ค่ะ รีวิวนี้เป็นรีวิวครั้งที่ 2 ต่อจากรีวิวเวียดนามไป ตามนี้
http://pantip.com/topic/32263512 ค่ะ
ศรีลังกา Part 1 นี้ กทม - โคลัมโบ - แคนดี้
ตอนที่ 2 แคนดี้-นูวาร่า
http://pantip.com/topic/32326744
ตอนที่ 3
http://pantip.com/topic/32327438 นูวาร่า - เอลล่า
ตอนที่ 4
http://pantip.com/topic/32330884 เอลล่า-แทนกอลล์-โคลัมโบ-เนกอมโบ
ทริปนี้เกิ่นก่อนว่าตั้งใจจะไป 1 อาทิตย์ พยายามหาเพื่อนแล้วแต่แบบไม่มีใครว่างเลยต่างคนต่างทำงาน เลยเอาวะ ไหนๆก็ไหนๆ เริ่มจากอ่านรีวิวต่างๆเยอะพอประมาณ เลยตัดสินใจดูตั๋ว แอร์เอเชีย ราคาก็โอเค แต่ต้องไปรอที่กัวลาลัมเปอร์ ค่าโหลดกระเป๋า ภาษีสนามบินอีกเหมือนเคย เลยลองดู Srilankan airline ราคาประมาณ 10,570 บาท (ไป-กลับ) เราก็โอเคกับราคานะ เลยจองแถมใกล้ด้วยไม่ต้องไปขึ้นถึงดอนเมือง เราเลือกเวลาตอนเช้า 7.20 จะได้มีเวลาเที่ยวหรือเผื่ออะไรผิดพลาด ไปถึงนู่นก็ 11.30 (เวลาที่ศรีลังกาจะช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 1 ชม.ครึ่ง)
เริ่มวันแรกกันเลยนะคะ มาเช็คอินประมาณ 6โมงเช้า
บรรยากาศค่ะ เราจองที่นั่งตรงปีกพอดี
รูปร่างหน้าตาอาหาร
ซักพักแอร์ก็จะแจกใบเข้าเมือง
ลงเครื่องมาต้องต่อรถบัสเข้าไปที่สนามบิน
พอไปถึงเป็นอะไรที่อารมณ์เสียมาก เรารู้ว่าคนไทยไปศรีลังกาต้องทำวีซ่า สามารถทำได้ 2 ทางคือ 1.ไปทำที่สถานฑูตศรีลังกาแถวอโศก หรือ 2.ไป on arrival ที่สนามบินที่นู่นเอา เราเลยเลือกทำจากที่นี่ไปดีกว่ากลัวผิดพลาดแล้วจะลำบาก แต่เชื่อไหมคะ เราลงเครื่องมาเฉิดฉายอย่างมีความสุข ต่อแถวตรวจคนเข้าเมือง ตม.บอก "your date of birth in visa is not same as passport." อ้าว!! มหาซวยบังเกิด เราก็บอกว่า I did it at Srilanka Embassy in Bkk. I didn't do it online like it like other.

บอก So,you need to do it again Visa on arrival and pay again also แล้วโยน passport กลับ เลวมาก มารยาททรามที่สุด นึกว่าฟังผิด อะไรนะ do it again ไม่นะ นั่งเถียงว่ามันเป็นความผิดฉันเหรอที่จะต้องเสียเงิน 35USD เพื่อทำวีซ่าใหม่

บอก no excuse เจ้าหน้าที่อีกคนสงสารเรา เห็นว่าไม่ใช่ความผิดเรา เลยเดินไปขอให้อีกรอบ

บอกให้ทำใหม่ ยูก็กลับไป complain ที่ bkk เองละกันนะ
ด้วยความที่เสียเวลาเถียงกับมันมามากพอและ เสียเวลามากมายก็แบบเออยอมจ่ายก็ได้วะ 35USD เห่อๆ
เดินออกมาจะรับกระเป๋า พระเจ้ามันหมดรอบแล้วเพราะเราเสียเวลาเถียงกับตม. นานเกินไป เลยต้องเดินไปถาม พอรับเป้มา สายขาดไป 1 ข้าง ทำให้การเดินทางล่าช้ามาก เพราะแบกได้ข้างเดียว เราก็เอาวะ ข้างเดียวก็ข้างเดียว เดินออกมา พนักงานที่สนามบินส่วนมากก็จะถามว่า มาจากไหน มาคนเดียวเหรอ ศาสนาอะไร ข้างหน้าจะมีที่แลกเงิน เงินไทยก็แลกได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องเอาดอลล่าไปแลก เราเลยแลกมาเพิ่มอีกนิดหน่อยเผื่อฉุกเฉิน เดินออกมาเลี้ยวซ้าย ออกประตูมาจะมีรถบัสเข้าไปในเมือง ขนส่งโคลัมโบค่ะ ราคา 120 รูปี ก็ประมาณ 30 กว่าบาท ถูกค่ะ รถแอร์ด้วย
