณ์มาแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกันครับ
การทำ Visa เมกาครั้งแรกของผม คือ เมื่อตอนจะไปแลกเปลี่ยนฯ 4 ปีที่แล้วครับ
ตอนนั้นมีเจ้าหน้าที่โครงการดำเนินการให้ เรามีหน้าที่รวบรวมเอกสารที่เค้าลิสต์มาให้
และมีหน้าที่ไปสัมภาษณ์เท่านั้นเอง ซึ่ง จนท.โครงการ ก็มีการเทรนก่อนสัมภาษณ์ด้วย
แต่ครั้งนี้ ... เราเตรียมเอง กรอก ds-160 เอง ทำอะไรเองหมด ตื่นเต้นอีกแบบครับ
เอ้าาาาา... พล่ามซะนาน มาดูกันเถอะครับ 5555555
เริ่มจาก …
ผมได้วางแผนกลับไปเยี่ยม Host Family ที่เคยอุตส่าห์ดูแลเลี้ยงดูเราเมื่อตอนไปแลกเปลี่ยนฯ
เลยให้ Host Family เขียน Invitation Letter มาประกอบการสัมภาษณ์ให้ด้วย
เมื่อตอนต้นเดือนมิถุนายน ...
ผมได้เริ่มด้วยการกรอกข้อมูล DS-160 ครับ ซึ่งทางสถานทูตฯ เองได้ทำ
step by step guidance
สำหรับ
การกรอก DS-160 เป็นภาษาไทย เข้าใจได้ง่าย __ ตามนี้เลยครับ →
http://thai.bangkok.usembassy.gov/root/pdfs/ds_160_step_by_step_guide_thai.pdf
แต่ปัจจุบันนี้ ไม่มีให้จอง PIN แล้วครับ กรอก DS-160 เสร็จ ก็จ่ายค่าธรรมเนียมและจองวันสัมภาษณ์ได้เลย
เสร็จสรรพปุ๊บ ... ก็จะมีให้พิมพ์
หน้ายืนยัน -- Confirmation Page ที่จะมี
Barcode อยู่ด้วย
(ตัวนี้สำคัญมากครับ ต้องเอาไปด้วยในวันสัมภาษณ์) --- หน้าตาประมาณนี้ครับ
จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการ ชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าครับ
โดยเราเข้าไปที่
http://www.ustraveldocs.com/th_th/index.html
เมื่อปริ้นท์ใบชำระเงิน และจองวันสัมภาษณ์ครับ (จะมีบอกวันสัมภาษณ์วันที่ใกล้ที่สุดด้วยครับ)
ผมเลือกชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาครับ
** เก็บ Slip จ่ายเงินได้ดีๆ ด้วยนะครับ **
__ ถ้าชำระผ่านทางธนาคาร ___
เราสามารถเลือกวันสัมภาษณ์ได้
หลังเที่ยงในวันทำการถัดไป ครับ นับว่าสะดวกรวดเร็ว
เสร็จปุ๊บ ก็เป็นขั้นตอนการเตรียมเอกสารครับ
เนื่องจากผมกำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ดังนั้นไม่มีงานที่แน่นอนเป็นของตัวเอง
ต้องอาศัย sponsor สำหรับทริปนี้ ซึ่งเป็นคุณพ่อครับ
เอกสารที่ผมเตรียมไป มีดังนี้ครับ
1. ใบรับรองการเป็นนิสิต (ฉบับภาษาอังกฤษ 1 ฉบับ)
2. ใบรับรองการทำงานและเงินเดือนคุณพ่อ-คุณแม่ (คนละ 1 ฉบับ)
3. Invitation Letter จากโฮสต์ Family ที่มี ที่อยู่/เบอร์โทร การติดต่อที่ชัดเจน
และรับรองว่าจะดูแลเราระหว่างไปอยู่ที่อเมริกาครับ
4. สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน (2 ฉบับ) **เอาไปเผื่อ**
5. Statement เงินเดือนคุณพ่อ-คุณแม่ (ไปถึงจริงๆ ไม่ได้ใช้เลย แต่เอาไปเผื่อดีกว่า)
แค่นี้ครับ
ผมจองเวลาสัมภาษณ์ไว้ 08:15 น. ครับ พักอยู่พญาไท ใกล้เวลาก็โบกพี่วินไป
ผมที่เซตไป พังหมด 55555555 ... การแต่งตัว แนะนำให้ดูสุภาพไว้จะดีมากครับ
ถ้าเป็นนิสิต-นักศึกษาอยู่ แต่งชุดนิสิต-นักศึกษายิ่งดีครับ ...
