ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้น เพราะ จขกท อยากเป็นนักเขียนมากกก เลยเอาเรื่องตัวเอง(เรื่องจริง)มาเขียนซะเลย555 ขอคำติชมด้วยนะคะ
7/7/2556 23:46
บทที่ 1
ชะตา & ฟ้ากำหนด
“สวัสดี”
นี้คงเป็นคำที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี มันมีไว้สำหรับทักทาย และเป็นเครื่องหมายการจากลาที่สุภาพที่สุด ดังนั้นจึงขอเริ่มด้วยคำว่าสวัสดี ก่อนอื่นขอบอกที่มาของหนังสือเล่มนี้ ทุกครั้งที่เขียนหนังสือเล่มนี้มันรู้สึกอึดอัดอยากตระโกนให้ดังสุดเสียงแต่เกรงใจห้องข้างๆ อยากให้ทุกอย่างที่คิดเป็นไปตามที่คิด เหมือนสั่งได้ดั่งใจ แต่สิ่งที่ทำได้คือ “ทำใจ”
ตอนที่นั่งพิมพ์นี้ แชทเฟสบุ๊คกับเพื่อนที่เรียนปีหนึ่งด้วยกันอยู่ห้องเดียวกัน นอนด้วยกัน กินด้วยกัน ทุกข์ ท้อ สมหวัง ผิดหวัง ร้องไห้ เครียด อด อิ่ม ด้วยกันตลอด ตอนมาแรกๆรู้สึกไม่ค่อยชอบหล่อนเท่าไร หล่อนดูเป็นคนขี้อาย กลัวไปหมดซะทุกอย่าง ใจเย็นเหมือนหอยทากง่วงนอน แต่พอได้ชีวิตด้วยกันเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงเป็นเวลากว่าหนึ่งปี มันเกิดความรัก ความห่วงใย ในวันที่หล่อนย้ายไปเรียนที่อื่นมันรู้สึกว่างเปล่าเดียวดายอย่าบอกใครเลย สุดท้ายเหลือไว้เพียงความทรงจำและความคิดถึง
ดูยูทูปรายการคนค้นคนเรื่อง “นางสาวมืดหัวใจสว่าง” เพื่อบอกตัวเองถึงโอกาสและความโชคดีที่มีมากกว่าเธอคนนี้ เปิดเว็บกูเกิลเพื่อจะทำนายความฝันว่าในฝันจับปลาดุกได้หลายตัว ส่วนคำทำนายก็ไม่ค่อยดีเท่าไร ทำเอาเครียดเหมือนกัน วันนี้ทำข้อสอบในวิชาพฤติกรรมศาสตร์ คำถามมีอยู่ว่า “เกิดมาทำไม” มีเวลาให้คิด 3 ชั่วโมง ในใจก็คิดว่านั่นสิเราเกิดมาทำไม เป้าหมายของชีวิตคืออะไร? ดิฉันเขียนในกระดาษคำตอบว่า “ทำตามฝัน” แต่ก็ไม่แน่ใจว่าถ้าความฝันสำเร็จได้นั้นคือความสุขที่แท้จริงหรือแค่อยากเอาชนะคนที่มักมาดูถูกเรา ได้อย่างก็เสียอย่างเป็นเรื่องธรรมดา กว่าจะได้ความฝันมาอยู่ในมืออาจเสียคนที่รักไปแล้วก็ได้ แล้วเลือกจะกอดความฝันหรือคนที่รัก จนในที่สุดหาข้อสรุปได้ว่าโชคชะตากำหนดมาคงต้องยอมรับอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
คิดไปแล้วก็น่าแปลกเราเชื่อเรื่องดวง โชคชะตา เวทมนตร์ สิ่งที่มองไม่เห็นพิสูจน์ไม่ได้ ไสยศาสตร์ มากกว่าเชื่อความรู้สึกของตนเองซะอีกนะ ดิฉันเคยคิดว่าชีวิตในแต่ละช่วงอายุนี้มันเป็นเพราะโชคชะตาได้ตีกรอบไว้ให้เราเดินและวางกับดักเราเป็นระยะ ทั้งหลุมดำ กว้าง ลึก มืดมิด และขอบหลุมเต็มไปด้วยดินโคลนพอตกลงไปต้องใช้ความพยายามผสานเรี่ยวแรงทั้งหมดฝ่าฝันกับความลื่นที่พยายามรั้งไว้ให้ตกลงไปอีกครั้ง
บางทีเจอก้อนหินเล็กๆดูเหมือนจะไม่พิษภัยแต่สามารถทำให้เราหกล้มจนได้แผลมันคงบอกว่าเดินมาไกลแล้วหยุดพักบ้างให้หายเจ็บหายเหนื่อยแล้วค่อยเดินต่อ บางทีเจอเสียงโหนหวยที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรมาจากไหนดังก้องเข้าไปในโสตประสาทใครมีสติก็สามารถอดทนกับเสียงโหยหวนจนมันเงียบแล้วเดินผ่านไปได้ ใครขวัญอ่อนก็ถอยหลังกลับ