พอไปถึงขนส่งบ้านเค้า
ถามตรง Information center ว่า แคนดี้ขึ้นตรงไหน เค้าก็แบบชี้มาตรงป้าย ที่ศรีลังกาดีค่ะ ป้ายที่บอกจะมีภาษาอังกฤษด้วย ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น
ยินรอในแถวประมาณ 15 นาที รถก็มาเทียบ รอขึ้นค่ะ ขอบอกว่ารถฉิ่งฉาบทัวร์
ไรงี้ ไม่มีแอร์ นั่งไปตอนแรกโอเคอยู่ หลังๆเริ่มมึนหัวเพราะผ่านเขา คดเคี้ยว เบาะก็แข็งและแคบมาก มีกระเป๋ารถมาเก็บค่าโดยสาร
เรานั่งไปก็จะมีคนลง ขึ้นใหม่มาเรื่อยๆ ระหว่างทาง ขอเล่านิ๊ด มีตาแก่คนศรีลังกานี่แหละค่ะ มานั่งข้างๆเรา มาแบบเบียดๆ เราก็เข้าใจว่ารถมันเด้ง สักพักมันเอามือมาวางตรงขาข้างซ้ายเรา แล้วแบบเอานิ้วมันอ่ะ สอดไปตรงรอยขาดกางเกงยีนส์เราแบบ บีบๆ ที่ขาเรา เราเลยแบบ ไม่ใช่และ เลยตะโกนดังๆไปว่า What the _ing you are doing ?? shit !! get out from me _ing _ing ขอบอกว่าด่าแบบไม่ยั้ง อีกรอบ มันเลยขอลง คงจะอายเพราะคนเต็มรถ ณ เวลานี้ 4 ชม.จากโคลัมโบ มา แคนดี้ พอลงรถมาฝนก็ตกพร่ำ เราเลยเรียกตุ๊กๆให้ไปส่งที่ รร. เพราะตอนนั้นเราเวียนหัวมาก ออกแนวเมารถ ตุ๊กๆก็ดีพาเราไปหา ราคาประมาณ 2000รูปี ณ เวลานั้นพอลงรถตุ๊กๆ อ้วกออกมาหมดเลย ไม่เลือกและ รร. พอขึ้นไปดูห้อง ก็แบบอยากนอนพัก หาไรกิน เลยตกลงพักที่นี่ค่ะ
ห้องที่แคนดี้ค่ะ
ด้านหน้าค่ะ เป็นบ้านคนเหมือนแบ่งเป็นห้องๆให้เช่า
เราจ่ายตังตุ๊กๆไป 200 รูปี เค้าก็เสนอพาเที่ยวพรุ่งนี้ 2000 รูปี เราก็ตกลง เพราะถ้าให้เดินเที่ยวเองคงไม่หมดแน่
ออกไปกินข้าวเย็น อาบน้ำ นอน
วันที่ 2 มีอาหารเช้า ตั้งรอไว้ ตามนี้
เข้ามา 9 โมง มาคอยหน้า รร. แล้วค่ะ
เมื่อวานก็ตกลงกันแล้วว่าจะไปไหนบ้าง เค้าพาเราไป ที่ pinnawara ที่ไปดูช้าง มันก็ห่างจากแคนดี้ 35 กม. ไกลอยู่นะ แต่เราไม่ได้เสียตังค่าดูรอดูอยู่ข้างนอก รอช้างอาบน้ำเสร็จก็จะเดินข้ามถนนมา
ระหว่างทาง พี่ตุ๊กๆแกจอดให้ดูค้างคาวยักษ์
พี่ตุ๊กๆแกก็ใจดี แวะซื้อ king coconut มาให้กิน บอกอร่อยมาก แต่มะพร้าวบ้านเค้าจะออกสีส้ม น้ำจะเปรี้ยวๆ กว่าบ้านเราหน่อย
แล้วก็มาถึงแล้วค่ะ pinnawara คนเยอะพอสมควร ส่วนมากก็จะมานั่งรอดูช้างกันแบบไม่เสียเงิน
ตอนนั่งรอดูช้างก็มีหมอมานั่งดูลายมือให้ ดูให้ฟรี แต่ไม่รุจะตรงหรือป่าว แกก็เดินๆดูชาวต่างชาติไปเรื่อยๆ บางรายก็ให้เงินบ้างไรบ้าง
ด้านหน้าจะมีเหมือน โรงงานทำกระดาษ สิ่งของจากมูลช้าง เราเลยแวะเข้าไปชมดูระหว่างรอช้างเดินออกมา
