The nature heart: Special - Sakura-

กระทู้สนทนา
ฉันจะเฝ้ารอวันที่ซากุระผลิบานขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
    วันเวลาผ่านไปทุก ๆ วินาที และทุก ๆ วินาทีคือ เศษเสี้ยวของอนาคต แต่ทุก ๆ วินาทีนั้น พวกเราไม่เคยรู้ล่วงหน้าเลยว่าจะเป็นอย่างไร อะไรคือตัวกำหนดอนาคต อาจจะเป็นสิ่งรอบกาย เงินทอง ความรอบรู้ บางทีมันก็ยากเกินที่เราจะกำหนดมัน แม้หลายคนจะพยายามก็ตามที และแน่นอนก็ต้องมีคนที่ไม่ได้คิดอะไรกับวันข้างหน้ามากนัก ทุก ๆ วันก็ยังเป็นเหมือนทุกวันเช่นเคย วันนี้ทำอะไร วันพรุ่งนี้ก็คงจะเหมือนกัน ไม่ได้รู้สึกเบื่อ หรือยินดีอะไรทั้งสิ้น ทาเคชิมา โยดะ ก็มักจะเป็นแบบนั้นเสมอ
    พ่อของโยดะเป็นคนที่เข้มงวด มีสายเลือดนักธุรกิจเต็มตัว ทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอน วางแผนทุก ๆ อย่าง ซึ่งตรงกันข้ามกับลูกชายคนเดียวของเขา นั้นเป็นเหตุให้โยดะกับพ่อไม่ลงรอยกันเท่าไร เรื่องที่จะให้โยดะสืบสานกิจการอาจจะเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต ส่วนแม่เป็นคนใจดี และมักจะให้ท้ายโยดะเวลาเกิดเรื่องหรือมีปัญหากับพ่อเสมอ แต่ปัญหาของโยดะวันนี้ดูจะเป็นอะไรที่แปลกที่สุดที่ในชีวิตเขา และเขาจะไม่มีวันลืมเลย
    เสียงที่ดังจากห้องรับแขกมีบางอย่างเปลี่ยนไป โยดะเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนด้วยท่าทีที่เหนื่อยล้าเอาการ ขณะเขาก้าวเท้าสู่ห้อง ปกติเขาจะเห็นพ่อ แม่ และฮิคาริสาวคนใช้ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของโยดะ แต่วันนี้สวรรค์อาจจะส่งนางฟ้าลงมาเพื่อที่จะพันธนาการเขา ซึ่งผู้เป็นพ่อไม่อาจจะทำได้ นางฟ้าคนนี้มีผมสีแดงยาว ผิวขาว ดวงตาโตเป็นประกาย แต่งชุดสีขาวอมชมพู อายุน่าจะอ่อนกว่าโยดะ และแน่นอนเธอสวยมาก โยดะรู้สึกว่าตัวเองไม่หายใจไปชั่วขณะนึง ก่อนที่สติเขาจะดึงตัวเองกลับมา
    “วันนี้รู้สึกว่าเสื้อของแกเปื้อนเลือดมานะ -- โยดะเมื่อไรแกจะโตซักที” พ่อโยดะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เมื่อรู้ว่าลูกชายตัวแสบของคงไปก่อวีรกรรมที่ไหนซักแห่ง
    “ขอบคุณที่ห่วงผม แต่สาบานนี่ไม่ใช่เลือดของผมแน่นอน” โยดะแสยะยิ้มออกมา พร้อมกับนั่งลงด้วยท่าทีเบื่อหน่าย
    พ่อโยดะตาแดงหันมาทันทีด้วยน้ำเสียงที่ดุดันยิ่งขึ้น “ฉันไม่เคยเป็นห่วงแก -- จำใส่หัวแกไว้ และ….”
