หลายยุค หลายสมัยที่ผ่านมา องค์กรตำรวจได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และมีการเรียกร้องให้ "ปฏิรูป" อยู่หลายครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการปรับโครงสร้างกันไปแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ของประชาชนอยู่ดี เป็นเพียงการปรับให้มีนายพลเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ข่าวการปฏิรูปล่าสุดก็เช่นกัน เห็นว่าจะมีการปรับโครงสร้างเป็นกระทรวง ให้กองบัญชาการต่าง ๆ มีฐานะเทียบเท่ากรม ดูแล้วเข้าอีหรอบเดิม ประชาชนไม่ได้อะไร และโรงพักเป็นจุดแตกหักเหมือนเดิม
ขอเสนอในฐานะผู้ปฏิบัติครับ ถ้าจะปฏิรูปตำรวจให้เข้าถึงปัญหา และแก้ไขให้ประชาชนได้ประโยชน์ ซึ่งสามารถทำได้ในโครงสร้างเดิม และไม่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมแต่อย่างใด ดังนี้ครับ
- การลดงานเอกสาร งานธุรการ ในปัจจุบันนี้งานเอกสารในสถานีมีมากเหลือเกิน และมีทีท่าว่าจะมากขึ้นทุกวัน มีเรื่องต่าง ๆ ต้องรายงานซ้ำซ้อนในทุกเดือน รวมทั้งการตรวจราชการต่าง ๆ ทั้ง โรงพักเพื่อประชาชน , ตัวชี้วัด , จเร , ตส. , อีอินสเปกเตอร์ ฯลฯ หากลดงานเอกสารลงได้ จะทำให้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจในการลงพื้นที่เพื่อควบคุมอาชญากรรมได้มากขึ้น
- ลดการยืมตัว การช่วยราชการ ต่าง ๆ ในทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามสถานีต่าง ๆ ถูกเรียกตัวมาช่วยราชการ มาปฏิบัติราชการ ที่กองบังคับการ หรือ กองบัญชาการมากมาย ทำให้พื้นที่มีปัญหา กำลังพลไม่เพียงพอ หากลดงานเอกสารลงได้แล้ว การช่วยราชการก็จะน้อยลงไปด้วย(ไปกองตามสำนักงานผู้บังคับบัญชาอีกเท่าไหร่)
- ปัญหายานพาหนะไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ อย่างแรกที่แก้ปัญหาได้ดีก็คือ รถยนต์เช่า เพราะไม่ต้องเป็นภาระเรื่องการดูแลรักษา แต่ก็ยังถูกหน่วยเหนือทั้ง บก. และ บช. ยืมรถไปใช้ ทำให้ทางสถานีขาดแคลนอีก / อย่างที่สองคือ รถจักรยานยนต์ ที่ซื้อยี่ห้อประหลาด ๆ อย่าง ไทเกอร์ ทำให้ไม่สามารถหาศูนย์ซ่อม หรืออะไหล่ ได้(บริษัทเจ๊งไปแล้ว) ทำให้ ตร. ต้องใช้รถส่วนตัวออกตรวจ
