ต้องออกตัวก่อนว่าเป็นมือใหม่สำหรับการรีวิวทริป แต่ความประทับใจที่ได้ไปเจอมา เลยอยากจะแชร์ อยากจะเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง เผื่อใครสนใจทริปมัลดีฟ จะได้ตัดสินใจได้ไม่อยาก
ทริปเราเริ่มในช่วงปลายเดือนมิ.ย. เพราะเป็นช่วง low season ของการท่องเที่ยวในมัลดีฟ และก็โชคดีมากที่ Bangkok Airways มีโปรตั๋วบินตรง คนละ 15,000 บาท ไปกลับ เราก็เลยรีบจัดอย่างไม่ลังเล
เราเลือกที่จะพักทางด้านใต้ของเมืองหลวงมาเล่ เพราะเพื่อนๆ บอกว่า อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้ำ นานาชนิด จริงๆ เราศึกษาข้อมูลมาระยะหนึ่งแล้ว แต่มันเยอะมาก จนท้ายสุดเราเลือกปรึกษากับเอเย่นซี่ Maldives Expert ด้วยงบประมาณของเรา ทางเอเย่นแนะนำ Lilly Resort and Spa ซึ่งเราก็ไม่ผิดหวัง ได้ประสบการณ์และความประทับใจมากมาย
ประสบการแปลกใหม่คือ Seaplane ทำให้เห็นภาพเกาะต่างๆ ที่เป็นวงๆ อย่างที่เราดูในหนังสือท่องเที่ยว แต่คราวนี้เรามาดูด้วยตาเราเอง
เพียงชั่วอึดใจเดียว เราก็มาถึงรีสอร์ท ... หนึ่งในหลายเกาะสวรรค์ที่หลายๆ คนใฝ่ฝัน .... ซึ่งมันก็จริงอย่างที่หลายๆ คนคิด

เราเลือกพักที่ Water Villa เพราะไหนๆ ไปทั้งที ก็อยากจะลองพักแบบนี้ดูบ้าง เอาให้มันได้ประสบการณ์แบบสุดๆ กันไป ซึ่งห้องพัก Water Villa ที่นี้ เปิดประตูเข้ามา ก็มีกระจกตรงทางเดิน ไว้คอยดูปลาต่างๆ ที่จะว่ายมาเยี่ยมเยียน เราถึงบ้าน.... ซึ่งเราก็มีแขกมาเยือนเป็น baby shark fin ในช่วงเช้าของวันที่ 2 มันเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดจริงๆ ไม่นับรวมมีจากุชชี่กลางห้องน้ำ และ สระจากุชชี่ริมระเบียง นวดไป ดูวิวทะเลไป ... สุขสุดสุดทีเดียว

และนี่คือวิวจากริมระเบียงบ้านของเรา

และเราก็ไม่รอช้าที่จะไปยืมอุปกรณ์ snorkeling จาก water sport center ทั้งชุด พร้อมเปลี่ยนชุดลงสำรวจพื้นที่ทันที เพราะน้ำใสมากจนอดใจไว้ไม่ไหวจริงๆ .... เชื่อว่าทุกคนก็คิดเหมือนกัน

เหนื่อยแล้วก็มาพักแบบนี้... กับวิวและบรรยากาศที่สุดแสนจะบรรยาย

และหากให้มันเพอร์เฟค แนะนำว่า ลงทุนหากล้องถ่ายรูปใต้น้ำติดตัวมาด้วย แล้วคุณจะไม่เสียใจ เพราะภาพจากนี้ไป คือ เจอได้จากหน้าบ้านเราเอง รวมถึง ทริปดำน้ำ snokeling ที่ทางรีสอร์ทจัดให้และรวมในแพ็กเกจของเรา ... พร้อมที่จะดำลงสู่ใต้น้ำกันแล้วหรือยัง...

นอกจากนี้ ทางรีสอร์ท จะมีการให้อาหารปลาในช่วง สามทุ่มทุกวัน ตรงท่าเรือที่เรามาถึงรีสอร์ท ซึ่งจะเห็นสิ่งมหัศจรรย์ นั่นก็คือ ปลากระเบน และปลาฉลาม จะว่ายมารออาหาร อย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว
หากเดินเล่นในรีสอร์ท ก็ต้องบอกว่ามีหลายมุมให้ถ่ายรูปกัน ... แต่ที่ส่วนใหญ่ถ่ายกันก็จะเป็นภาพน้ำทะเลใสๆ แบบนี้

แต่อยากจะนำเสนอภาพยามค่ำที่น่าสนใจ มุมสวยๆ แสงดีๆ .... มันช่างเพอร์เฟค อะไรเช่นนี้

