การทานยาแล้วได้รับความเสี่ยงคนไข้ต้องรับความเสี่ยงไปเหรอครับ

กระทู้สนทนา
ผมเป็นไซนัสค่อนข้างเยอะปีที่แล้ว ทาน AMK ยาฆ่าเชื้ออยู่นานสุดท้ายท้องเสียนานมาก จบที่ส่องกล้องลำไส้
ต่อมาเป็นเส้นเอ็นอักเสบที่มือการผ่าตัดอาจมีส่วนด้วยผ่าตัดมือมาแต่นานแล้วเป็นซีสต์  ทานยากระดูกแก้ขนาดทานหลังอาหารทันที ไดโครฟิแนค 120 เม็ดจบที่โรคกระเพาะอาหารอักเสบ (ซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่าเพราะหมอบอกเขียนไปงั้น ๆ จะได้เบิกได้) แต่ดูรูปที่เขาถ่ายให้ดูแล้วน่าจะอักเสบระดับผิวกระเพาะอาหาร

ถ้าจะพ้นจากวงจรนี้คือต้องออกกำลังกาย แล้วต้องมากแค่ไหนโดยเฉพาะไซนัสนี่ทุกปีเลย มันน่าเศร้าที่ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ไม่เที่ยวผู้หญิง แต่กระเพาะกับลำไส้และอาจจะตับด้วย ทำท่าว่าจะแย่เพราะยา ผลเลือดล่าสุด BUN 5.6 ลดลงเรื่อย ๆจาก 7.7 เหลือ 5.8 ลงมาที่ 5.6

คนไข้กับหมอไม่ใช่ศัตรูกันแต่บางทีถ้ายาคืออาวุธของหมอแล้วอาวุธที่ว่านี่แก้ปัญหาให้ผมได้อย่างนึงกับสร้างปัญหาใหม่ให้ผมก็ชชักจะเริ่มเครียดละครับ
ไม่นับว่าการทานยาเป็นภาระอย่างหนึ่งในชีวิต ทายาที่เล็บแล้วอีก5นาทีทาอีกตัวนึงที่เล็บนะ ทานหลังอาหารทันทีนะ ทานก่อนอาหาร 1ช.ม.นะ
ไม่นับเรื่อง CT กับ X-ray ซึ่งเป็นรังสีทั้งนั้น ทำ CT 56 1ครั้ง  57 อีก1 ครั้ง X-ray จำไม่ได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่