เด็กน้อยตาดำๆ
คนขายล๊อตเตอรี่เยอะมาก คนก็ซื้อก็เยอะนะคะ
ช้างออกมาแล้วค่ะ
ดูช้างเสร็จก็กลับไปแคนดี้
ระหว่างทางเราเห็นท้องนาเขียวๆ เลยขอให้ตุ๊กๆเลี้ยวเข้าไปสูดอากาศบริสุทธิ์ซักหน่อย โดยส่วนตัวแล้วเราชอบนะ
มีเด็กๆขอถ่ายรูปด้วย
แวะ สวยสมุนไพรค่ะ เค้าก็พาชมสวน เหมือนจะดูดี
สุดท้ายเสียตังจนได้ ต่อแบบครึ่งๆเลยค่ะ ราคาแพงสุดๆ
ตามถนนจะมีน้ำเหมือนน้ำพุออกมา เค้าเอาไว้ล้างรถกันค่ะ แปลกดีเลยถ่ายมา
ตอนแรกเค้าจะพาไป Kandy view point แต่ตุ๊กๆบอกค่าเข้าแพง เราเลยบอกพาไปที่ที่เห็นวิวแคนดี้แบบไม่ต้องเสียตังอ่ะ เค้าเลยพาขึ้นเขามา ก็โอค่ะ เห็นวิวชัดเหมือนกัน
ตรงข้ามจะเป็นวัดค่ะ
พามาชมวิวอีกทีนึง มองเห็น Kandy lake ค่ะ ลมพัดเย็นสบาย
แล้วก็พากลับมา รร.เดิม เอากระเป๋าไป รร.ใหม่ ขอถูกกว่าเดิม
สรุปคืนนี้ได้ 1500 รูปีค่ะ สภาพห้องตามรูป
[CR] รีวิวทริปแบคเป้ ศรีลังกา ผู้หญิงบินเดี่ยว 1 อาทิตย์เบาๆ 7 เมือง (คุ้มมากๆ) โคลัมโบ แคนดี้ นูวาร่า แทนกอลล์ กอลล์ เนกอมโบ
ศรีลังกา Part 1 นี้ กทม - โคลัมโบ - แคนดี้
ตอนที่ 2 แคนดี้-นูวาร่า http://pantip.com/topic/32326744
ตอนที่ 3 http://pantip.com/topic/32327438 นูวาร่า - เอลล่า
ตอนที่ 4 http://pantip.com/topic/32330884 เอลล่า-แทนกอลล์-โคลัมโบ-เนกอมโบ
ทริปนี้เกิ่นก่อนว่าตั้งใจจะไป 1 อาทิตย์ พยายามหาเพื่อนแล้วแต่แบบไม่มีใครว่างเลยต่างคนต่างทำงาน เลยเอาวะ ไหนๆก็ไหนๆ เริ่มจากอ่านรีวิวต่างๆเยอะพอประมาณ เลยตัดสินใจดูตั๋ว แอร์เอเชีย ราคาก็โอเค แต่ต้องไปรอที่กัวลาลัมเปอร์ ค่าโหลดกระเป๋า ภาษีสนามบินอีกเหมือนเคย เลยลองดู Srilankan airline ราคาประมาณ 10,570 บาท (ไป-กลับ) เราก็โอเคกับราคานะ เลยจองแถมใกล้ด้วยไม่ต้องไปขึ้นถึงดอนเมือง เราเลือกเวลาตอนเช้า 7.20 จะได้มีเวลาเที่ยวหรือเผื่ออะไรผิดพลาด ไปถึงนู่นก็ 11.30 (เวลาที่ศรีลังกาจะช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 1 ชม.ครึ่ง)
เริ่มวันแรกกันเลยนะคะ มาเช็คอินประมาณ 6โมงเช้า
บรรยากาศค่ะ เราจองที่นั่งตรงปีกพอดี
รูปร่างหน้าตาอาหาร
ซักพักแอร์ก็จะแจกใบเข้าเมือง
ลงเครื่องมาต้องต่อรถบัสเข้าไปที่สนามบิน
พอไปถึงเป็นอะไรที่อารมณ์เสียมาก เรารู้ว่าคนไทยไปศรีลังกาต้องทำวีซ่า สามารถทำได้ 2 ทางคือ 1.ไปทำที่สถานฑูตศรีลังกาแถวอโศก หรือ 2.ไป on arrival ที่สนามบินที่นู่นเอา เราเลยเลือกทำจากที่นี่ไปดีกว่ากลัวผิดพลาดแล้วจะลำบาก แต่เชื่อไหมคะ เราลงเครื่องมาเฉิดฉายอย่างมีความสุข ต่อแถวตรวจคนเข้าเมือง ตม.บอก "your date of birth in visa is not same as passport." อ้าว!! มหาซวยบังเกิด เราก็บอกว่า I did it at Srilanka Embassy in Bkk. I didn't do it online like it like other.
