ลิขิตขัตติยา บทที่ 5

กระทู้สนทนา
ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่านลิขิตขัตติยา ขอบคุณคุณ GTW สำหรับความคิดเห็นดีๆ ที่เป็นกำลังใจมหาศาลให้คนเขียน อย่างที่คุณ GTW บอกนั้นถูกที่สุด คนเขียนผ่านกระบวนการคิดมาพอสมควรกับการเลือกนำเสนอด้วยลักษณะนี้ อาจไม่ถูกตาถูกใจ ทำให้ใครๆ เหนื่อย หน่าย ที่จะอ่าน แต่ทั้งนั้นก็ถือเป็นเสียงสะท้อนจากผู้อ่าน ผู้ที่ยังเข้ามาอ่าน ยังช่วยโพสต์แสดงความคิดเห็น อุปสรรคสำหรับการอ่านจากหน้าจอ คือต้องเลื่อนขึ้นเรื่อยๆ อาจไม่สะดวกบ้าง ก็ ขออภัย... ถ้าเป็นไปได้ นอกจากเรื่องจัดบรรทัดแล้ว มีอื่นใดแนะนำ ก็ ด้วยความเต็มใจน้อมรับฟังเช่นเคย










ลิขิตขัตติยา
บทที่ ๕







จะพ้นแนวป่าอยู่แล้ว...

แต่ยังไร้วี่แววของมาร์มัด

เจ้าหญิงเอรียาร์ เหลียวกลับไปตามทาง

ทีแล้วทีเล่า... ครั้งแล้วครั้งเล่า

เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ทำให้ยิ่งกังวล

เพราะสถานการณ์ต่างๆ มันไม่ชอบมาพากล

โจรไพร... ในอาณาจักรของราชาราอาลล์

เป็นไปไม่ได้... เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

ใครเล่าจะกล้า... ใครเล่าจะบังอาจ

ตลอดชีวิตของเจ้าหญิง ไม่เคยมีข่าวคราวเช่นนี้

ตั้งแต่ท่านปู่รวบรวมอาณาจักร กระทั่งท่านพ่อคอยปกป้องคุ้มครองอย่างเข้มแข็ง...

ตลอดมา... ตลอดทั้งพระชนมชีพ... กระทั่งเข้าวัยชรา

หรือว่า... เพราะใครๆ ต่างเห็นว่าราชาราอาลล์ทรงชราภาพมากแล้ว

จึงกล้าแข็งขืน... ท้าทาย... สบประมาท

แต่...

อาจเป็นใครอื่น... หรือไม่ก็... เป็นพวกโจรจากที่อื่น

จากทางทิศที่ขบวนกำลังมุ่งตรงไปนี้... ทิศทางจากซาบาห์

โจรไพร... เจ้าพวกนั้นอาจเป็นตัวการ “ความยุ่งยาก” ในซาบาห์

พวกมันอาจกำลัง... ลี้ภัย... หนีจากการไล่ล่า

ถ้าเป็นเช่นนั้น... ไม่ว่าใคร... ก็... อันตราย

ในป่ายิ่งมืดมิด

แค่มีเสียงผิดปกติสักนิด ก็อาจต้องเสียเลือดเสียเนื้อ

ทั้งคนนำและคนตามในขบวนเล็กๆ นี้... ทุกคนต่างเตรียมพร้อม

เปลือยดาบจากฝัก กระชับมั่นในมือ...

พร้อม... ฟาดฟัน...

แล้วหากถูกซุ่มโจมตีอย่างเมื่อกี้อีกเล่า...

องครักษ์จากซาบาห์... วิศราน์... ก็คงคิด

การเดินทางจึงช้าลง... ช้าลงอีกมาก

เรียกได้ว่า ระแวดระวังกันทุกย่างก้าว

แต่... ช้าขนาดนี้แล้ว...

มาร์มัดยังไม่ตามมาสมทบ

พ้นแนวป่านี้ออกไป เส้นทางจะไม่แน่ชัด

หากมาร์มัดตามมาไม่ทัน เรื่องอาจยุ่งยากขึ้นอีกมาก

เพราะจะทิ้งเครื่องหมายใดไว้ก็อันตราย...

ถ้าไม่ใช่พวกเดียวกัน มาพบเจอ... สะกดรอย... ทางเสียจะมีมากกว่าทางได้

ที่สำคัญ... การเดินทางครั้งนี้เป็นความลับ

เจ้าหญิงจะเปิดเผยตัวมิได้

และสีหน้าของพวกองครักษ์นี้ก็เคร่งเครียด หากจะบอกให้รอ หรือแกล้งถ่วงเวลาเอาไว้อีก ก็คงจะต้องผิดใจกันมากยิ่งขึ้น

อาจต้องเสียศักดิ์ เสียศรี... เจ็บใจเพิ่มขึ้นอีก เพราะถ้อยคำของเขาก็เป็นได้

มาร์มัด... มาร์มัด... ทำไมยังไม่มา... ไปอยู่เสียที่ไหน

เจ้าหญิงเอรียาร์คงกระวนกระวายจนเห็นได้ชัด

วิศราน์ องครักษ์จากซาบาห์ ที่เปลี่ยนไปรั้งอยู่ท้ายขบวน... บังคับม้าแซงขึ้นมาเทียบ

ที่จริง ม้าของวิศราน์คือตัวที่เจ้าหญิงกำลังใช้อยู่นี้

ส่วนเขา... เปลี่ยนไปใช้มาของผู้ติดตาม

โดยเปลี่ยนให้นายนั่น...คอยเดินตาม

“เห็นแก่ตัว...”

ตอนตกลงกันเช่นนั้น เจ้าหญิงยังพึมพำ

“ก็ใครเล่า ที่ทำให้เขาต้องลงเดิน”

และก็เหมือนเขาจะคอยฟัง ซ้ำยังเปรยคำถามมาแทงใจ

“ก็ท่านไงล่ะ... ยังมีหน้ามาถาม”

มีหรือที่เจ้าหญิงเอรียาร์จะยอมให้กล่าวหา

“ม้าของเรา รับน้ำหนักได้สองคนสบายๆ”

วิศราน์... จากซาบาห์... ไม่ใช่แค่องครักษ์ อาจเป็นองค์รัชทายาทด้วยซ้ำ

ยังกล่าวเรียบเรื่อย... แต่น้ำเสียงอย่างนั้นละ... ที่...

ยิ่งทำให้เจ็บใจ...

“ไม่เด็ดขาด... ให้เดินเสียดีกว่าจะให้นั่งม้าร่วมไปกับท่าน”

“เห็นไหม... ใครที่... ทางออกที่ดีก็มีอยู่ แต่ปฏิเสธ”

“งั้นให้เราลงเดินเองก็ได้ เชิญพวกท่านสามคนนั่งม้าไปเถอะ”

ตอนนั้น... ราชธิดาแห่งมาราลล์ทำท่าจะกระโดดลงมาจริงๆ

“ถึงอยากจะให้องค์หญิงทำอย่างนั้นขนาดไหน เราก็ยอมให้ทำไม่ได้ ท่านเป็นราชธิดา อีกทั้งยังเป็นคู่วิวาห์ของเจ้าชายแห่งซาบาห์ ถ้ายังเรื่องมาก จะมัด... แล้วให้นั่งซ้อนไปด้วยกัน”

นั่นละ เจ้าหญิงแห่งมาราลล์จึงจำต้องหยุด เพราะคนพูดท่าทางจะเอาจริง

จนถึงนี่... ใกล้ชายป่าแนวแรก ซึ่งถัดไปจะมีแนวป่าชั้นนอกอีกแนว

ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ แต่คนที่ต้องลงไปเดินตามขบวน

ไม่เห็นมีอาการอื่นใด

นอกจากเดินตาม เงียบเชียบ... ระแวดระวัง...

คนที่ขับม้าขึ้นมาเทียบข้างนี่ต่างหาก ที่ทำให้เกิดเสียงเร่งฝีเท้าม้า

“ท่านควรระวังสิ่งรอบตัว มากกว่าจะห่วงหน้าพะวงหลัง”

เขาเอ่ย... สอน... เป็นการสั่งสอนมากกว่าตักเตือนแน่ๆ

เจ้าหญิงแน่ใจอย่างนั้น...

ไม่พูดด้วย... จะไม่ต่อปากต่อคำกับนายคนนี้อีกเด็ดขาด

ไม่มีเสียละ... ที่จะต้องเสียเหลี่ยม

“การมี... เขา... ไปด้วย... อาจเป็นที่ครหา”

“.......”

“แต่ตอนนี้... เขา... รู้จุดหมายของเรา หากเขาไม่ได้ไปด้วย... จะยุ่งยาก”

คนพูดยังพูดเรื่อยๆ

คนฟังก็ยังทำเมินๆ

ป่าโปร่งขึ้นอีก... จนไม่ต้องคอยระวังกิ่งไม้ที่ยื่นออกมาขวางหน้า

ทว่า... การเดินทางยิ่งช้าลง...

... ในที่สุดก็หยุด

ทุกคนหยุดตาม...

คนหน้าสุดให้สัญญามือ... ให้เงียบ... สงบ

อีกสัญญาณ บ่งชี้...

มีสิ่งผิดปกติอยู่ข้างหน้า

คนนำ... ลงจากหลังม้าอย่างเงียบเชียบ

ค่อยย่องออกไป...

