สวัสดีครับ ห่างหายจากพันทิพไปซะตั้งนาน เพราะมัวแต่ยุ่งๆ กับงานเป็นอย่างมาก ไหนๆ วันนี้พอจะมีเวลาว่างบ้าง ผมเลยอยากจะขอเล่าประสบการณ์ชีวิตของผมให้ทุกคนได้อ่านกัน เพื่อที่จะเป็นกำลังใจแก่ทุกคน ทุกวัย ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงของการศึกษา หรือวัยทำงาน หรือคนที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกับการเลือกทางเดินของชีวิตตัวเองนะครับ
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด เกิดในอำเภอห่างไกลจากตัวเมืองมากนั่งรถไปอีกไม่กี่กิโลก็เป็นประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เรื่องฐานะไม่ต้องพูดถึงเลยเมื่อความเจริญยังเข้ามาไม่ถึง ความลำบากก็ต้องตามมาเป็นเรื่องธรรมดา ผมก็เรียนโรงเรียนประจำอำเภอจนกระทั่งจบ ม.3 ทางเลือกของเด็กต่างจังหวัดมันมีไม่มาก ตอนนั้นสับสนไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรต่อดี ถ้าเรียนต่อ ม.ปลาย ผมคงสู้เด็กที่เรียนโรงเรียนประจำจังหวัดไม่ได้แน่ๆ แต่จะให้ออกมาทำไร่ทำสวนแบบลูกบ้านอื่นๆ เขา ผมก็ไม่อยากทำ เพราะใจยังไม่อยากทิ้งการเรียน ไม่ใช่ว่าผมจะชอบเรียนนะครับแต่ผมไม่อยากลำบากอีกแล้ว จนสุดท้ายผมก็ได้เบนเข็มมาเรียนสายอาชีพ ที่วิทยาลัยสารพัดช่าง ซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนวิทยาลัยเทคนิค ประจำจังหวัด ด้วยความที่บ้านไกลต้องมาเรียนต่างอำเภอ พ่อกับแม่ผมเลยฝากผมให้เป็นเด็กวัดในตัวเมือง และกู้ยืมเงิน กยศ. เอามาเป็นทุนการศึกษาผมเลือกเรียนต่อ ปวช. แผนกไฟฟ้ากำลัง ก็เรียนพวกวิชาไฟฟ้าพื้นฐาน, ไฟฟ้ากระแสสลับ, ไฟฟ้ากระแสตรงเบื้องต้น ฯลฯ ตอนที่ผมเรียนก็จะเน้นปฏิบัติซะมากกว่า อันนี้คือข้อดีของสายอาชีพเลยแหละ ที่ได้ลงมือทำจริง มันเลยทำให้ไม่น่าเบื่อ ไม่ต้องเรียนไปง่วงไปเหมือนตอนเรียนภาคทฤษฎี ผมจบ ปวช. ก็เลือกเรียนต่อ ปวส.สาขาไฟฟ้ากำลัง ที่วิทยาลัยเทคนิคประจำจังหวัดทันที การเรียนของผมถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ และผมก็ได้มีโอกาสเข้าไปฝึกงานในโรงงานใหญ่ ได้ประสบการณ์ในการทำงาน มันทำให้ผมได้เตรียมความพร้อมในด้านการทำงาน วินัยการทำงาน ที่สำคัญผมได้ฝึกงานในสิ่งที่ผมได้เรียนมา ทำให้ผมมีทักษะงานช่างเพิ่มขึ้นอีก เชื่อไหมครับว่าการจบ ปวส. ผมก็สามารถทำงานได้จนเป็นที่พอใจของเจ้านาย เค้าชมผมไม่ขาดปาก ถึงขนาดชวนให้ไปทำงานด้วยจริงๆ ด้วยล่ะครับ