หรือจะเป็นพระอาทิตย์ตกดิน ... ที่เราได้ร่วมทริปออกเรือไปดูพระอาทิตย์ตก กลาง ทะเล ... ซึ่งเป็นอีกโปรแกรมที่เราเลือกไว้ในแพ็คเกจ จึงไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด
มาถึงตรงนี้ จะไม่รีวิว เรื่องอาหาร ก็ใช่ที่ .... อาหารสไตล์บุฟเฟ่ .... มีความหลากหลาย ณ ห้อง Lilly Maa

ใครที่สามารถสื่อสารกับทางเจ้าหน้าที่ได้ ก็อ้อนๆ เค้าหน่อย ... คืนแรกเราอยากกินซีฟู๊ด แต่มันเป็นคืนอาเซียนไนท์ เลยไปขอเค้าว่าอยากกินซีฟู๊ด อยากกินกุ้งเผา เค้าก็ไปทำมาให้ น่ารักมากจริงๆ
ส่วนห้องอาหารอีกห้อง เป็นแบบ สแน็คบาร์ กับ อาหารกลางวันง่ายๆ แต่รสชาดอร่อยทีเดียว ... ห้อง Aqua Bar
และที่เราประทับใจสุดๆ จะเป็นคืนสุดท้าย เราดินเนอร์กันใต้แสงดาวกันเลยทีเดียว ณ ห้องทัมมารีน ... ย้ำว่าใครเลือกที่จะไปรีสอร์ทนี้ ให้ทางเอเย่นต์ จองโต๊ะด้านนอกไว้แต่เนิ่นๆ เลย ... ส่วนเมนู มีตั้งแต่เริ่มต้น /เรียกน้ำย่อย / อาหารหลัก / ของหวาน ซึ่งก็เป็นสไตล์เอเชีย แต่เราขอแนะนำ ให้สคิป อาหารหลัก แล้วเลือกอาหารเรียกน้ำย่อย เป็นชุดซีฟู๊ดสด ... มีทั้งปลาทูน่าสด, หอยนางรมสด, ไข่ปลาคาเวีย, ไข่กุ้ง, หอยแมงภู่... มันทำให้เราฟินนนนนน ไปเลย บวกกับไวน์ขาวที่เสริฟ มาพร้อมกันด้วยแล้ว .... พระเจ้า!!!