ด้วยความที่เสียเวลาเถียงกับมันมามากพอและ เสียเวลามากมายก็แบบเออยอมจ่ายก็ได้วะ 35USD เห่อๆ
เดินออกมาจะรับกระเป๋า พระเจ้ามันหมดรอบแล้วเพราะเราเสียเวลาเถียงกับตม. นานเกินไป เลยต้องเดินไปถาม พอรับเป้มา สายขาดไป 1 ข้าง ทำให้การเดินทางล่าช้ามาก เพราะแบกได้ข้างเดียว เราก็เอาวะ ข้างเดียวก็ข้างเดียว เดินออกมา พนักงานที่สนามบินส่วนมากก็จะถามว่า มาจากไหน มาคนเดียวเหรอ ศาสนาอะไร ข้างหน้าจะมีที่แลกเงิน เงินไทยก็แลกได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องเอาดอลล่าไปแลก เราเลยแลกมาเพิ่มอีกนิดหน่อยเผื่อฉุกเฉิน เดินออกมาเลี้ยวซ้าย ออกประตูมาจะมีรถบัสเข้าไปในเมือง ขนส่งโคลัมโบค่ะ ราคา 120 รูปี ก็ประมาณ 30 กว่าบาท ถูกค่ะ รถแอร์ด้วย
พอไปถึงขนส่งบ้านเค้า
ถามตรง Information center ว่า แคนดี้ขึ้นตรงไหน เค้าก็แบบชี้มาตรงป้าย ที่ศรีลังกาดีค่ะ ป้ายที่บอกจะมีภาษาอังกฤษด้วย ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น
ยินรอในแถวประมาณ 15 นาที รถก็มาเทียบ รอขึ้นค่ะ ขอบอกว่ารถฉิ่งฉาบทัวร์
ไรงี้ ไม่มีแอร์ นั่งไปตอนแรกโอเคอยู่ หลังๆเริ่มมึนหัวเพราะผ่านเขา คดเคี้ยว เบาะก็แข็งและแคบมาก มีกระเป๋ารถมาเก็บค่าโดยสาร
เรานั่งไปก็จะมีคนลง ขึ้นใหม่มาเรื่อยๆ ระหว่างทาง ขอเล่านิ๊ด มีตาแก่คนศรีลังกานี่แหละค่ะ มานั่งข้างๆเรา มาแบบเบียดๆ เราก็เข้าใจว่ารถมันเด้ง สักพักมันเอามือมาวางตรงขาข้างซ้ายเรา แล้วแบบเอานิ้วมันอ่ะ สอดไปตรงรอยขาดกางเกงยีนส์เราแบบ บีบๆ ที่ขาเรา เราเลยแบบ ไม่ใช่และ เลยตะโกนดังๆไปว่า What the _ing you are doing ?? shit !! get out from me _ing _ing ขอบอกว่าด่าแบบไม่ยั้ง อีกรอบ มันเลยขอลง คงจะอายเพราะคนเต็มรถ ณ เวลานี้ 4 ชม.จากโคลัมโบ มา แคนดี้ พอลงรถมาฝนก็ตกพร่ำ เราเลยเรียกตุ๊กๆให้ไปส่งที่ รร. เพราะตอนนั้นเราเวียนหัวมาก ออกแนวเมารถ ตุ๊กๆก็ดีพาเราไปหา ราคาประมาณ 2000รูปี ณ เวลานั้นพอลงรถตุ๊กๆ อ้วกออกมาหมดเลย ไม่เลือกและ รร. พอขึ้นไปดูห้อง ก็แบบอยากนอนพัก หาไรกิน เลยตกลงพักที่นี่ค่ะ
