พระพุทธเจ้ามี 3 ประเภท

1.พระปัญญาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างบารมีประเภทมีปัญญาแก่กล้า มีปัญญาบารมีมาก คือรีบจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ก็จะมีพุทธบริษัท 4 อยู่จำนวนหนึ่งที่จะพาเข้านิพพาน (พระพุทธเจ้าโคดมของเราเป็นประเภทนี้)
- ใช้ระยะเวลาในการสร้างบารมี 20 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
- เริ่มตั้งแต่ทรงดำริในพระทัยว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลา 7 อสงไขย
- เปล่งวาจาว่าอยากจะเป็น พระพุทธเจ้าใช้เวลาอีก 9 อสงไขย
- หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลาอีก 4 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
**รวมแล้วใช้เวลาสร้างบารมีทั้งหมด 20 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป

2.พระสัทธาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างบารมีประเภทมีศรัทธาแก่กล้า คือมีศรัทธามาก ยืดเวลาไปอีกอยู่ในระดับกลาง ยังไม่รีบเข้านิพพาน
จะขอรวบรวมพุทธบริษัท 4 ให้ได้มากๆ แล้วจะได้พาเข้านิพพานทีละมากๆ
- ใช้ระยะเวลาในการสร้างบารมี 40 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
- เริ่มตั้งแต่ทรงดำริในพระทัยว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลา 14 อสงไขย
- เปล่งวาจาว่าอยากจะเป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลาอีก 18 อสงไขย
- หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลา 8 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
**รวมแล้วใช้เวลาสร้างบารมีทั้งหมด 40 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป

3.พระวิริยาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงสร้างบารมีประเภทมีความเพียร แก่กล้า เรียกว่าปรารถนาจะนำพาพุทธบริษัท 4 เข้านิพพานไปให้ได้มากๆ จะใช้เวลานานแค่ไหนก็ยอม เหมือนอย่างพระศรีอาริย์
- ใช้ระยะเวลาในการสร้างบารมี 80 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป อีกหนึ่งเท่าของประเภท สัทธาธิกพุทธเจ้า
- เริ่มตั้งแต่ทรงดำริในพระทัยว่าอยากจะเป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลา 28 อสงไขย
- เปล่งวาจาว่าอยากเป็นพระพุทธเจ้าอีก 36 อสงไขย
- หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าใช้เวลาอีก 16 อสงไขยแสนมหากัป
**รวมแล้ว 80 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป

จะเห็นได้ว่ากว่าจะมาเป็นพระพุทธเจ้าท่านต้องทำบุญ สร้างบารมีมามากมายมหาศาลเป็นระยะเวลานานนับอสงไขย
ส่วนคนไทยในปัจจุบัน กลับตระหนี่ถี่เหนียวเอาเรื่องปัญญามาอ้างกับการทำบุญ ไม่กราบไหว้พระพุทธ ไม่เคารพในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทำ
แบบนี้แหละครับ คือพุทธเปลือกนอก พวกจอมปลอมอย่างแท้จริง