ไปถึงสถานทูตฯ ถนนวิทยุ ปุ๊บ ... ก็จะเห็นแถวยาวมาถึงสะพานลอยครับ
และมียามคอยเดินบอกว่าห้ามเอาอะไรเข้าไป ซึ่งแถวสถานทูตจะมีร้านรับฝากของอยู่
(เห็นยามพูดนะครับ ลองถามยามดูได้) ... เค้าก็จะให้คนที่ได้คิว 08:15 น.
แยกไปอีกแถวเพื่อรับบัตรคิวเข้าไปในสถานทูตฯ ครับ
พอเข้าไปข้างใน ก็จะมีเจ้าหน้าที่เช็คเอกสารครับ ในส่วนนี้ก็จะถามรายละเอียดเราคร่าวๆ
พร้อมกับให้แฟ้มใสมา 1 อันให้ใส่เอกสารไว้ พร้อมกับให้จดเลข tracking number ของไปรษณีย์ไว้
เพื่อที่เราจะสามารถ track ได้เวลาเค้าส่ง passport+visa กลับมาให้เราครับ
จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการ scan นิ้วมือทั้ง 10 นิ้วครับ
เจ้าหน้าที่ตู้กระจกก็จะถามรายละเอียดเราคร่าวๆ เช่นกัน
(ถ้าจำไม่ผิด เค้าจะดู slip การจ่ายค่าธรรมเนียมเราที่สถานีนี้ครับ)
เค้าก็จะให้เราเข้าไปนั่งรอข้างใน รอเรียกคิวสัมภาษณ์ครับ
ไม่ถึง 10 นาทีก็เรียกไปต่อคิวรอสัมภาษณ์ครับ ...
พอถึงคิวผม ก็แอบตื่นเต้นเล็กน้อยครับ
จนท: จาปายที่หนายครับ? (จะไปที่ไหนครับ?)
ผม: I’ll go to Michigan for visiting my host family.
จนท: *ดูเอกสารของเราไปด้วย* Oh, okay. So are you a university student?
ผม: Yes. พร้อมกับยิ้มให้ไป
จนท: Alright, your visa has been approved! Have a good trip.
คือ .. เอ่อ ... คือ เสร็จแล้ว? คือมันเร็วมากครับ ไม่ทันตั้งตัว
อาจจะเป็นเพราะเราเคยได้วีซ่ามาครั้งนึง และเอกสารรับรองว่าจะกลับมาแน่ๆ
ทุกอย่างมันเร็วมากครับ ไม่ถึง 9 โมงเสร็จแล้ว ... เฝ้ารอ passport ส่งมาหาที่บ้าน
ปรากฏว่า ได้
Visa อเมริกา 10 ปี คร้าบ
ผมว่า เหตุผลที่เค้าจะออกวีซ่าให้เรานั้นน่าจะมาจาก ..