- เบี้ยเลี้ยง ไม่เพียงพอต่อภาระงาน จะเห็นได้ว่าตำรวจเป็นอาชีพที่ไม่มีวันหยุด ยิ่งช่วงเทศกาล ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้น หากนับชั่วโมงทำงานเฉลี่ยเกินกว่าวันละ 8 ชั่วโมงแน่นอน แต่ค่าตอบแทนล่วงเวลา ต่อเดือนได้ไม่กี่ร้อยบาท ถามว่าแล้วเบี้ยเลี้ยงส่วนใหญ่ไปอยู่ที่ไหน ตอบว่าอยู่กับกองบัญชาการ และกองบังคับการครับ กั๊กเอาไว้(น่าจะเผื่อไว้ใช้ในการควบคุมฝูงชน) พอปลายปีก็เทมาให้หน่วยปฏิบัติแบบหักส่วนแบ่ง ซึ่งจริง ๆ ต้องมีการคำนวณชั่วโมงทำงานตามหลักการจัดสายตรวจ จะรู้ว่าได้ค่าล่วงเวลาคนละกี่ชั่วโมง ทำงานมากก็ต้องได้ค่าตอบแทนตามสัดส่วนที่เหมาะสม เป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติ(ดูอย่างทหาร สาธารณสุข เป็นตัวอย่าง จะทำงานเมื่อมีงบประมาณเท่านั้น)
- การสั่งการที่ต้องใช้งบประมาณ แต่ดันสั่งปากเปล่า เช่น ทำป้ายตามวาระต่าง ๆ , จัดอบรมอาสาสมัคร , ทาสี ฯลฯ ประมาณว่าให้หัวหน้าหน่วยหรือผู้รับคำสั่งใช้ความสามารถเฉพาะตัว ซึ่งก็ไม่พ้นต้องไปขอจากพวกเทา ๆ ทั้งหลาย ทำให้เกิดการเกรงใจและเป็นที่มาของผู้มีอิทธิพลไม่จบสิ้น หนำซ้ำคนสั่งยังบอกอีกครับว่า ถ้าทำไม่ได้ ผมจะให้คนที่ทำได้มาทำแทน .... แหม่ สั่งอย่างนี้ใครก็เป็นได้ครับ
- ยุบตู้ยามสายตรวจที่ไม่จำเป็น เพื่อนำกำลังพลมาเป็นสายตรวจรถยนต์ จยย. ดีกว่า แบ่งเขตตรวจ แบ่งผลัด ให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น เพราะทาง สตช. ก็ไม่ได้ดูแลอะไรตู้ยามอยู่แล้ว สร้างก็สร้างเอง ไม่ได้ใช้เงินหลวง เบิกค่าไฟฟ้า ประปาก็ไม่ได้ ตำรวจที่ไปประจำตู้ยามก็ต้องอยู่อย่างน้อย 24 - 48 ชั่วโมง โดยที่ส่วนใหญ่ไม่มียานพาหนะของทางราชการ และได้รับน้ำมันเพียงเล็กน้อย คิดกันบ้างไหมว่าตำรวจชั้นผู้น้อยจะอยู่อย่างไร
เหล่านี้ครับ จะเห็นได้ว่าไม่ต้องปรับโครงสร้างอะไร สามารถเริ่มทำได้ทันที และประชาชนได้ประโยชน์โดยตรง และทำให้ตำรวจมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น แต่สูตรนี้จะทำให้ระดับนายพลเสียประโยชน์ เชื่อว่าไม่สำเร็จแน่นอน ฮา
หลายครั้งที่ผู้บังคับบัญชา หรือ คณะจเร มาตรวจเยี่ยมหน่วยปฏิบัติ พอถึงช่วงปัญหา ข้อขัดข้อง บอกให้เสนอมาได้ เว้นเรื่องงบประมาณและกำลังพล ส่วนมากก็เลยบอกไปว่า ไม่มีปัญหา ข้อขัดข้อง หรืออุปสรรคใด เพราะรู้ว่าพูดไปก็เท่านั้น เสียเวลา และเปลืองน้ำลาย ฮ่วย
credit
http://thaicop.blogspot.com/2014/07/blog-post.html
ปล.ขอนะครับ ความเห็นประเภท ที่ไล่ให้ไปรีดไถประชาชน ไปเก็บส่วยเอา หรือ มาเล่าประสบการณ์เลวร้ายที่ได้รับจากตำรวจโดยไม่เกี่ยว