ขอเน้นๆ สักภาพ

เราเลยตัดสินใจขอหอยนางรมสดอีกจาน ซึ่งเค้าก็ใจดีอีกแล้ว จัดให้ 6 ตัวเป่งๆๆๆ พร้อมไวน์ขาวอีกแก้ว .....
หลายสิ่งที่ได้เรียนรู้สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ อยู่ทะเล ลมโชย ตลอดเวลา ไม่รู้สึกเหนียว ว่ายน้ำทะเลขึ้นมาก็ไม่รู้สึกเหนียว เหมือนเวลาเราไปทะเลบ้านเราเลย
เวลา 4 วัน 3 คืน มันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว...บรรยากาศทั้งเช้า กลางวัน เย็น ค่ำ ยังแตกต่างและมีเสน่ห์ของมันอย่างที่ทุกคนที่เคยไปแล้ว ก็ใฝ่ฝันอยากจะกลับไปอีก เช้ามาว่ายน้ำ เดินชิล ตกบ่าย นอนพัก ริมระเบียง บ่ายคล้อย ลงสำรวจปลาหน้าบ้าน ตกค่ำดินเนอร์ แล้วกลับมานอนนับดาวบนท้องฟ้าที่นับไม่ถ้วนที่ริมระเบียง พร้อมกับลมทะเลพัดมาเป็นระยะๆ ไม่มีเหงื่อออกสักเม็ด .... ช่างเป็นเสน่ห์ที่หาที่อื่นเปรียบเทียบได้ยากจริงๆ
จบทริปได้อย่างสนุก เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ประทับใจกับบรรยากาศ ...
แล้วเราจะกลับไปอีก
มัลดีฟ เกาะในฝันที่จับต้องได้
หมายเหตุ: แพ็คเกจของการท่องเที่ยวในมัลดีฟ มีราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ สถานที่ตั้งของเกาะที่พัก / ใช้สปีดโบ๊ท หรือ seaplane เดินทาง / แพ็คเกจรวมเครื่องดื่มแอลกอฮอร์หรือไม่รวม ทำให้เราไม่เสียตังค์เลยสักกะบาท ในทริปนี้ เว้นแต่เราซื้อโปรการ์ดเป็นที่ระลึกกลับมาคนละใบ ...หากเพื่อนๆ สนใจ และอยากลดเวลา ลองปรึกษาเอเย่นดูจะช่วยได้เยอะ เพราะมีทางเลือกให้เยอะมากจริงๆ ค่ะ ตัวเองศึกษามาสักพัก แต่ท้ายสุดก็ใช้เอเย่น จัดการให้หมด สะดวกกว่ากันเยอะ ที่ไปก็ใช้เอเย่นของ maldives expert
[CR] รีวิวทริปมัลดีฟ ... สวรรค์ของคนรักทะเล
ทริปเราเริ่มในช่วงปลายเดือนมิ.ย. เพราะเป็นช่วง low season ของการท่องเที่ยวในมัลดีฟ และก็โชคดีมากที่ Bangkok Airways มีโปรตั๋วบินตรง คนละ 15,000 บาท ไปกลับ เราก็เลยรีบจัดอย่างไม่ลังเล
เราเลือกที่จะพักทางด้านใต้ของเมืองหลวงมาเล่ เพราะเพื่อนๆ บอกว่า อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้ำ นานาชนิด จริงๆ เราศึกษาข้อมูลมาระยะหนึ่งแล้ว แต่มันเยอะมาก จนท้ายสุดเราเลือกปรึกษากับเอเย่นซี่ Maldives Expert ด้วยงบประมาณของเรา ทางเอเย่นแนะนำ Lilly Resort and Spa ซึ่งเราก็ไม่ผิดหวัง ได้ประสบการณ์และความประทับใจมากมาย
ประสบการแปลกใหม่คือ Seaplane ทำให้เห็นภาพเกาะต่างๆ ที่เป็นวงๆ อย่างที่เราดูในหนังสือท่องเที่ยว แต่คราวนี้เรามาดูด้วยตาเราเอง
เพียงชั่วอึดใจเดียว เราก็มาถึงรีสอร์ท ... หนึ่งในหลายเกาะสวรรค์ที่หลายๆ คนใฝ่ฝัน .... ซึ่งมันก็จริงอย่างที่หลายๆ คนคิด
เราเลือกพักที่ Water Villa เพราะไหนๆ ไปทั้งที ก็อยากจะลองพักแบบนี้ดูบ้าง เอาให้มันได้ประสบการณ์แบบสุดๆ กันไป ซึ่งห้องพัก Water Villa ที่นี้ เปิดประตูเข้ามา ก็มีกระจกตรงทางเดิน ไว้คอยดูปลาต่างๆ ที่จะว่ายมาเยี่ยมเยียน เราถึงบ้าน.... ซึ่งเราก็มีแขกมาเยือนเป็น baby shark fin ในช่วงเช้าของวันที่ 2 มันเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดจริงๆ ไม่นับรวมมีจากุชชี่กลางห้องน้ำ และ สระจากุชชี่ริมระเบียง นวดไป ดูวิวทะเลไป ... สุขสุดสุดทีเดียว
และนี่คือวิวจากริมระเบียงบ้านของเรา
และเราก็ไม่รอช้าที่จะไปยืมอุปกรณ์ snorkeling จาก water sport center ทั้งชุด พร้อมเปลี่ยนชุดลงสำรวจพื้นที่ทันที เพราะน้ำใสมากจนอดใจไว้ไม่ไหวจริงๆ .... เชื่อว่าทุกคนก็คิดเหมือนกัน
เหนื่อยแล้วก็มาพักแบบนี้... กับวิวและบรรยากาศที่สุดแสนจะบรรยาย