พอจบชั้น ปวส. ก็ไปสอบเข้ามมหาวิทยาลัยเพื่อเรียนต่อ ป.ตรี ผมสอบได้ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ แต่ว่าไปติดคณะที่ผมไม่อยากได้ ผมเลยตัดสินใจไม่เรียนต่อป.ตรี แต่ไปเรียนต่อที่สถาบันพัฒนาฝีแรงงานประจำจังหวัดของบ้านผมแทน ผมเรียนเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ เรียนทั้งหมด 8 เดือน ที่ผมเลือกเรียนข่างซ่อมคอมพิวเตอร์ก็เพราะว่า มีคนแนะนำให้เรียนประกอบกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งในช่วงนั้นกระแสคอมพิวเตอร์กำลังเริ่มบูม มันก็เลยทำให้ผมเริ่มมองเห็นอนาคตมาริบๆ ตอนที่ผมเรียนถือว่าได้เปรียบเพื่อนร่วมชั้นมากๆ เพราะผมมีพื้นฐานจากการเรียนไฟฟ้ากำลังมาบ้างแล้ว ไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่มีพื้นฐานมาเหมือนผม ก็เนื่องจากเพื่อนร่วมชั้นของผมมาจากหลากหลายที่ ถูกรีไทน์มาบ้าง เลิกเรียนเองมาบ้าง เกกมะเรก เกเรกันมาเยอะแยะ แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคนะครับ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจของตัวเองล้วนๆ ส่วนเรื่องวิชาการเรียนนับได้ว่าเรียนหนักพอสมควรเหมือนกัน เนื่องจากว่าหลักสูตรไม่ใช่หลักสูตรระยะยาว อาจารย์เลยอัดความรู้วิชาคอมพิวเตอร์มาเต็มเลยครับ ต่อมาก็เรียนเรื่องเกี่ยวกับส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ และก็ประกอบฮาร์ดแวร์ แกะคอมกันตรงเพื่อที่จะเรียน รู้จักอุปกรณ์ต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ เมื่อถอดแล้วก็ต้องประกอบกลับเข้าไปใหม่ ทำอยู่อย่างนั้นจนเกิดความชำนาญ แล้วก็เรียนพวกซอฟแวร์ต่างๆ วิธีการลงโปรแกรม นับได้ว่าอาจารย์สอนและทำทุกสิ่งอย่างที่เพื่อให้ให้ผมเอาไปประกอบอาชีพต่อได้ การเรียนตอนนั้นถือว่าทั้งมันส์ ทั้งเหนื่อยมากๆ เลยครับ
เรื่องราวของเด็กวัดบ้านนอก ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของกิจการ และวันนี้ผมก็ทำสำเร็จแล้วครับ
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด เกิดในอำเภอห่างไกลจากตัวเมืองมากนั่งรถไปอีกไม่กี่กิโลก็เป็นประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เรื่องฐานะไม่ต้องพูดถึงเลยเมื่อความเจริญยังเข้ามาไม่ถึง ความลำบากก็ต้องตามมาเป็นเรื่องธรรมดา ผมก็เรียนโรงเรียนประจำอำเภอจนกระทั่งจบ ม.3 ทางเลือกของเด็กต่างจังหวัดมันมีไม่มาก ตอนนั้นสับสนไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรต่อดี ถ้าเรียนต่อ ม.ปลาย ผมคงสู้เด็กที่เรียนโรงเรียนประจำจังหวัดไม่ได้แน่ๆ แต่จะให้ออกมาทำไร่ทำสวนแบบลูกบ้านอื่นๆ เขา ผมก็ไม่อยากทำ เพราะใจยังไม่อยากทิ้งการเรียน ไม่ใช่ว่าผมจะชอบเรียนนะครับแต่ผมไม่อยากลำบากอีกแล้ว จนสุดท้ายผมก็ได้เบนเข็มมาเรียนสายอาชีพ ที่วิทยาลัยสารพัดช่าง ซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนวิทยาลัยเทคนิค ประจำจังหวัด ด้วยความที่บ้านไกลต้องมาเรียนต่างอำเภอ พ่อกับแม่ผมเลยฝากผมให้เป็นเด็กวัดในตัวเมือง และกู้ยืมเงิน กยศ. เอามาเป็นทุนการศึกษาผมเลือกเรียนต่อ ปวช. แผนกไฟฟ้ากำลัง ก็เรียนพวกวิชาไฟฟ้าพื้นฐาน, ไฟฟ้ากระแสสลับ, ไฟฟ้ากระแสตรงเบื้องต้น ฯลฯ ตอนที่ผมเรียนก็จะเน้นปฏิบัติซะมากกว่า อันนี้คือข้อดีของสายอาชีพเลยแหละ ที่ได้ลงมือทำจริง มันเลยทำให้ไม่น่าเบื่อ ไม่ต้องเรียนไปง่วงไปเหมือนตอนเรียนภาคทฤษฎี ผมจบ ปวช. ก็เลือกเรียนต่อ ปวส.