ฉันทะเลาะกับคนสำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน ด้วยเรื่องที่เราเห็นแตกต่าง ฉันฟาดงวงฟาดงา และเศร้าโศก แถมทุกข์หนัก วุ่นวนหมดอาลัย
แต่ครั้นดูทีวี เห็นภาพข่าวสังหารหมู่ ฉันพลันละอายใจ ที่หมกมุ่นครุ่นคิดแต่เรื่องของตัวเอง
บางทีคนเราก็มัวคิดถึงแต่ตัวเองจนลืมสงสัย ว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เกิดมาเพื่ออะไร...
ความสุขอย่างนั้นหรือ...แล้วอย่างไหนคือความสุข
ทรัพย์สิน ชื่อเสียง …ถ้าหากมีแล้ว เราจะสุขจริงหรือ ในเมื่อ...
ชีวิตไม่จีรัง ทุกสิ่งล้วนตั้งอยู่และดับไปตามวัฏจักร
เรานำสิ่งที่เรา อยากมี อยากเป็น และ อยากได้ ไปด้วยไม่ได้ทั้งสิ้น
ถ้าอย่างนั้น...ความสุขคืออะไรล่ะ
ฉันตอบไม่ได้หรอกนะ...
เพราะตอนเรียนครูไม่ได้สอนฉันนี่ นอกจากให้ท่อง This is a pen กับถอดสมการร้อยเจ็ดสิบห้าชั้นเพื่อความเป็นเลิศ
ความจริงแค่ชั้นเดียวฉันก็จะอ้วกแล้ว...ฉันขอสารภาพ!
หรือความสุขคือความอิ่มเอมใจนะ เหมือนอย่างวันนั้นที่ฉันให้เงินผู้ชายคนหนึ่ง....
วันนั้น...ฉันนั่งรอรับยาที่โรงพยาบาล และเห็นชายชราคนนั้นเข้าให้...แกไม่มีเงินพอจ่ายค่ายา
นี่พ่อของใครหนอ...สองแขนผอมๆ นั้นคงอุ้มชูลูกๆ จนเติบใหญ่ แล้วพวกเขาก็โบยบิน... ทิ้งคนสำคัญที่สุดให้เดียวดาย
“ไม่มีเงิน ไม่มีเวลา” ฉันก็เคยแก้ตัวเช่นนี้เหมือนกัน ทั้งๆที่เราไม่รู้เลย ว่าในวันที่เรา “มี” แล้ว เราจะเหลือใครให้ดูแลหรือเปล่า
ชายชราถอยออกมาอย่างผิดหวัง เมื่อต่อรองขอวางมัดจำไม่สำเร็จ แกมองหาทรัพย์สินอื่นที่อาจพอช่วยได้
ทั้งตัว...ถ้ารวมกางเกงเก่าๆ เสื้อแถมปุ๋ยเคมี และรองเท้าหูคีบใช้เชือกฟางซ่อมสายข้างหนึ่งแล้วก็ไม่มีอะไร... นอกจากโทรศัพท์
รุ่นที่...ถ้าหากเผลอทำหล่น คนคงเก็บทิ้งถังขยะ!
ไม่นานฉันได้ยาของตัวเอง ขณะกำลังก้าวขาจะกลับบ้าน พลันฉันตัดสินใจ เดินไปถามห้องจ่ายเงิน
“อ๋อ...” ชายหนุ่มที่หน้าใสกว่าหน้าฉันบอกตัวเลขค่ายาของชายคนนั้น
“ฉันออกให้ค่ะ” ฉันเปิดกระเป๋า ยื่นเงินให้
ชายชรางุนงง ก่อนถามว่าฉันเป็นใคร แล้วจะมาจ่ายแทนเขาทำไม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณตา” ฉันยิ้มให้แกอย่างอบอุ่นที่สุด “หนูแค่อยากช่วย ส่วนเงินทอน คุณตาเก็บไว้เป็นค่ารถกลับบ้านนะคะ หนูไปล่ะค่ะ”
“เดี๋ยวก่อนหนู” ชายชราร้องเรียก ถามชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ หากฉันเลือกเดินจากมา ไม่หยุดรับแม้คำขอบคุณ...
คนแก่ขนาดนั้น ผ่านร้อนมากี่ครั้งและผ่านหนาวมากี่หน วันเวลาทำให้ไหล่ที่เคยแข็งแรงค้อมคู้ “หนี้บุญคุณ” มันหนัก ถ้าหากแกเป็นพ่อของฉัน ฉันก็ไม่อยากให้แกแบกสิ่งใดอีกแล้ว นอกจากความสุขใจ...ฉันคิดอย่างอิ่มเอมอุราขณะเดินนวยนาด
แต่ว่า...
เดี๋ยวก่อน...ช้าก่อน ...หยุดก่อน...สต้อปเป้ด! ฉันคว้ากระเป๋าเงินของตัวเองมาเปิดดู
โอ...ขุ่นพระ! แบงค์พันใบสุดท้ายของฉันไปเสียแล้ว!
แล้วนี่ฉันจะกินอะไรฟระ...
เฮ้ยๆ...แล้วฉันจะกลับบ้านงัยง่ะ
ยังมีอีก... แล้วฉันจะเอาเงินไหนจ่ายค่าคอนโดอ่ะ ยัยเจ๊มหาโหดเจ้าของต้องเฉดหัวฉันแน่ๆ
ต๊าย! แล้วฉันจะไปอยู่ไหนน่ะ...
