'หมอณรงค์' ยัน สธ.ไม่มีแนวคิด 'ให้ประชาชนร่วมจ่ายค่ารักษา' 30-50% ตามที่เป็นข่าว ระบุมีการแสดงความคิดเห็น แต่ยังไม่มีข้อสรุป หรือออกมติ เพื่อเสนอ คสช. …
เมื่อวันที่ 12 ก.ค.57 นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สธ.อยู่ระหว่างการปฏิรูประบบการทำงาน โดยมีการกระจายอำนาจการบริหารไปที่เขตบริการสุขภาพ ซึ่งในการดำเนินการปฏิรูปครั้งนี้ ต้องมีการปรับระบบการทำงาน การบริหาร รวมทั้งการบริหารจัดการเรื่อง บุคลากร งบประมาณ และทรัพยากร ไปพร้อมกัน โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ ซึ่งได้เชิญนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป สาธารณสุขอำเภอ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำเภอ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จากทั่วประเทศ ระดมความคิด ร่วมพิจารณา (ร่าง) ข้อเสนอการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (งบขาลง) ประจำปีงบประมาณ 2558 เมื่อวันที่ 1-2 ก.ค.57 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในการหารือมีข้อสรุปที่เป็นรูปธรรมอย่างเป็นทางการ ในบทบาทที่ควรจะเป็นระหว่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะผู้ซื้อบริการกับ สธ. ผู้ให้บริการหลัก เพื่อสร้างระบบบริการที่มีความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ให้ทุกหน่วยบริการได้รับค่าใช้จ่ายขั้นต่ำที่เพียงพอ ให้สามารถบริการประชาชนได้ โดยไม่เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ลดความขัดแย้งระหว่างหน่วยบริการที่ใช้การเงินเป็นตัวตั้งมากกว่าการเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง เน้นบริการส่งเสริมสุขภาพเป็นรายกลุ่มอายุตามบริบทของแต่ละพื้นที่ จัดการบริหารระบบบริการสุขภาพ เป็นเขตพื้นที่ 12 เขต พัฒนาขีดความสามารถเพื่อให้บริการประชาชนเบ็ดเสร็จภายในเขต ลดการส่งต่อออกนอกเขตเพื่อความสะดวกของผู้รับบริการ มีการบริหารในรูปแบบของคณะกรรมการโดยมีทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมบริหารในทุกๆ ระดับการบริการ โดยจะดำเนินการในการปรับระบบการเงินการคลังดังนี้
1. ขอให้ทำข้อตกลงกันระหว่าง สธ. กับ สปสช.ภายใต้ตัวชี้วัด (KPI) ระดับประเทศ โดย สปสช.ผู้ถือเงินทำหน้าที่จ่ายเงินและประเมินผลการดำเนินงาน ตามตัวชี้วัดที่ได้ตกลงกันไว้กับกระทรวงสาธารณสุข ส่วน สธ.ซึ่งเป็นผู้จัดระบบบริการรายใหญ่ของประเทศ จะจัดบริการตามตัวชี้วัดที่ได้ตกลงกัน
2. งบเหมาจ่ายรายหัวประชากร (งบ UC) ไม่ควรแยกหมวดรายการเป็นกองทุนย่อยๆ เช่นที่ผ่านมา ควรจัดงบฯให้เหลือแค่ 4 ประเภทได้แก่งบบริการผู้ป่วยนอก บริการผู้ป่วยใน บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามมาตรา 41
3. การบริหารงบประมาณของ สธ.จะบริหารในรูปแบบเขตบริการสุขภาพและบูรณาการงบประมาณจากทุกแหล่งเงิน ผ่านคณะกรรมการของแต่ละเขตบริการสุขภาพตามตัวชี้วัดระดับประเทศและตัวชี้วัดของพื้นที่
นพ.ณรงค์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับแนวคิดการให้ประชาชนร่วมจ่ายนั้นไม่เป็นความจริง เป็นเพียงข้อเสนอที่มีผู้แสดงความคิดเห็นในที่ประชุมและที่ประชุมไม่ได้มีการพูดคุย หรือมีข้อสรุปในประเด็นดังกล่าว ยืนยันไม่ใช่มติที่ สธ.เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่อย่างใด ซึ่งการประชุมในครั้งนั้นเมื่อวันที่ 31 พ.ค.57 ที่ผ่านมา ในโอกาสที่หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช.ตรวจเยี่ยมและรับฟังการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข โดยผู้เข้าร่วมประชุมประกอบผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานในกำกับของกระทรวงสาธารณสุข เช่น สปสช. สวรส. สวพ. สพฉ. เป็นต้น.