สาขาไฟฟ้ากำลัง ที่วิทยาลัยเทคนิคประจำจังหวัดทันที การเรียนของผมถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ และผมก็ได้มีโอกาสเข้าไปฝึกงานในโรงงานใหญ่ ได้ประสบการณ์ในการทำงาน มันทำให้ผมได้เตรียมความพร้อมในด้านการทำงาน วินัยการทำงาน ที่สำคัญผมได้ฝึกงานในสิ่งที่ผมได้เรียนมา ทำให้ผมมีทักษะงานช่างเพิ่มขึ้นอีก เชื่อไหมครับว่าการจบ ปวส. ผมก็สามารถทำงานได้จนเป็นที่พอใจของเจ้านาย เค้าชมผมไม่ขาดปาก ถึงขนาดชวนให้ไปทำงานด้วยจริงๆ ด้วยล่ะครับ
พอจบชั้น ปวส. ก็ไปสอบเข้ามมหาวิทยาลัยเพื่อเรียนต่อ ป.ตรี ผมสอบได้ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ แต่ว่าไปติดคณะที่ผมไม่อยากได้ ผมเลยตัดสินใจไม่เรียนต่อป.ตรี แต่ไปเรียนต่อที่สถาบันพัฒนาฝีแรงงานประจำจังหวัดของบ้านผมแทน ผมเรียนเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ เรียนทั้งหมด 8 เดือน ที่ผมเลือกเรียนข่างซ่อมคอมพิวเตอร์ก็เพราะว่า มีคนแนะนำให้เรียนประกอบกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งในช่วงนั้นกระแสคอมพิวเตอร์กำลังเริ่มบูม มันก็เลยทำให้ผมเริ่มมองเห็นอนาคตมาริบๆ ตอนที่ผมเรียนถือว่าได้เปรียบเพื่อนร่วมชั้นมากๆ เพราะผมมีพื้นฐานจากการเรียนไฟฟ้ากำลังมาบ้างแล้ว ไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่มีพื้นฐานมาเหมือนผม ก็เนื่องจากเพื่อนร่วมชั้นของผมมาจากหลากหลายที่ ถูกรีไทน์มาบ้าง เลิกเรียนเองมาบ้าง เกกมะเรก เกเรกันมาเยอะแยะ แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคนะครับ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจของตัวเองล้วนๆ ส่วนเรื่องวิชาการเรียนนับได้ว่าเรียนหนักพอสมควรเหมือนกัน เนื่องจากว่าหลักสูตรไม่ใช่หลักสูตรระยะยาว อาจารย์เลยอัดความรู้วิชาคอมพิวเตอร์มาเต็มเลยครับ ต่อมาก็เรียนเรื่องเกี่ยวกับส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ และก็ประกอบฮาร์ดแวร์ แกะคอมกันตรงเพื่อที่จะเรียน รู้จักอุปกรณ์ต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ เมื่อถอดแล้วก็ต้องประกอบกลับเข้าไปใหม่ ทำอยู่อย่างนั้นจนเกิดความชำนาญ แล้วก็เรียนพวกซอฟแวร์ต่างๆ วิธีการลงโปรแกรม นับได้ว่าอาจารย์สอนและทำทุกสิ่งอย่างที่เพื่อให้ให้ผมเอาไปประกอบอาชีพต่อได้ การเรียนตอนนั้นถือว่าทั้งมันส์ ทั้งเหนื่อยมากๆ เลยครับ