    ก่อนที่ศึกพ่อลูกจะรุนแรงกว่านี้ แม่โยดะได้รีบห้ามปรามเอาไว้ โดยให้ทั้งคู่พยายามนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้ไม่ได้มีกันแค่ พ่อแม่ ลูก แต่มีเด็กสาวนั่งก้มหน้าอยู่ เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็เริ่มมีความกังวล พ่อโยดะตั้งสติขึ้นมาได้ จึงพูดแนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จัก
    “นี่คือ ทาเคชิมา โยดะ เป็นลูกชายคนเดียวของฉัน -- ส่วนแก นี่คือ ชารอน เบอร์มิว เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนฉัน เธอมาจากลอนดอน จะพักกับเราสักวันสองวัน”
    โยดะจับมือกับชารอนเพื่อเป็นการทักทาย เขายังมีท่าทีเบือนหน้าหนี ส่วนชารอนดูเหมือนจะกล้า ๆ กลัว ๆ กับท่าทีเฉยชาของชายหนุ่ม  อาจจะเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีนักเท่าไร
    เมื่อโต๊ะอาหารจัดเสร็จ ทั้งหมดย้ายตัวกันไปยังโต๊ะอาหาร ระหว่างรับประทานอาหารก็มีการนั่งคุยกันไป พ่อดูจะเอ็นดูชารอนมาก แม่ก็เช่นกัน จริง ๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะนาน ๆ พวกเขาเหมือนจะมีลูกผู้หญิงมาอยู่ร่วมรับประทานอาหาร ทำให้ตัวชารอนเองดูผ่อนคลายพอสมควร เธอมีรอยยิ้มและหัวเราะออกมา โยดะรู้สึกว่าตัวเองกำลังแอบมองชารอนอยู่ เขาเริ่มที่จะหงุดหงิดตัวเอง
    เวลาที่โต๊ะอาหารเริ่มถึงจุดสิ้นสุด โยดะอาจจะรอคอยเวลานี้มาตลอดชีวิต เวลาที่เขาจะผละตัวเองออกจากพ่ออันแสนเย่อหยิ่ง หรือแม่สาวผมแดงที่ทำให้เขารู้สึกอารมณ์เสีย ที่ดูไม่มีเหตุผลที่ดีเอาเสียเลย โยดะกำลังจะยกตัวเองออกจากเก้าอี้ แต่โชคดูจะไม่ค่อยเป็นใจซักเท่าไร เสียงของผู้เป็นพ่อก็หันมาทางโยดะ
    “ช่วงนี้เป็นเทศกาลฮะนะมิ และแกต้องเป็นคนพาคุณหนูชารอนเดินเที่ยวชมซากุระด้วยนะ”
    มีเพียงเวลาไม่กี่เสี้ยววินาทีที่เขาจะสงสัย ใช่แล้ว ยังไงเขาก็ย่อมจะสงสัย ว่าทำไม ทำไมต้องเป็นเขา ตอนนี้ในหัวเขาเริ่มจะวิงเวียนขึ้นมา ไม่เพียงแต่โยดะ ชารอนเองก็ยิ่งมีความกังวล ถึงจะดูไม่ค่อยออก แต่ใบหน้าเธอเริ่มซีด ถ้าเธอต้องเดินกับหนุ่มเจ้าอารมณ์ ซึ่งดูไม่ค่อยจะชอบเธอ ชารอนเองก็คงจะอึดอัดเช่นกัน ในใจเธออยากที่จะปฏิเสธยิ่งนัก แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากออกมา
    โยดะรู้สึกว่าวันนี้เขาคงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ พ่อทำให้เขาไม่อาจจะปฏิเสธได้เลย พ่อแทบไม่ให้ทางเลือกแก่เขาเลย หากปฏิเสธตอนนี้ต่อหน้าเธอ คงจะดูไม่ดีแน่ ผู้หญิงที่ทำให้เขาหงุดหงิดไม่มีเหตุผล ไม่เคยได้พูดคุยกัน พรุ่งนี้จะทำยังไง จะพาไปไหน จะคุยอะไร คำถามล้นหัวเขาเหลือเกิน เป็นไงเป็นกันวะ แค่วันเดียวเท่านั้น โยดะเริ่มรู้สึกแล้วว่า ฤดูใบไม้ผลิปีนี้ดูไม่ง่ายสำหรับเขาเสียแล้ว