ค่อยพ้นออกไปจากแนวป่า... พ้นจากแนวร่มเงาของแสงจันทร์

ทุกสายตามองตาม

องค์หญิงก็ลุ้นจนแทบหยุดหายใจ

นั่นไง... กองอะไรสักอย่าง

ใหญ่... ประมาณกวางสักตัว... นอนหมอบ... ฟุบ... อยู่ตรงนั้น

หรือจะเป็นอุบายของโจรไพร

อาจใช่... หรือ... อาจไม่ใช่...

คนเข้าไปใกล้... ค่อยย่อตัว...

ยิ่งใกล้... ยิ่งย่อตัวให้ต่ำลง...

ใช้ปลายดาบเปลือยคม... แตะ... หยั่งเชิง...

ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ๆ

ใช้ปลายดาบอีกแหละ... เขี่ย... ตรงส่วนที่น่าจะเป็นด้านหัว

แล้วก็ส่งสัญญาณมือกลับมา

รหัสนี้เข้าใจยาก... องค์หญิงแห่งมาราลล์ไม่แน่ใจ

จนองครักษ์จากซาบาห์กระซิบบอก...

“สตรี... ผู้หญิง... ยังไม่ตาย...”





สตรี... นอนหมดสติอยู่กลางป่า!

การเดินทางครั้งนี้ยิ่งมีอะไรผิดปกติเพิ่มมากขึ้นทุกที

นาง... แลดูอ่อนเพลียนัก มอมแมม... อดโซ...

นอกจากบาดแผลที่ต้นแขน ...อาจ... บาดเจ็บภายใน

ทั้งหมดไม่สำคัญเท่า... เจ้าหญิงเอรียาร์รู้จักนาง

วิศราน์ขัดใจ... เจ้าหญิงของเมืองไหนๆ ก็ไม่เคยพบ ที่จะมารู้จักคนนั้นคนนี้ทั่วไปหมด

หรือหากเป็นแผนลวง ก็จะยิ่งอันตราย...

ไอ้ผู้ชายที่แยกตัวไปนั่น... มาร์มัด... จะจำชื่อนี้เอาไว้... เจ้านั่นไม่น่าไว้ใจ

ไม่น่าไว้ใจเสียยิ่งกว่าไอ้มือธนู ...ใครนะ... ชารีฟ... มันเก่ง ท่าทางแข็งแรง

ไม่แน่ใจ... หากได้ประฝีมือกัน ใครจะเป็นฝ่ายชนะ

หรือหากนางคนนี้เป็นฝ่ายอื่น จะปล่อยให้พ้นไปได้อย่างไร

ในเมื่อ “เจ้าหญิง” ออกจะแสดงตัวว่าสนิทสนมกับนางถึงเพียงนั้น

องครักษ์จากซาบาห์ จึงตัดสินใจให้หยุดพักสักครู่

ที่จริง... วิศราน์ก็มีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่อีกด้วย

แต่เวลานี้เอรียาร์ไม่สนอื่นใด...

เจ้าหญิงแห่งนครมาราลล์ รีบประคับประคองให้นางที่บาดเจ็บนอนในท่าสบายๆ

เจ้าหญิง... ทอดถอนใจ... ขณะทอดสายตาข้ามไปฝั่งโน้น... แนวป่าชั้นนอก

เบื้องหน้านั้นมืดมิด... สงัดวังเวงราวป่าช้า

ตรงสุดเขตแนวป่าชั้นแรกนี้... เป็นแนวสุดท้ายที่ใครๆ จะบุกบั่นมาถึง

ถัดจากนี่ไป จะมีมีลำธารสายเล็กๆ

ข้ามไปก็จะเป็นแนวป่าชั้นนอก... ป่าดึกดำบรรพ์... กว้างใหญ่

จนไปจดทะเลสาบ... ถึงตรงโน้น... ก็ยังถือเป็นเขตของอาณาจักรมาราลล์

ท่านปู่ปล่อยให้ป่าเป็นป่าอยู่ดังเดิม... ปล่อยให้เป็นปราการธรรมชาติ

ขบวนสินค้าจากซาบาห์ หรือนครอื่นจากทางทิศนี้ ต้องอ้อม...

หรือไม่ก็ล่องเรือจากทะเลสาบฟากซาบาห์ ล่องตามลำน้ำใหญ่ เข้าสู่มาราลล์

ทั้งทางอ้อมและทางน้ำ ไม่สะดวกสบาย

การค้ากับทางทิศซาบาห์จึงไม่เจริญเท่าที่ควร

แต่ความปลอดภัย... การป้องกันตัวจากนครใหญ่อย่างซาบาห์

ทำให้ท่านปู่ปล่อยป่าไว้เช่นนั้น... แล้วท่านพ่อก็ดำเนินรอยตาม

ปล่อยป่าให้เป็นป่าร้าง... รกชัฏ... มืดทะมึน... แม้ในยามกลางวัน

น้อยครั้งที่ชาวพรานของมาราลล์จะกล้าเสี่ยงเข้าไป

“ได้ไม่คุ้มเสีย...”


(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่