ข้องกับบทความ ซึ่งผมพยายามนำเสนอข้อมูลให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบถึงปัญหาหรือข้อจำกัดในการทำงานของตำรวจบ้าง จะได้มีความรู้สึก ใจเขาใจเรา ไม่โหมไปตามกระแสเกลียดชังตำรวจที่กำลังปลุกปั่นกันอย่างรุนแรงในระยะนี้
เอะอะก็จะปฎิรูปตำรวจ เคยถามตำรวจผู้ปฏิบัติกันมั่งไหม
ข่าวการปฏิรูปล่าสุดก็เช่นกัน เห็นว่าจะมีการปรับโครงสร้างเป็นกระทรวง ให้กองบัญชาการต่าง ๆ มีฐานะเทียบเท่ากรม ดูแล้วเข้าอีหรอบเดิม ประชาชนไม่ได้อะไร และโรงพักเป็นจุดแตกหักเหมือนเดิม
ขอเสนอในฐานะผู้ปฏิบัติครับ ถ้าจะปฏิรูปตำรวจให้เข้าถึงปัญหา และแก้ไขให้ประชาชนได้ประโยชน์ ซึ่งสามารถทำได้ในโครงสร้างเดิม และไม่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมแต่อย่างใด ดังนี้ครับ
- การลดงานเอกสาร งานธุรการ ในปัจจุบันนี้งานเอกสารในสถานีมีมากเหลือเกิน และมีทีท่าว่าจะมากขึ้นทุกวัน มีเรื่องต่าง ๆ ต้องรายงานซ้ำซ้อนในทุกเดือน รวมทั้งการตรวจราชการต่าง ๆ ทั้ง โรงพักเพื่อประชาชน , ตัวชี้วัด , จเร , ตส. , อีอินสเปกเตอร์ ฯลฯ หากลดงานเอกสารลงได้ จะทำให้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจในการลงพื้นที่เพื่อควบคุมอาชญากรรมได้มากขึ้น
- ลดการยืมตัว การช่วยราชการ ต่าง ๆ ในทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามสถานีต่าง ๆ ถูกเรียกตัวมาช่วยราชการ มาปฏิบัติราชการ ที่กองบังคับการ หรือ กองบัญชาการมากมาย ทำให้พื้นที่มีปัญหา กำลังพลไม่เพียงพอ หากลดงานเอกสารลงได้แล้ว การช่วยราชการก็จะน้อยลงไปด้วย(ไปกองตามสำนักงานผู้บังคับบัญชาอีกเท่าไหร่)
- ปัญหายานพาหนะไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ อย่างแรกที่แก้ปัญหาได้ดีก็คือ รถยนต์เช่า เพราะไม่ต้องเป็นภาระเรื่องการดูแลรักษา แต่ก็ยังถูกหน่วยเหนือทั้ง บก. และ บช. ยืมรถไปใช้ ทำให้ทางสถานีขาดแคลนอีก / อย่างที่สองคือ รถจักรยานยนต์ ที่ซื้อยี่ห้อประหลาด ๆ อย่าง ไทเกอร์ ทำให้ไม่สามารถหาศูนย์ซ่อม หรืออะไหล่ ได้(บริษัทเจ๊งไปแล้ว) ทำให้ ตร. ต้องใช้รถส่วนตัวออกตรวจ
- เบี้ยเลี้ยง ไม่เพียงพอต่อภาระงาน จะเห็นได้ว่าตำรวจเป็นอาชีพที่ไม่มีวันหยุด ยิ่งช่วงเทศกาล ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้น หากนับชั่วโมงทำงานเฉลี่ยเกินกว่าวันละ 8 ชั่วโมงแน่นอน แต่ค่าตอบแทนล่วงเวลา ต่อเดือนได้ไม่กี่ร้อยบาท ถามว่าแล้วเบี้ยเลี้ยงส่วนใหญ่ไปอยู่ที่ไหน ตอบว่าอยู่กับกองบัญชาการ และกองบังคับการครับ กั๊กเอาไว้(น่าจะเผื่อไว้ใช้ในการควบคุมฝูงชน) พอปลายปีก็เทมาให้หน่วยปฏิบัติแบบหักส่วนแบ่ง ซึ่งจริง ๆ ต้องมีการคำนวณชั่วโมงทำงานตามหลักการจัดสายตรวจ จะรู้ว่าได้ค่าล่วงเวลาคนละกี่ชั่วโมง ทำงานมากก็ต้องได้ค่าตอบแทนตามสัดส่วนที่เหมาะสม เป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติ(ดูอย่างทหาร สาธารณสุข เป็นตัวอย่าง จะทำงานเมื่อมีงบประมาณเท่านั้น)
- การสั่งการที่ต้องใช้งบประมาณ แต่ดันสั่งปากเปล่า เช่น ทำป้ายตามวาระต่าง ๆ , จัดอบรมอาสาสมัคร , ทาสี ฯลฯ ประมาณว่าให้หัวหน้าหน่วยหรือผู้รับคำสั่งใช้ความสามารถเฉพาะตัว ซึ่งก็ไม่พ้นต้องไปขอจากพวกเทา ๆ ทั้งหลาย ทำให้เกิดการเกรงใจและเป็นที่มาของผู้มีอิทธิพลไม่จบสิ้น หนำซ้ำคนสั่งยังบอกอีกครับว่า ถ้าทำไม่ได้ ผมจะให้คนที่ทำได้มาทำแทน .... แหม่ สั่งอย่างนี้ใครก็เป็นได้ครับ
- ยุบตู้ยามสายตรวจที่ไม่จำเป็น เพื่อนำกำลังพลมาเป็นสายตรวจรถยนต์ จยย. ดีกว่า แบ่งเขตตรวจ แบ่งผลัด ให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น เพราะทาง สตช. ก็ไม่ได้ดูแลอะไรตู้ยามอยู่แล้ว สร้างก็สร้างเอง ไม่ได้ใช้เงินหลวง เบิกค่าไฟฟ้า ประปาก็ไม่ได้ ตำรวจที่ไปประจำตู้ยามก็ต้องอยู่อย่างน้อย 24 - 48 ชั่วโมง โดยที่ส่วนใหญ่ไม่มียานพาหนะของทางราชการ และได้รับน้ำมันเพียงเล็กน้อย คิดกันบ้างไหมว่าตำรวจชั้นผู้น้อยจะอยู่อย่างไร
เหล่านี้ครับ จะเห็นได้ว่าไม่ต้องปรับโครงสร้างอะไร สามารถเริ่มทำได้ทันที และประชาชนได้ประโยชน์โดยตรง และทำให้ตำรวจมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น แต่สูตรนี้จะทำให้ระดับนายพลเสียประโยชน์ เชื่อว่าไม่สำเร็จแน่นอน ฮา
หลายครั้งที่ผู้บังคับบัญชา หรือ คณะจเร มาตรวจเยี่ยมหน่วยปฏิบัติ พอถึงช่วงปัญหา ข้อขัดข้อง บอกให้เสนอมาได้ เว้นเรื่องงบประมาณและกำลังพล ส่วนมากก็เลยบอกไปว่า ไม่มีปัญหา ข้อขัดข้อง หรืออุปสรรคใด เพราะรู้ว่าพูดไปก็เท่านั้น เสียเวลา และเปลืองน้ำลาย ฮ่วย
credit http://thaicop.blogspot.com/2014/07/blog-post.html
ปล.ขอนะครับ ความเห็นประเภท ที่ไล่ให้ไปรีดไถประชาชน ไปเก็บส่วยเอา หรือ มาเล่าประสบการณ์เลวร้ายที่ได้รับจากตำรวจโดยไม่เกี่ยว
ข้องกับบทความ ซึ่งผมพยายามนำเสนอข้อมูลให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบถึงปัญหาหรือข้อจำกัดในการทำงานของตำรวจบ้าง จะได้มีความรู้สึก ใจเขาใจเรา ไม่โหมไปตามกระแสเกลียดชังตำรวจที่กำลังปลุกปั่นกันอย่างรุนแรงในระยะนี้