    “แค่พรุ่งนี้ วันเดียวเท่านั้น” สิ้นเสียงของโยดะ เขาก็ลุกขึ้นห้องไป
    
ดวงดาววันนี้ช่างสุกสกาวสวยงามยิ่งนัก แต่ในใจของหญิงสาวกลับยังรู้สึกกะวนกะวายกับวันพรุ่งนี้ ขณะมองดูดาวจากหน้าต่าง บางทีชารอนคงจะภาวนาขอดวงดาวให้พรุ่งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ระหว่างที่ดวงดาวกำลังอวยพรให้หญิงสาว เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา ฮิคาริสาวใช้ของบ้านอุ่นนมมาให้ ฮิคาริสังเกตสีหน้าของชารอนก็พอจะเดาได้ทันที
    “คุณหนูชารอน คงจะกังวลเรื่องที่จะไปเที่ยวกับคุณหนูพรุ่งนี้สินะคะ”
    ชารอนพยักหน้าตามอย่างช่วยไม่ได้ พร้อมกับดื่มนมอุ่น ๆ ที่คงจะช่วยให้เธอหลับสบายในคืนนี้
    “ถึงภายนอกคุณหนูอาจจะเป็นคนน่ากลัว หัวรุนแรง แต่จริง ๆ คุณหนูเป็นคนที่อ่อนโยนมากเลย ฮิคาริว่าพรุ่งนี้คุณหนูชารอนต้องสนุกแน่ๆ เลย” ฮิคาริพูดพร้อมกับอมยิ้มออกมา
    “จริง ๆ หรือค่ะ” ชารอนทำท่าไม่ค่อยแน่ใจซักเท่าไร เพราะมันฟังดูสวนทางกับสิ่งที่เธอเห็นที่โต๊ะอาหาร
    “คุณหนูของฮิคาริน่ารักอยู่แล้ว – พรุ่งนี้สู้ ๆ นะคะ” ฮิคาริส่งยิ้มแล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เด็กสาวล่องลอยกับความคิดก่อนที่จะหลับไปด้วยความง่วง

    เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก เช้าวันใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ความเย็นสบายของอากาศช่างต่างจากใจที่ร้อนรุ่มเหลือเกิน ชารอนสูดรับอากาศเข้าไปเต็มปอด เพื่อเตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์ที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โยดะมารอเธอข้างล่างแล้ว เขาดูสงบต่างจากเมื่อวานอย่างชัดเจน ภาวนาขอให้เป็นอย่างที่ฮิคาริบอกด้วยเถอะ ชารอนพยายามบอกกับพระเจ้าของตัวเอง
    “คุณ…พร้อมแล้วนะ” โยดะพูด
    “ค่ะ ฉันพร้อมแล้ว” ชารอนต้องรีบขานรับทันที เสียงของช่างเฉยชา เหมือนกับอาหารที่ไม่ผ่านเครื่องปรุงอย่างไงอย่างนั้น
    การเดินทางของเราสองคนนั้นไม่ยากนัก ขึ้นรถโดยสาร ต่อด้วยรถไฟใต้ดินก็มาถึงจุดหมาย ต้นซากุระที่เรียงรายอยู่เต็มพื้นที่ ผลิบานออกเต็มต้น มีทั้งดอกสีขาว สีชมพูสวยงามยิ่งนัก แม่น้ำที่ไหลผ่านขนาบด้วยต้นซากุระทั้งสองฝั่ง แรงลมพัดโบกให้กลีบซากุระร่วงหล่น ทำให้แม่น้ำถูกปรุงแต่งแต้มสีงดงาม ทั้งเรือถีบ เรือพายลอยล่องอยู่ทั่วสายน้ำ ผู้คนมากมายจากทั่วทิศต่างมาชมความงามของดอกไม้ ปูเสื่อชื่นชอบไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ภาพเหล่านี้ทำให้ เด็กสาวหัวใจเบิกบานยิ่งนัก ตอนนี้ความกังวลใจทุกอย่างได้มลายสิ้น เธอฉีกยิ้มเท่าที่เธอจะยิ้มได้ พร้อมกับท่าทีตื่นเต้นแบบเด็ก ๆ โยดะเองก็เผลอยิ้มตามเธอไปด้วยเหมือนกัน และรีบหุบยิ้มก่อนที่ชารอนจะสังเกตเห็นมัน