https://www.thairath.co.th/content/435846
'หมอณรงค์' ยัน สธ.ไม่มีแนวคิด 'ให้ประชาชนร่วมจ่ายค่ารักษา' 30-50% ตามที่เป็นข่าว
'หมอณรงค์' ยัน สธ.ไม่มีแนวคิด 'ให้ประชาชนร่วมจ่ายค่ารักษา' 30-50% ตามที่เป็นข่าว ระบุมีการแสดงความคิดเห็น แต่ยังไม่มีข้อสรุป หรือออกมติ เพื่อเสนอ คสช. …
เมื่อวันที่ 12 ก.ค.57 นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สธ.อยู่ระหว่างการปฏิรูประบบการทำงาน โดยมีการกระจายอำนาจการบริหารไปที่เขตบริการสุขภาพ ซึ่งในการดำเนินการปฏิรูปครั้งนี้ ต้องมีการปรับระบบการทำงาน การบริหาร รวมทั้งการบริหารจัดการเรื่อง บุคลากร งบประมาณ และทรัพยากร ไปพร้อมกัน โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ ซึ่งได้เชิญนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป สาธารณสุขอำเภอ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำเภอ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จากทั่วประเทศ ระดมความคิด ร่วมพิจารณา (ร่าง) ข้อเสนอการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (งบขาลง) ประจำปีงบประมาณ 2558 เมื่อวันที่ 1-2 ก.ค.57 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในการหารือมีข้อสรุปที่เป็นรูปธรรมอย่างเป็นทางการ ในบทบาทที่ควรจะเป็นระหว่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะผู้ซื้อบริการกับ สธ. ผู้ให้บริการหลัก เพื่อสร้างระบบบริการที่มีความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ให้ทุกหน่วยบริการได้รับค่าใช้จ่ายขั้นต่ำที่เพียงพอ ให้สามารถบริการประชาชนได้ โดยไม่เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ลดความขัดแย้งระหว่างหน่วยบริการที่ใช้การเงินเป็นตัวตั้งมากกว่าการเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง เน้นบริการส่งเสริมสุขภาพเป็นรายกลุ่มอายุตามบริบทของแต่ละพื้นที่ จัดการบริหารระบบบริการสุขภาพ เป็นเขตพื้นที่ 12 เขต พัฒนาขีดความสามารถเพื่อให้บริการประชาชนเบ็ดเสร็จภายในเขต ลดการส่งต่อออกนอกเขตเพื่อความสะดวกของผู้รับบริการ มีการบริหารในรูปแบบของคณะกรรมการโดยมีทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมบริหารในทุกๆ ระดับการบริการ โดยจะดำเนินการในการปรับระบบการเงินการคลังดังนี้
1. ขอให้ทำข้อตกลงกันระหว่าง สธ. กับ สปสช.ภายใต้ตัวชี้วัด (KPI) ระดับประเทศ โดย สปสช.ผู้ถือเงินทำหน้าที่จ่ายเงินและประเมินผลการดำเนินงาน ตามตัวชี้วัดที่ได้ตกลงกันไว้กับกระทรวงสาธารณสุข ส่วน สธ.ซึ่งเป็นผู้จัดระบบบริการรายใหญ่ของประเทศ จะจัดบริการตามตัวชี้วัดที่ได้ตกลงกัน
2. งบเหมาจ่ายรายหัวประชากร (งบ UC) ไม่ควรแยกหมวดรายการเป็นกองทุนย่อยๆ เช่นที่ผ่านมา ควรจัดงบฯให้เหลือแค่ 4 ประเภทได้แก่งบบริการผู้ป่วยนอก บริการผู้ป่วยใน บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามมาตรา 41
3. การบริหารงบประมาณของ สธ.จะบริหารในรูปแบบเขตบริการสุขภาพและบูรณาการงบประมาณจากทุกแหล่งเงิน ผ่านคณะกรรมการของแต่ละเขตบริการสุขภาพตามตัวชี้วัดระดับประเทศและตัวชี้วัดของพื้นที่
นพ.ณรงค์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับแนวคิดการให้ประชาชนร่วมจ่ายนั้นไม่เป็นความจริง เป็นเพียงข้อเสนอที่มีผู้แสดงความคิดเห็นในที่ประชุมและที่ประชุมไม่ได้มีการพูดคุย หรือมีข้อสรุปในประเด็นดังกล่าว ยืนยันไม่ใช่มติที่ สธ.เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่อย่างใด ซึ่งการประชุมในครั้งนั้นเมื่อวันที่ 31 พ.ค.57 ที่ผ่านมา ในโอกาสที่หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช.ตรวจเยี่ยมและรับฟังการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข โดยผู้เข้าร่วมประชุมประกอบผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานในกำกับของกระทรวงสาธารณสุข เช่น สปสช. สวรส. สวพ. สพฉ. เป็นต้น.
https://www.thairath.co.th/content/435846