แต่การถอยหลังกลับนั้นแหละน่ากลัวกว่าการเดินไปข้างหน้า ต้องพบเจอหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามาพร้อมกันทั้งหลุมดำ ทั้งใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น ลึกกว่าเดิม ลื่นกว่าเดิมเสียอีก ก้อนหินก้อนเล็กๆก็กลายเป็นก้อนใหญ่มหึมาที่พร้อมจะทับเราทั้งตัวให้จมดินกลายเป็นปุ๋ยล่อเลี้ยงต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้น หรือเสียงโหยหวนที่ดังมากขึ้นจนแก้วหูแตกไปเลยก็ได้ แต่การเกิดถอยหลังใช่ว่าจะแย่เสมอไปเราลองเดินถอยสัก 2 3 ก้าว แล้วมองข้อผิดพลาดวิเคราะห์พิจารณาใช้สติคิดหาหนทางแก้ที่ดีที่สุดแล้วเดินกลับเข้าไปใหม่ก็ยังไม่สาย
ทุกอย่างเกิดจากการกระทำของตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่าเราจะเลือกเดินทางไหน ไม่ว่าจะเดินถอยหลังกลับหรือเดินหน้า แน่นอนอุปสรรคเข้ามาทดสอบความเข้มแข็งอยู่เสมอ หนักบ้างเบาบ้าง แล้วแต่ใจมัน ดิฉันจึงตั้งชื่ออุปสรรคว่า “ครูของชีวิต” อุปสรรคเข้ามาแล้วมักทิ้งสิ่งที่น่าจดจำไว้เสมอ ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี สิ่งที่เหลือไว้คือบทเรียนของการเดินในก้าวต่อไป ลดความกลัว ความประมาท รู้จักคิดก่อนทำ ที่สำคัญทำให้รู้ว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวยังมีมือนุ่มจากมิตรแท้ที่ตบไหล่ ฝ่ามือเต็มไปด้วยความห่วงใยมาลูบหัวจากพี่สาวและพี่ชาย อ้อมกอดมั่นคงจากแม่ผู้ให้กำเนิด หากเลือกมองมุมคนต้นทุนชีวิตสูงมีพร้อมทุกอย่างจะรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา แต่มองในมุมของคนที่ด้อยโอกาส จะรู้สึกภูมิใจและพอใจในทางที่ตัวเองเลือกเดิน
ก้าวแรกที่พลาดพลั้ง คือก้าวหลังที่มั่นใจ
ก้าวหนึ่งที่พลาดไป ขอก้าวใหม่ที่มั่นคง
พระครูบูรพาธรรมบัณฑิต
ก็แค่อยากเป็น.......
7/7/2556 23:46
บทที่ 1
ชะตา & ฟ้ากำหนด
“สวัสดี”
นี้คงเป็นคำที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี มันมีไว้สำหรับทักทาย และเป็นเครื่องหมายการจากลาที่สุภาพที่สุด ดังนั้นจึงขอเริ่มด้วยคำว่าสวัสดี ก่อนอื่นขอบอกที่มาของหนังสือเล่มนี้ ทุกครั้งที่เขียนหนังสือเล่มนี้มันรู้สึกอึดอัดอยากตระโกนให้ดังสุดเสียงแต่เกรงใจห้องข้างๆ อยากให้ทุกอย่างที่คิดเป็นไปตามที่คิด เหมือนสั่งได้ดั่งใจ แต่สิ่งที่ทำได้คือ “ทำใจ”
ตอนที่นั่งพิมพ์นี้ แชทเฟสบุ๊คกับเพื่อนที่เรียนปีหนึ่งด้วยกันอยู่ห้องเดียวกัน นอนด้วยกัน กินด้วยกัน ทุกข์ ท้อ สมหวัง ผิดหวัง ร้องไห้ เครียด อด อิ่ม ด้วยกันตลอด ตอนมาแรกๆรู้สึกไม่ค่อยชอบหล่อนเท่าไร หล่อนดูเป็นคนขี้อาย กลัวไปหมดซะทุกอย่าง ใจเย็นเหมือนหอยทากง่วงนอน แต่พอได้ชีวิตด้วยกันเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงเป็นเวลากว่าหนึ่งปี มันเกิดความรัก ความห่วงใย ในวันที่หล่อนย้ายไปเรียนที่อื่นมันรู้สึกว่างเปล่าเดียวดายอย่าบอกใครเลย สุดท้ายเหลือไว้เพียงความทรงจำและความคิดถึง