    สายลมปลิวว่อนพัดผ่านแทรกเข้าไปในอากาศ และภาพฝูงนกบินผ่านประกอบด้วยฉากหลังของต้นซากุระ เหมือนหลุดเข้าไปในฝันก็ไม่ปาน เธอคิดแบบนั้น โยดะพาเธอมานั่งเรือ โดยพวกเขาเลือกเรือพาย ทั้งสองหันหน้าเข้าหากัน โดยที่โยดะเป็นคนพาย
    “นายชอบซากุระไหม” ชารอนเริ่มต้นบทสนทนาก่อน พยายามหาคำพูดที่ดูไม่ห่างเหินเกินไป
    “ดูเหมือนเราจะเริ่มสนิทกันแล้วนะ” โยดะยิ้มแบบรู้ทันออกมา “ฉันชอบครึ่ง ไม่ชอบครึ่ง ฟังดูออกแปลก ๆ นะว่าไหม”
    “ใช่…นายช่วยอธิบายให้ฟังได้ไหม” ชารอนถามต่อ ผู้ชายคนนี้ช่างเดาทางยากจริง ๆ เธอรู้สึกแบบนั้น ระหว่างที่ล่องเรือตามสายน้ำอย่างช้า ๆ
    โยดะมองชารอนสักพักหนึ่ง ผมสีแดงของเธอพลิ้วไหวตามกระแสลม เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ปนความรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
    “ซากุระผลิบานทั้งต้นอย่างสง่างาม ผู้คนส่วนมากจะชอบดอกสีชมพู แต่สำหรับฉันสีขาวนั้นดูเรียบง่าย มันเหมือนไม่เจือปนใด ๆ เมื่อตอนเป็นเด็กนั้น ตอนที่ฉันเห็นซากุระครั้งแรกฉันชอบมาก ความสวยงามและกลีบดอกได้กลืนกินความทุกข์จนสิ้น มอบความสุขมาแทนที่ และแน่นอนเมื่อฉันชอบมันมาก ฉันอยากที่จะเฝ้าชมมันตลอดไป” โยดะเว้นช่วง พร้อมเงยมองซากุระที่อยู่เหนือเรือพายก่อนที่เขาจะเอ่ยต่อ “แต่…มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพียงไม่กี่สัปดาห์ ซากุระก็ร่วงโรยพากันจากเด็กคนนั้นไป”
      ชารอนรู้สึกว่ามีหยดน้ำคลออยู่ในแววตาของเธอ เมื่อวานผู้คนชายคนนี้ยังดูเหมือนเป็นคนที่หน้ากลัว เฉยชา แต่วันนี้บรรยากาศอาจจะทำให้เขาเสียสติหรือเปล่านะ บางทีอาจจะใช่ก็ได้ เธอยังเป็นเลย เพียงแต่เด็กสาวรู้สึกว่าอยู่ในฝันก็เท่านั้นเอง
    มืออันบอบบางวักน้ำขึ้นมาสาดใส่โยดะ ด้วยขนาดของมือที่เล็ก ทำให้น้ำที่แหวกว่ายผ่านอากาศปริมาณไม่มากนัก แต่ก็มากพอที่จะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกได้
    “เฮ้ย! นี่เธอกำลังทำให้อะไรของเธอนี่” โยดะยกมือขึ้นมาปัดป้อง เรือต้องหยุดพายลง ขณะที่ชารอนยังวักน้ำใส่เขาอยู่เรื่อย ๆ
    “ก็นายอยู่ ๆ เล่นพูดเรื่องเศร้าให้ฉันฟังเองทำไม – ทำเอาบรรยากาศชมซากุระของฉันเสียหมดเลย ถ้าฉันเกิดร้องไห้นะ…” เด็กสาวทำหน้าบูดใส่ ขณะที่มือของเธอยังไม่ถอย “นี่แน่ะ”
    “อ่าว – ก็เธอมาถามฉันเอง – เล่นแบบนี้หรอ…ได้! เจอแบบนี้หน่อย” โยดะสู้กลับ น้ำลอยลิ่วอยู่ในอากาศไปมา
    ไม้พายนิ่งสงบ เรือก็อยู่นิ่ง แต่ที่ไม่นิ่งคือ เสียงน้ำสาดและเสียงหัวเราะที่ทำเอาชายหญิงคู่อื่นบนเรือพายต่างหันมาบอก เป็นเวลาซักพักหนึ่งกว่าที่โยดะและชารอนจะรู้ตัว แล้วรีบพายออกจากบริเวณนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่