ฮือๆ งานเข้า!!!!!!
ประมาณว่างานเช้า
แต่ครั้นดูทีวี เห็นภาพข่าวสังหารหมู่ ฉันพลันละอายใจ ที่หมกมุ่นครุ่นคิดแต่เรื่องของตัวเอง
บางทีคนเราก็มัวคิดถึงแต่ตัวเองจนลืมสงสัย ว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เกิดมาเพื่ออะไร...
ความสุขอย่างนั้นหรือ...แล้วอย่างไหนคือความสุข
ทรัพย์สิน ชื่อเสียง …ถ้าหากมีแล้ว เราจะสุขจริงหรือ ในเมื่อ...
ชีวิตไม่จีรัง ทุกสิ่งล้วนตั้งอยู่และดับไปตามวัฏจักร
เรานำสิ่งที่เรา อยากมี อยากเป็น และ อยากได้ ไปด้วยไม่ได้ทั้งสิ้น
ถ้าอย่างนั้น...ความสุขคืออะไรล่ะ
ฉันตอบไม่ได้หรอกนะ...
เพราะตอนเรียนครูไม่ได้สอนฉันนี่ นอกจากให้ท่อง This is a pen กับถอดสมการร้อยเจ็ดสิบห้าชั้นเพื่อความเป็นเลิศ
ความจริงแค่ชั้นเดียวฉันก็จะอ้วกแล้ว...ฉันขอสารภาพ!
หรือความสุขคือความอิ่มเอมใจนะ เหมือนอย่างวันนั้นที่ฉันให้เงินผู้ชายคนหนึ่ง....
วันนั้น...ฉันนั่งรอรับยาที่โรงพยาบาล และเห็นชายชราคนนั้นเข้าให้...แกไม่มีเงินพอจ่ายค่ายา
นี่พ่อของใครหนอ...สองแขนผอมๆ นั้นคงอุ้มชูลูกๆ จนเติบใหญ่ แล้วพวกเขาก็โบยบิน... ทิ้งคนสำคัญที่สุดให้เดียวดาย
“ไม่มีเงิน ไม่มีเวลา” ฉันก็เคยแก้ตัวเช่นนี้เหมือนกัน ทั้งๆที่เราไม่รู้เลย ว่าในวันที่เรา “มี” แล้ว เราจะเหลือใครให้ดูแลหรือเปล่า
ชายชราถอยออกมาอย่างผิดหวัง เมื่อต่อรองขอวางมัดจำไม่สำเร็จ แกมองหาทรัพย์สินอื่นที่อาจพอช่วยได้
ทั้งตัว...ถ้ารวมกางเกงเก่าๆ เสื้อแถมปุ๋ยเคมี และรองเท้าหูคีบใช้เชือกฟางซ่อมสายข้างหนึ่งแล้วก็ไม่มีอะไร... นอกจากโทรศัพท์
รุ่นที่...ถ้าหากเผลอทำหล่น คนคงเก็บทิ้งถังขยะ!
ไม่นานฉันได้ยาของตัวเอง ขณะกำลังก้าวขาจะกลับบ้าน พลันฉันตัดสินใจ เดินไปถามห้องจ่ายเงิน
“อ๋อ...” ชายหนุ่มที่หน้าใสกว่าหน้าฉันบอกตัวเลขค่ายาของชายคนนั้น
“ฉันออกให้ค่ะ” ฉันเปิดกระเป๋า ยื่นเงินให้
ชายชรางุนงง ก่อนถามว่าฉันเป็นใคร แล้วจะมาจ่ายแทนเขาทำไม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณตา” ฉันยิ้มให้แกอย่างอบอุ่นที่สุด “หนูแค่อยากช่วย ส่วนเงินทอน คุณตาเก็บไว้เป็นค่ารถกลับบ้านนะคะ หนูไปล่ะค่ะ”
“เดี๋ยวก่อนหนู” ชายชราร้องเรียก ถามชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ หากฉันเลือกเดินจากมา ไม่หยุดรับแม้คำขอบคุณ...
คนแก่ขนาดนั้น ผ่านร้อนมากี่ครั้งและผ่านหนาวมากี่หน วันเวลาทำให้ไหล่ที่เคยแข็งแรงค้อมคู้ “หนี้บุญคุณ” มันหนัก ถ้าหากแกเป็นพ่อของฉัน ฉันก็ไม่อยากให้แกแบกสิ่งใดอีกแล้ว นอกจากความสุขใจ...ฉันคิดอย่างอิ่มเอมอุราขณะเดินนวยนาด
แต่ว่า...
เดี๋ยวก่อน...ช้าก่อน ...หยุดก่อน...สต้อปเป้ด! ฉันคว้ากระเป๋าเงินของตัวเองมาเปิดดู
โอ...ขุ่นพระ! แบงค์พันใบสุดท้ายของฉันไปเสียแล้ว!
แล้วนี่ฉันจะกินอะไรฟระ...
เฮ้ยๆ...แล้วฉันจะกลับบ้านงัยง่ะ
ยังมีอีก... แล้วฉันจะเอาเงินไหนจ่ายค่าคอนโดอ่ะ ยัยเจ๊มหาโหดเจ้าของต้องเฉดหัวฉันแน่ๆ
ต๊าย! แล้วฉันจะไปอยู่ไหนน่ะ...
ฮือๆ งานเข้า!!!!!!