ดูยูทูปรายการคนค้นคนเรื่อง “นางสาวมืดหัวใจสว่าง” เพื่อบอกตัวเองถึงโอกาสและความโชคดีที่มีมากกว่าเธอคนนี้ เปิดเว็บกูเกิลเพื่อจะทำนายความฝันว่าในฝันจับปลาดุกได้หลายตัว ส่วนคำทำนายก็ไม่ค่อยดีเท่าไร ทำเอาเครียดเหมือนกัน วันนี้ทำข้อสอบในวิชาพฤติกรรมศาสตร์ คำถามมีอยู่ว่า “เกิดมาทำไม” มีเวลาให้คิด 3 ชั่วโมง ในใจก็คิดว่านั่นสิเราเกิดมาทำไม เป้าหมายของชีวิตคืออะไร? ดิฉันเขียนในกระดาษคำตอบว่า “ทำตามฝัน” แต่ก็ไม่แน่ใจว่าถ้าความฝันสำเร็จได้นั้นคือความสุขที่แท้จริงหรือแค่อยากเอาชนะคนที่มักมาดูถูกเรา ได้อย่างก็เสียอย่างเป็นเรื่องธรรมดา กว่าจะได้ความฝันมาอยู่ในมืออาจเสียคนที่รักไปแล้วก็ได้ แล้วเลือกจะกอดความฝันหรือคนที่รัก จนในที่สุดหาข้อสรุปได้ว่าโชคชะตากำหนดมาคงต้องยอมรับอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
คิดไปแล้วก็น่าแปลกเราเชื่อเรื่องดวง โชคชะตา เวทมนตร์ สิ่งที่มองไม่เห็นพิสูจน์ไม่ได้ ไสยศาสตร์ มากกว่าเชื่อความรู้สึกของตนเองซะอีกนะ ดิฉันเคยคิดว่าชีวิตในแต่ละช่วงอายุนี้มันเป็นเพราะโชคชะตาได้ตีกรอบไว้ให้เราเดินและวางกับดักเราเป็นระยะ ทั้งหลุมดำ กว้าง ลึก มืดมิด และขอบหลุมเต็มไปด้วยดินโคลนพอตกลงไปต้องใช้ความพยายามผสานเรี่ยวแรงทั้งหมดฝ่าฝันกับความลื่นที่พยายามรั้งไว้ให้ตกลงไปอีกครั้ง
บางทีเจอก้อนหินเล็กๆดูเหมือนจะไม่พิษภัยแต่สามารถทำให้เราหกล้มจนได้แผลมันคงบอกว่าเดินมาไกลแล้วหยุดพักบ้างให้หายเจ็บหายเหนื่อยแล้วค่อยเดินต่อ บางทีเจอเสียงโหนหวยที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรมาจากไหนดังก้องเข้าไปในโสตประสาทใครมีสติก็สามารถอดทนกับเสียงโหยหวนจนมันเงียบแล้วเดินผ่านไปได้ ใครขวัญอ่อนก็ถอยหลังกลับ
แต่การถอยหลังกลับนั้นแหละน่ากลัวกว่าการเดินไปข้างหน้า ต้องพบเจอหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามาพร้อมกันทั้งหลุมดำ ทั้งใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น ลึกกว่าเดิม ลื่นกว่าเดิมเสียอีก ก้อนหินก้อนเล็กๆก็กลายเป็นก้อนใหญ่มหึมาที่พร้อมจะทับเราทั้งตัวให้จมดินกลายเป็นปุ๋ยล่อเลี้ยงต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้น หรือเสียงโหยหวนที่ดังมากขึ้นจนแก้วหูแตกไปเลยก็ได้ แต่การเกิดถอยหลังใช่ว่าจะแย่เสมอไปเราลองเดินถอยสัก 2 3 ก้าว แล้วมองข้อผิดพลาดวิเคราะห์พิจารณาใช้สติคิดหาหนทางแก้ที่ดีที่สุดแล้วเดินกลับเข้าไปใหม่ก็ยังไม่สาย
ทุกอย่างเกิดจากการกระทำของตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่าเราจะเลือกเดินทางไหน ไม่ว่าจะเดินถอยหลังกลับหรือเดินหน้า แน่นอนอุปสรรคเข้ามาทดสอบความเข้มแข็งอยู่เสมอ หนักบ้างเบาบ้าง แล้วแต่ใจมัน ดิฉันจึงตั้งชื่ออุปสรรคว่า “ครูของชีวิต” อุปสรรคเข้ามาแล้วมักทิ้งสิ่งที่น่าจดจำไว้เสมอ ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี สิ่งที่เหลือไว้คือบทเรียนของการเดินในก้าวต่อไป ลดความกลัว ความประมาท รู้จักคิดก่อนทำ ที่สำคัญทำให้รู้ว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวยังมีมือนุ่มจากมิตรแท้ที่ตบไหล่ ฝ่ามือเต็มไปด้วยความห่วงใยมาลูบหัวจากพี่สาวและพี่ชาย อ้อมกอดมั่นคงจากแม่ผู้ให้กำเนิด หากเลือกมองมุมคนต้นทุนชีวิตสูงมีพร้อมทุกอย่างจะรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา แต่มองในมุมของคนที่ด้อยโอกาส จะรู้สึกภูมิใจและพอใจในทางที่ตัวเองเลือกเดิน
ก้าวแรกที่พลาดพลั้ง คือก้าวหลังที่มั่นใจ
ก้าวหนึ่งที่พลาดไป ขอก้าวใหม่ที่มั่นคง
พระครูบูรพาธรรมบัณฑิต