เรื่องจริง เมื่อนายอำเภอ ต้องมาเป็น ผอ.โรงเรียน

รร.ชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ อ.ฝาง
รร.แห่งนี้ บริหารตัวเอง โดยใช้เงินจากค่าเทอมของ นร.ทุกคน มาแบ่งปันจัดสรรค์ โรงเรียนแห่งนี้ ตั้งอยู่ในเมือง แต่มี นร.จากหมู่บ้านใกล้เคียง ชาวเขา มาเรียนด้วย
ผอ.คนเก่าเป็นผู้หญิง แบ่งเงินให้ อาจารย์วิชาต่างๆคิดค้นพัฒนาการเรียนการสอน ตามที่อาจารย์ต่างๆเสนอมา และได้นำเงินส่วนหนึ่ง มาซื้อจักรยานให้กับเด็กยากจน ที่มาเรียนไม่สะดวก เนื่องจาก บ้านอยู่บนภูเขา ไม่มีรถประจำทาง
สร้างความไม่พอใจอย่างมากกับผู้ปกครองเด็กที่บ้านอยู่ในตลาด จนรวมตัวกันไปร้องเรียน นายอำเภอ
นายอำเภอ เห็นดังนั้น จึงปลด ผอ.ออกและลงมาบริหาร รร.เอง
โดยจัดงบการศึกษาใหม่ ตัดงบ ภาควิชา คณิตยศาสตร์ออก วิทยาศาสตร์ออก เพราะเห็นว่า เรียนจบไปทำงานก็ไม่ได้ใช้
เหมือนที่ตนเอง เป็นนายอำเภอมาจนใกล้เกษียน ทั้งสมการ ฟังชั่น ดิฟเฟอร์เรนเชี่ยน อินติเกรต ไม่เคยได้ใช้เลย
สื่อการเรียนการสอนทางภาควิชาภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ก็ตัดออก เพราะเห็นว่า เด็กส่วนใหญ่เป็นชาวเขา ยังไม่มีความจำเป็น
นายอำเภอ เกริ่น ในที่ประชุม ทำให้ อาจารย์วิชาดังกล่าว เงียบกริบ
จากการร้องเรียนของผู้ปกครอง ร้อยพ่อ พันแม่ ทำให้ นายอำเภอ รู้สึกว่า คนอำเภอนี้ขัดแย้งกันมาก จึงได้เรียกอาจารย์มาประชุมร่วมกัน
อาจารย์วิชา สังคม ศีลธรรม หน้าที่พลเมือง  เสนอว่า ต้อง รวมใจชาวบ้าน ปลูกฝังความความรักชาติ
เสนอให้ทำห้องโสตย์ทัศน์ใหม่ เพื่อจะเอาภาพยนต์ที่เกี่ยวกับการรักชาติมาฉาย ใน รร. ทำเสาธงใหม่ ใหญ่ๆสูงที่สุดในจังหวัด
2 เสียงจาก 2อาจารย์ โดนใจนายอำเภอจริงๆ
อาจารย์ ภาควิชาเกษตรกรรม เสนอให้เอา พื้นที่หลัง รร.เพื่อทำแปลงสาธิต ไร่นาสวนผสม เนื่องจาก นร.ส่วนใหญ่เป็นชาวเขา ถ้าได้คำแนะนำที่ถูกต้องในการทำอาชีพเกษตรกรรม จะทำให้เขาพึ่งพาตัวเองได้ โดนใจนายอำเภออีกแว้ววววว
งบประมาณจากค่าเทอมทั้งหมดในปีนี้ และปีต่อๆไปจนกว่า ผอ.คนใหม่จะเกษียน ก็จะมาทุ่มอยู่ตรงนี้
ขอย้ำ กระทู้นี้เป็นเรื่องจริงที่ผมแต่งขึ้นมา
....คำถาม...หักมุม...นิสนุง..คุณไม่ต้องไปช่วย ผอ.คิดหรอกในการปันส่วนงบประมาณ นักเรียนชาวเขาจะมาได้มั้ย
แต่ถามว่า...คุณอยากให้ลูกเรียน รร.นี้ไหม