** ฟิล์มม้วนสุดท้าย กับการล่องสงกรานต์ ไปท่าบ่อ-เชียงคาน

สวัสดีชาวพันทิปทุกท่านครับ วันหยุดทั้งทีเลยมีโอกาสแบ่งปันประสบการณ์ที่เชียงคานมาเล่าสู่กันฟังครับ
ขอบอกๆ ผมถ่ายรูปไม่เก่งครับ อยากให้เพื่อนๆพี่ๆช่วยติชมแนะนำให้ด้วยครับ

เมื่อสงกรานต์ปี 2556 ผทขับรถกลับไปเที่ยวบ้านแม่ผมที่ จ.หนองคาย และเห็นรถบัสเขียววิ่งผ่านหน้าตลาด (สายหวานเย็นสุดๆ หนองคาย-เมืองเลย)

เลยคิดว่า ไหนๆก็เอากล้องมาด้วย ลุยเชียงคานไปเลยดีกว่า! ว่าแล้ววันรุ่งขึ้นก็จัดไปชุดครับ แต่อุปสรรคคือ

หลังกจากลงรถที่ อ.ปากชม ต้องหาโบกรถไป อ.เชียงคานเอาเอง สนุกละ่สิครับทีนี้ ได้ใช้วิชาโบกรถสมัยเรียน ปวช.(รสบัสเขียวหนองคาย-เมืองเลยไม่ได้วิ่งเข้าเชียงคานเหมือนแต่ก่อนแล้วครับ จะวิ่งเข้าทางบ้านเชียงกลม-บ้านธาตุ เพราะเส้นไปเชียงคานถนนผุผุพังพังเกิ๊น)

ทริปนี้ได้ลองนั่งรถประจำทางจาก อ.ท่าบ่อ ไปแอ่ว อ.เชียงคานครั้งแรก (ปกติขับรถไป) รู้สึกว่าติดใจมาก แต่ปัญหาของผมหลักๆเลยคือ

ช่วงที่ผมไปนั้นคือช่วงเทศกาลสงกรานต์ อากาศร้อน แถมถ่ายรูปลำบากมากครับ เพราะผมใช้กล้องฟิล์มในการบันทึกภาพ

นั่งบนรถประจำทางก็โดนน้ำสาดมาตลอดทาง กระเป็ากล้องผมก็ดันเป็นกระเป๋าผ้าแบบไม่กันน้ำ

จึงเป็นเรื่องยากลำบาก กว่าจะควักกล้องออกมาถ่าย แถมถ่ายแบบตามมีตามเกิดตามสถานการณ์ที่บังคับ ร้องไห้

สรุปพอนำฟิล์มมาล้างสแกนแล้ว รอดมาทั้งหมด 24 ภาพ จาก 36 ภามเต็ม เฮ้อออ

ข้อมูลกล้องและฟิล์มที่ใช้ครับ : Canon Eos50 Quartz, Lens 28-80mm kit, Film Kodak200, Battery Kodak 2CR5 6v

ว่าแล้วก็เชิญรับชมได้เลยครับบบบ

ทั้งหมด กับการนั่งรถบัสหวานเย็นจนตูดแฉะยาวนาน 120 กิโลเมตรขาไป และขากลับ..... โดยที่ความเร็วของรถสายนี้คงเส้นคงวามากๆครับ 30-50 กม./ชม. ซึ่งเหมาะสำหรับการนั่งกินลมชมวิวโดยแท้จริงครับ สำหรับผู้ที่รีบผมไม่แนะนำนะครับ นั่งกันเหงือกแห้งเลยทีเดียวเชียว


เริ่มออกเดินทาง
ภาพนี้ตอนคืนวันที่ 12 ตอนกำลังจะออกจากกรุงเทพ ถ่ายตอนเวลาประมาณ 4 ทุ่ม (ถนนค่อนข้างโล่ง)

หลังจากขับรถมาหลายชั่วโมง(รถมันเก่าอะนะ) และแล้วก็มาถึง อ.ท่าบ่อ เราจะพบรุ่งอรุณที่ไร่ยาสูบ ซึ่งจะพบได้มากในอำเภอนี้

แล้วผมก็เดินสายไปเล่นน้ำทั้งวันเลย (ปล่อยแก่) ได้พบเจอเพื่อนเก่ามั่ง นั่งคุยกันยาวเลยครับ แล้วก็เก็บรูปบรรยากาศไปเรื่อย
สาวๆท่าบ่อนี่หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ไปทีไม่อยากกลับเลยครับ ไซบีเรียนฮัสกี้



ได้เวลาเดินทางกันอีกแล้วครับพี่น้อง
ตื่นแต่เช้า ทานข้าวเสร็จรีบไปที่ท่ารถทันทีครับ รถมา 8.30 จอดแป้บนึงแล้วออกเลย ราคาค่าโดยสารของผม ลงที่ปากชม 180 บาทครับ
คนเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านครับ และก็มีแบ๊กแพ๊คเกอร์จากกรุงเทพอีกนิดหน่อย
แล้วที่สำคัญต้องปิดหน้าต่างไม่เช่นนั้น แฉะชื้นชุ่มฉ่ำกันถ้วนหน้าแน่ 5555555