1) มีหลักฐานรับรองว่าจะกลับมาแน่ๆ เช่น ใบรับรองการทำงาน การเป็นนิสิตนักศึกษา
2) มีหลักฐานทางการเงินรับรองว่า สามารถครอบคลุมการไปอเมริกา
3) ถ้าไม่มี Host Family แนะนำว่าให้ทำเป็น Trip plan คร่าวๆ ให้เค้าเห็นว่าจะไปทำอะไรบ้างครับ
ผมคิดว่าส่วนหนึ่ง(ใหญ่ๆ) น่าจะประมาณนี้ครับ
ยังไงก็ขอให้ทุกท่านที่จะทำ Visa อเมริกา ... โชคดีทุกท่านครับ
[CR] [CR] แชร์ประสบการณ์ทำวีซ่าอเมริกา [โดยเฉพาะคนที่กำลังเรียนอยู่]
ปกติแล้ว ผมจะเข้ามาอ่านในพันทิปเสียส่วนใหญ่ ไม่ได้มีโอกาสมาตั้งกระทู้สักที
ได้มีโอกาสไปทำ Visa อเมริกา มาครับ เลยเอาประสบการณ์มาแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกันครับ
การทำ Visa เมกาครั้งแรกของผม คือ เมื่อตอนจะไปแลกเปลี่ยนฯ 4 ปีที่แล้วครับ
ตอนนั้นมีเจ้าหน้าที่โครงการดำเนินการให้ เรามีหน้าที่รวบรวมเอกสารที่เค้าลิสต์มาให้
และมีหน้าที่ไปสัมภาษณ์เท่านั้นเอง ซึ่ง จนท.โครงการ ก็มีการเทรนก่อนสัมภาษณ์ด้วย
แต่ครั้งนี้ ... เราเตรียมเอง กรอก ds-160 เอง ทำอะไรเองหมด ตื่นเต้นอีกแบบครับ
เอ้าาาาา... พล่ามซะนาน มาดูกันเถอะครับ 5555555
เริ่มจาก …
ผมได้วางแผนกลับไปเยี่ยม Host Family ที่เคยอุตส่าห์ดูแลเลี้ยงดูเราเมื่อตอนไปแลกเปลี่ยนฯ
เลยให้ Host Family เขียน Invitation Letter มาประกอบการสัมภาษณ์ให้ด้วย
เมื่อตอนต้นเดือนมิถุนายน ...
ผมได้เริ่มด้วยการกรอกข้อมูล DS-160 ครับ ซึ่งทางสถานทูตฯ เองได้ทำ step by step guidance
สำหรับการกรอก DS-160 เป็นภาษาไทย เข้าใจได้ง่าย __ ตามนี้เลยครับ → http://thai.bangkok.usembassy.gov/root/pdfs/ds_160_step_by_step_guide_thai.pdf
แต่ปัจจุบันนี้ ไม่มีให้จอง PIN แล้วครับ กรอก DS-160 เสร็จ ก็จ่ายค่าธรรมเนียมและจองวันสัมภาษณ์ได้เลย
เสร็จสรรพปุ๊บ ... ก็จะมีให้พิมพ์ หน้ายืนยัน -- Confirmation Page ที่จะมี Barcode อยู่ด้วย
(ตัวนี้สำคัญมากครับ ต้องเอาไปด้วยในวันสัมภาษณ์) --- หน้าตาประมาณนี้ครับ
จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการ ชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าครับ
โดยเราเข้าไปที่ http://www.ustraveldocs.com/th_th/index.html
เมื่อปริ้นท์ใบชำระเงิน และจองวันสัมภาษณ์ครับ (จะมีบอกวันสัมภาษณ์วันที่ใกล้ที่สุดด้วยครับ)
ผมเลือกชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาครับ
** เก็บ Slip จ่ายเงินได้ดีๆ ด้วยนะครับ **
__ ถ้าชำระผ่านทางธนาคาร ___
เราสามารถเลือกวันสัมภาษณ์ได้ หลังเที่ยงในวันทำการถัดไป ครับ นับว่าสะดวกรวดเร็ว
เสร็จปุ๊บ ก็เป็นขั้นตอนการเตรียมเอกสารครับ
เนื่องจากผมกำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ดังนั้นไม่มีงานที่แน่นอนเป็นของตัวเอง
ต้องอาศัย sponsor สำหรับทริปนี้ ซึ่งเป็นคุณพ่อครับ
เอกสารที่ผมเตรียมไป มีดังนี้ครับ
1. ใบรับรองการเป็นนิสิต (ฉบับภาษาอังกฤษ 1 ฉบับ)
2. ใบรับรองการทำงานและเงินเดือนคุณพ่อ-คุณแม่ (คนละ 1 ฉบับ)
3. Invitation Letter จากโฮสต์ Family ที่มี ที่อยู่/เบอร์โทร การติดต่อที่ชัดเจน
และรับรองว่าจะดูแลเราระหว่างไปอยู่ที่อเมริกาครับ
4. สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน (2 ฉบับ) **เอาไปเผื่อ**
5. Statement เงินเดือนคุณพ่อ-คุณแม่ (ไปถึงจริงๆ ไม่ได้ใช้เลย แต่เอาไปเผื่อดีกว่า)
แค่นี้ครับ
ผมจองเวลาสัมภาษณ์ไว้ 08:15 น. ครับ พักอยู่พญาไท ใกล้เวลาก็โบกพี่วินไป
ผมที่เซตไป พังหมด 55555555 ... การแต่งตัว แนะนำให้ดูสุภาพไว้จะดีมากครับ
ถ้าเป็นนิสิต-นักศึกษาอยู่ แต่งชุดนิสิต-นักศึกษายิ่งดีครับ ...