ห้องที่แคนดี้ค่ะ
ด้านหน้าค่ะ เป็นบ้านคนเหมือนแบ่งเป็นห้องๆให้เช่า
เราจ่ายตังตุ๊กๆไป 200 รูปี เค้าก็เสนอพาเที่ยวพรุ่งนี้ 2000 รูปี เราก็ตกลง เพราะถ้าให้เดินเที่ยวเองคงไม่หมดแน่
ออกไปกินข้าวเย็น อาบน้ำ นอน
วันที่ 2 มีอาหารเช้า ตั้งรอไว้ ตามนี้
เข้ามา 9 โมง มาคอยหน้า รร. แล้วค่ะ
เมื่อวานก็ตกลงกันแล้วว่าจะไปไหนบ้าง เค้าพาเราไป ที่ pinnawara ที่ไปดูช้าง มันก็ห่างจากแคนดี้ 35 กม. ไกลอยู่นะ แต่เราไม่ได้เสียตังค่าดูรอดูอยู่ข้างนอก รอช้างอาบน้ำเสร็จก็จะเดินข้ามถนนมา
ระหว่างทาง พี่ตุ๊กๆแกจอดให้ดูค้างคาวยักษ์
พี่ตุ๊กๆแกก็ใจดี แวะซื้อ king coconut มาให้กิน บอกอร่อยมาก แต่มะพร้าวบ้านเค้าจะออกสีส้ม น้ำจะเปรี้ยวๆ กว่าบ้านเราหน่อย
แล้วก็มาถึงแล้วค่ะ pinnawara คนเยอะพอสมควร ส่วนมากก็จะมานั่งรอดูช้างกันแบบไม่เสียเงิน
ตอนนั่งรอดูช้างก็มีหมอมานั่งดูลายมือให้ ดูให้ฟรี แต่ไม่รุจะตรงหรือป่าว แกก็เดินๆดูชาวต่างชาติไปเรื่อยๆ บางรายก็ให้เงินบ้างไรบ้าง
ด้านหน้าจะมีเหมือน โรงงานทำกระดาษ สิ่งของจากมูลช้าง เราเลยแวะเข้าไปชมดูระหว่างรอช้างเดินออกมา
เด็กน้อยตาดำๆ
คนขายล๊อตเตอรี่เยอะมาก คนก็ซื้อก็เยอะนะคะ
ช้างออกมาแล้วค่ะ
ดูช้างเสร็จก็กลับไปแคนดี้
ระหว่างทางเราเห็นท้องนาเขียวๆ เลยขอให้ตุ๊กๆเลี้ยวเข้าไปสูดอากาศบริสุทธิ์ซักหน่อย โดยส่วนตัวแล้วเราชอบนะ
มีเด็กๆขอถ่ายรูปด้วย
แวะ สวยสมุนไพรค่ะ เค้าก็พาชมสวน เหมือนจะดูดี
สุดท้ายเสียตังจนได้ ต่อแบบครึ่งๆเลยค่ะ ราคาแพงสุดๆ
ตามถนนจะมีน้ำเหมือนน้ำพุออกมา เค้าเอาไว้ล้างรถกันค่ะ แปลกดีเลยถ่ายมา
ตอนแรกเค้าจะพาไป Kandy view point แต่ตุ๊กๆบอกค่าเข้าแพง เราเลยบอกพาไปที่ที่เห็นวิวแคนดี้แบบไม่ต้องเสียตังอ่ะ เค้าเลยพาขึ้นเขามา ก็โอค่ะ เห็นวิวชัดเหมือนกัน
ตรงข้ามจะเป็นวัดค่ะ
พามาชมวิวอีกทีนึง มองเห็น Kandy lake ค่ะ ลมพัดเย็นสบาย
แล้วก็พากลับมา รร.เดิม เอากระเป๋าไป รร.ใหม่ ขอถูกกว่าเดิม
สรุปคืนนี้ได้ 1500 รูปีค่ะ สภาพห้องตามรูป