รถแล่นมาได้ 25 นาทีก็จะมาถึง อ.ศรีเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามเป๊ะๆกับนครหลวงเวียงจันทร์ครับ
และรถจะจอดให้ผู้โดยสารลงมาพักสักครู่ (15 นาที) โชคดีถ่ายติดสามล้อสกายแล็ปด้วย แหะๆๆ

รถแล่นไปได้สักพัก ก่อนเข้า อ.สังคมบริเวณน้ำตกธารทอง เราจะพบวิวสวยๆสองข้างทางเพราะรถเริ่มแล่นขึ้นไหล่เขาแล้ววววว
ผมถ่ายวิวทิวทัศน์มาได้น้อยมากครับ เพราะยืนมือออกไปทีไร ได้ลุ้นตลอดว่ากล้องมันจะเปียกไหมน้อ.... เพราะมีชาวบ้าน เด็กๆเล่นน้ำกันตลอดทั้งเส้นทาง และเส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นไหล่เขา อีกด้านเป็นเหวของริมขอบแม่น้ำโขง ภาพมันสวยจริงๆครับ (แต่เก็บมาแทบไม่ได้เลย5555)


หาโบกรถต่อไปที่เชียงคาน
และแล้วและเล่าเมื่อรถมาถึงท่ารถที่ อ.ปากชม ผมก็ทำการเดินหอบของข้ามสะพานน้ำชม และได้แต่โบกมือพร้อมบอกชาวบ้านลูกเด็กเล็กแดงที่กำลังเห็น

ผมเป็นเป้านิ่งว่า "อย่าสาดเค้าน้าสงสารกล้องเค้า" แต่เหมือนไม่มีความหมายอะไรเลยครับ สาดมาใส่ผมแบบเมามันมาก 55555 แต่ก็ยังดีที่ก่อนลงรถผม

ได้ขอถุงจากป้าคนนึงแล้วห่อหุ้มถุงมันไว้อย่างหนาแน่น พร้อมป้าคนนั้นถามว่า "บักหล่าสิไปไส" ผมก็ตอบแกไปว่าไปเชียงคานครับ ป้าแกก็หัวเราะแล้ว

ตอบกลับมาว่า "โอ้ย อีกกี่ชั่วโมงจะถึงละลูกเอ้ย" เป็นบทสนทนาที่ผมรู้สึกว่ามันช่างบั่นทอนจิตใจผมจริงๆ555555

และแล้วผมก็หารถไปเชียงคานจนได้ โดยมายืนโบกอยู่ตรงหน้าป้อมตำรวจปากชม(หลังจากโบกมา 2 คัน) พี่เค้าบอกพี่ก็จะไปเชียงคาน ขึ้นมาโลด

เป็นรถกระบะครับ ใส่น้ำมาสองถังพร้อมด้วยสาวๆห้าคนล้วนๆที่อยู่หลังกระบะ  บอกได้เลยว่า สวย 3 งาม 2 คน อิอิอิอิ เจ้าคิกคัก

แต่เสียดายสุดๆ ผมมีแต่กล้องฟิล์ม ไม่อยากควักมาถ่ายรูปเลยไม่คุ้มเสี่ยง (ตอนนั้นมือถือผมใช้ซัมซุงรุ่นพี่ฮีโร่) เพราะเราเหมือนเป้าบินที่มากับรถถังใส่น้ำที่พร้อมจะโดนสาดได้ทุกเมื่อ!

ผมเปียกมาตลอดทางเลยครับ แบบว่าโชคดีที่ฝากกระเป๋ากล้องไว้กับพี่คนขับที่ด้านหน้า นั่งหลังเลยมันส์มาก
เล่นน้ำไปด้วย เต็มที่กับชีวิต+สาวๆทั้ง 5 ชีวิตเม่าบัลเล่ต์

จนมาถึงแก่งคุดคู้ อู้ววรถติดมากครับยาวเป็นกิโลเลย ตำรวจที่ป้อมบอก ถ้าเข้าไปในตัวเชียงคานตอนนี้นะนานมาก รถติดไม่ขยับเลย ผมเลยมองหน้าพี่คน
ขับ และส่งสายตากลับมาหาผมแบบว่า ตัวเองรู้หน้าที่นะว่าต้องทำอย่างไร ผมเลยโอเค แล้วทำการร่ำลาและขอบคุณพี่เค้ากับสาวๆผู้น่ารักทั้ง 5 คนหลังกระบะ

เดินคอตกจากทางเข้าแก่งคุดคู้ไปถึงตัวถนนคนเดิน ซึ่งเป็นระยะทาง เกือบ 5 กิโลเมตร แต่เอาว้ะ ไหนๆก็มาละ เปียกต่อยาวๆไป
โซซัดโซเซจนมาถึงครับ อย่างแรกเลย หิวจัดหิวสุดๆหิวที่สุดตั้งแต่เคยเกิดมา จัดข้าวเปียกเส้นใส่ไข่พิเศษร้านซอย 9 ไปหนึ่งดอกครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่