และหากให้มันเพอร์เฟค แนะนำว่า ลงทุนหากล้องถ่ายรูปใต้น้ำติดตัวมาด้วย แล้วคุณจะไม่เสียใจ เพราะภาพจากนี้ไป คือ เจอได้จากหน้าบ้านเราเอง รวมถึง ทริปดำน้ำ snokeling ที่ทางรีสอร์ทจัดให้และรวมในแพ็กเกจของเรา ... พร้อมที่จะดำลงสู่ใต้น้ำกันแล้วหรือยัง...
นอกจากนี้ ทางรีสอร์ท จะมีการให้อาหารปลาในช่วง สามทุ่มทุกวัน ตรงท่าเรือที่เรามาถึงรีสอร์ท ซึ่งจะเห็นสิ่งมหัศจรรย์ นั่นก็คือ ปลากระเบน และปลาฉลาม จะว่ายมารออาหาร อย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว
หากเดินเล่นในรีสอร์ท ก็ต้องบอกว่ามีหลายมุมให้ถ่ายรูปกัน ... แต่ที่ส่วนใหญ่ถ่ายกันก็จะเป็นภาพน้ำทะเลใสๆ แบบนี้
แต่อยากจะนำเสนอภาพยามค่ำที่น่าสนใจ มุมสวยๆ แสงดีๆ .... มันช่างเพอร์เฟค อะไรเช่นนี้
หรือจะเป็นพระอาทิตย์ตกดิน ... ที่เราได้ร่วมทริปออกเรือไปดูพระอาทิตย์ตก กลาง ทะเล ... ซึ่งเป็นอีกโปรแกรมที่เราเลือกไว้ในแพ็คเกจ จึงไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด
มาถึงตรงนี้ จะไม่รีวิว เรื่องอาหาร ก็ใช่ที่ .... อาหารสไตล์บุฟเฟ่ .... มีความหลากหลาย ณ ห้อง Lilly Maa
ใครที่สามารถสื่อสารกับทางเจ้าหน้าที่ได้ ก็อ้อนๆ เค้าหน่อย ... คืนแรกเราอยากกินซีฟู๊ด แต่มันเป็นคืนอาเซียนไนท์ เลยไปขอเค้าว่าอยากกินซีฟู๊ด อยากกินกุ้งเผา เค้าก็ไปทำมาให้ น่ารักมากจริงๆ
ส่วนห้องอาหารอีกห้อง เป็นแบบ สแน็คบาร์ กับ อาหารกลางวันง่ายๆ แต่รสชาดอร่อยทีเดียว ... ห้อง Aqua Bar
และที่เราประทับใจสุดๆ จะเป็นคืนสุดท้าย เราดินเนอร์กันใต้แสงดาวกันเลยทีเดียว ณ ห้องทัมมารีน ... ย้ำว่าใครเลือกที่จะไปรีสอร์ทนี้ ให้ทางเอเย่นต์ จองโต๊ะด้านนอกไว้แต่เนิ่นๆ เลย ... ส่วนเมนู มีตั้งแต่เริ่มต้น /เรียกน้ำย่อย / อาหารหลัก / ของหวาน ซึ่งก็เป็นสไตล์เอเชีย แต่เราขอแนะนำ ให้สคิป อาหารหลัก แล้วเลือกอาหารเรียกน้ำย่อย เป็นชุดซีฟู๊ดสด ... มีทั้งปลาทูน่าสด, หอยนางรมสด, ไข่ปลาคาเวีย, ไข่กุ้ง, หอยแมงภู่... มันทำให้เราฟินนนนนน ไปเลย บวกกับไวน์ขาวที่เสริฟ มาพร้อมกันด้วยแล้ว .... พระเจ้า!!!
ขอเน้นๆ สักภาพ
เราเลยตัดสินใจขอหอยนางรมสดอีกจาน ซึ่งเค้าก็ใจดีอีกแล้ว จัดให้ 6 ตัวเป่งๆๆๆ พร้อมไวน์ขาวอีกแก้ว .....
หลายสิ่งที่ได้เรียนรู้สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ อยู่ทะเล ลมโชย ตลอดเวลา ไม่รู้สึกเหนียว ว่ายน้ำทะเลขึ้นมาก็ไม่รู้สึกเหนียว เหมือนเวลาเราไปทะเลบ้านเราเลย
เวลา 4 วัน 3 คืน มันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว...บรรยากาศทั้งเช้า กลางวัน เย็น ค่ำ ยังแตกต่างและมีเสน่ห์ของมันอย่างที่ทุกคนที่เคยไปแล้ว ก็ใฝ่ฝันอยากจะกลับไปอีก เช้ามาว่ายน้ำ เดินชิล ตกบ่าย นอนพัก ริมระเบียง บ่ายคล้อย ลงสำรวจปลาหน้าบ้าน ตกค่ำดินเนอร์ แล้วกลับมานอนนับดาวบนท้องฟ้าที่นับไม่ถ้วนที่ริมระเบียง พร้อมกับลมทะเลพัดมาเป็นระยะๆ ไม่มีเหงื่อออกสักเม็ด .... ช่างเป็นเสน่ห์ที่หาที่อื่นเปรียบเทียบได้ยากจริงๆ
จบทริปได้อย่างสนุก เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ประทับใจกับบรรยากาศ ...
แล้วเราจะกลับไปอีก
มัลดีฟ เกาะในฝันที่จับต้องได้
หมายเหตุ: แพ็คเกจของการท่องเที่ยวในมัลดีฟ มีราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ สถานที่ตั้งของเกาะที่พัก / ใช้สปีดโบ๊ท หรือ seaplane เดินทาง / แพ็คเกจรวมเครื่องดื่มแอลกอฮอร์หรือไม่รวม ทำให้เราไม่เสียตังค์เลยสักกะบาท ในทริปนี้ เว้นแต่เราซื้อโปรการ์ดเป็นที่ระลึกกลับมาคนละใบ ...หากเพื่อนๆ สนใจ และอยากลดเวลา ลองปรึกษาเอเย่นดูจะช่วยได้เยอะ เพราะมีทางเลือกให้เยอะมากจริงๆ ค่ะ ตัวเองศึกษามาสักพัก แต่ท้ายสุดก็ใช้เอเย่น จัดการให้หมด สะดวกกว่ากันเยอะ ที่ไปก็ใช้เอเย่นของ maldives expert