ไปถึงสถานทูตฯ ถนนวิทยุ ปุ๊บ ... ก็จะเห็นแถวยาวมาถึงสะพานลอยครับ
และมียามคอยเดินบอกว่าห้ามเอาอะไรเข้าไป ซึ่งแถวสถานทูตจะมีร้านรับฝากของอยู่
(เห็นยามพูดนะครับ ลองถามยามดูได้) ... เค้าก็จะให้คนที่ได้คิว 08:15 น.
แยกไปอีกแถวเพื่อรับบัตรคิวเข้าไปในสถานทูตฯ ครับ
พอเข้าไปข้างใน ก็จะมีเจ้าหน้าที่เช็คเอกสารครับ ในส่วนนี้ก็จะถามรายละเอียดเราคร่าวๆ
พร้อมกับให้แฟ้มใสมา 1 อันให้ใส่เอกสารไว้ พร้อมกับให้จดเลข tracking number ของไปรษณีย์ไว้
เพื่อที่เราจะสามารถ track ได้เวลาเค้าส่ง passport+visa กลับมาให้เราครับ
จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการ scan นิ้วมือทั้ง 10 นิ้วครับ
เจ้าหน้าที่ตู้กระจกก็จะถามรายละเอียดเราคร่าวๆ เช่นกัน
(ถ้าจำไม่ผิด เค้าจะดู slip การจ่ายค่าธรรมเนียมเราที่สถานีนี้ครับ)
เค้าก็จะให้เราเข้าไปนั่งรอข้างใน รอเรียกคิวสัมภาษณ์ครับ
ไม่ถึง 10 นาทีก็เรียกไปต่อคิวรอสัมภาษณ์ครับ ...
พอถึงคิวผม ก็แอบตื่นเต้นเล็กน้อยครับ
จนท: จาปายที่หนายครับ? (จะไปที่ไหนครับ?)
ผม: I’ll go to Michigan for visiting my host family.
จนท: *ดูเอกสารของเราไปด้วย* Oh, okay. So are you a university student?
ผม: Yes. พร้อมกับยิ้มให้ไป
จนท: Alright, your visa has been approved! Have a good trip.
คือ .. เอ่อ ... คือ เสร็จแล้ว? คือมันเร็วมากครับ ไม่ทันตั้งตัว
อาจจะเป็นเพราะเราเคยได้วีซ่ามาครั้งนึง และเอกสารรับรองว่าจะกลับมาแน่ๆ
ทุกอย่างมันเร็วมากครับ ไม่ถึง 9 โมงเสร็จแล้ว ... เฝ้ารอ passport ส่งมาหาที่บ้าน
ปรากฏว่า ได้ Visa อเมริกา 10 ปี คร้าบ
ผมว่า เหตุผลที่เค้าจะออกวีซ่าให้เรานั้นน่าจะมาจาก ..
1) มีหลักฐานรับรองว่าจะกลับมาแน่ๆ เช่น ใบรับรองการทำงาน การเป็นนิสิตนักศึกษา
2) มีหลักฐานทางการเงินรับรองว่า สามารถครอบคลุมการไปอเมริกา
3) ถ้าไม่มี Host Family แนะนำว่าให้ทำเป็น Trip plan คร่าวๆ ให้เค้าเห็นว่าจะไปทำอะไรบ้างครับ
ผมคิดว่าส่วนหนึ่ง(ใหญ่ๆ) น่าจะประมาณนี้ครับ
ยังไงก็ขอให้ทุกท่านที่จะทำ Visa อเมริกา ... โชคดีทุกท่านครับ