เรื่องจริงจากปากของลูกเมียหลวง ทำไมผู้ใหญ่ทำร้ายเด็กแบบนี้!

สวัสดีค่ะทุกคน
ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะมาสมัครสมาชิกพันทิปอะไรเลย
เพราะว่าแค่เปิดอ่านกระทู้คนอื่นไปเรื่อยๆ มันก็โอเคสำหรับเราแล้วล่ะค่ะ
แต่หลังๆ มานี้ชอบอ่านกระทู้แล้วอยากลงความเห็นมั่งเลยสมัครมาค่ะ

สุดท้ายก็มาจบลงที่อยากเล่าประสบการณ์ของตัวเองให้ฟังกันค่ะ
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงอายุยี่สิบ ซึ่งไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะเหมือนละครเหลือเกิน

ถ้าให้ถามคนอื่นๆ ว่าเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าโลกมันแตกนั้นมันมีอะไรบ้าง
แต่ละคนคงมีคำตอบแตกต่างกันไป แต่สำหรับเราแล้ว 'มันคือเหตุการณ์ที่จับได้ว่าพ่อของตัวเองมีเมียน้อยค่ะ'

เริ่มจากเมื่อประมาณสีห้าปีที่ผ่านมา
ตอนนั้นเราเรียนอยู่ม.สี่ค่ะ เราเป็นลูกคนเดียว ติดพ่อมาก เข้ากับพ่อได้ดีกว่าแม่
ส่วนมากลูกสาวก็เป็นแบบนี้ล่ะเนอะ

ด้วยความเป็นลูกคนเดียวเลยเอาแต่ใจมากค่ะ บอกเลยว่ามองกลับไปตอนนี้เราเป็นเด็กไม่ดี
เอาแต่ใจ อยากได้อะไรต้องเอาให้ได้ ตอนนี้เราก็โทษตัวเองค่ะว่าที่พ่อหนีไปคงเพราะเรามันไม่ดีเอง
มีอยู่ช่วงนึงที่พ่อติดโทรศัพท์แบบแปลกๆ ค่ะ เวลามีคนโทรมาชอบลุกไปคุยที่อื่น
มีอยู่ครั้งนึงเขาเดินเข้าไปคุยในห้องครัว พอเราเดินไปหยิบน้ำเขาก็เดินหนีไปคุยที่อื่นค่ะ
ขนาดตอนเข้าห้องน้ำยังเอาโทรศ้พท์ติดตัวไปด้วย

เราชอบขอพ่อเล่นโทรศัพท์บ่อยๆ
เรารู้ตัวเองดีค่ะว่าเป็นพวกจิตแรง คือเป็นพวกเหมือนอ่านใจออก จับผิดคนเก่ง
ตอนนั้นเรารู้แล้วล่ะค่ะว่าอะไรบางอย่างมันผิดปกติ
เช็คโทรศัพท์ของพ่อก็ไม่มีอะไรผิดปกติค่ะ มีแค่คุยเรื่องงานบลาๆ ทั่วไป เราเลยไม่คิดอะไร
แต่พอพ่อเริ่มทำตัวไม่เหมือนปกติเราก็สติแตกเลยค่ะ เล่าให้แม่ฟัง
พอกลับบ้านก็ร้องไห้ คือมันกลัวมากเลยค่ะ คือเรื่องอะไรเรารับได้ แต่เรื่องเมียน้อยนี่เรารับไม่ได้จริงๆ
แม่ก็เรียกพ่อมาคุยบอกว่าลูกคิดว่าคุณมีเมียน้อบ พ่อก็ปลอบ บอกว่า "พ่อยังเหมือนเดิมนะ ยังรักหนูเหมือนเดิม ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก"
เราเลยโล่งอกมากและบอกตัวเองว่าคิดมากไปเองจริงๆ ด้วย

หลังจากนั้นไม่กี่เดือนพวกเราทั้งสามคนก็คุยเรื่องย้ายบ้านค่ะ
เพราะว่าบ้านเก่ามันอันตรายมาก ตั้งแต่อยู่มาโดนโจรขึ้นสามรอบแล้วค่ะ
ไม่ไหวจริงๆ เราก็รบเร้าพ่อบอกว่าย้ายไปอยู่ที่ที่ปลอดภัยกว่านี้
ตอนนั้นพ่อก็บอกว่าพ่อไม่พร้อมนะ ไอเราก็เรียนเอกชน หนี้พ่อก็เยอะ (เกิดจากเราเนี่ยแหละ) พ่อผ่อนไม่ไหวหรอก
แต่เหมือนกับว่าพ่อจะรับแรงกดดันจากเราและแม่ไม่ไหวจึงไปดูบ้านด้วยกันค่ะ
ดูไปดูมาก็ไปเจอหมู่บ้านที่สวยและปลอดภัยมาก เครือดังเนี่ยแหละค่ะ ตอนนั้นราคา สามล้านกว่าบาท
มันใช่เลยค่ะ พวกเราทั้งสามคนรู้สึกว่ามันใช่เลย จึงตัดสินใจจองและซื้อหลังจากนั้นเลยค่ะ
เร็วมาก55555555 แต่ตอนนั้นใครจะไปรู้ล่ะคะว่ามันจะเป็นสาเหตุให้พ่อเปลี่ยนไป

หลังจากนั้นเราก็ย้ายโรงเรียนค่ะ ที่จริงเราย้ายโรงเรียนก่อนย้านบ้านอีก
ไปเรียนโรงเรียนเอกชนที่เป็นสองภาษาค่าเทอมจึงขึ้นกว่าเดิม ภาระพ่อหนักกว่าเดิมอีกค่ะ
คุณแม่ก็ทำงานนะคะ ทำมาตลอด ไม่เคยเกาะพ่อกิน แต่แค่เงินเดือนน้อยกว่าเท่านั้นเองค่ะ
จนถึงตอนนี้เราก็ยังเป็นเด็กเอาแต่ใจไม่เปลี่ยนนะคะ เป็นข้อเสียเลยล่ะค่ะ

จนกระทั่งสามปีถัดมา เราขึ้นมหาลัยแล้วค่ะ
เป็นมหาลัยเอกชนอินเตอร์ชื่อดัง ค่าเทอมแพงลิบลิ่ว ด้วยความที่แม่อยากให้เรามีการเรียนที่ดี
เราเป็นเด็กเรียนดีนะคะ คือได้เกรดสามขึ้นมาตลอด เป็นเรื่องที่พ่อแม่ภูมิใจทีสุดแล้วค่ะ 55

แต่ขอเล่าย้อนนิดนึงค่ะ ก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์นึงกระชากวิญญานของเรามากค่ะ
มีอยู่คืนนึง ปกติเราเป็นคนนอนดึกมาก ก็ดูทีวีอยู่ข้างล่างกับพ่อ (แม่จะนอนก่อนตลอด)
พ่อก็หลับค่ะ กรนเสียงดังเลย แต่แล้วก็มีเสียงข้อความของพ่อเข้ามา ตอนนั้นจะห้าทุ่มละ
เลยสงสัยว่าใครมันจะไปส่งข้อความคุยกันเอาป่านนี้ เลยเปิดดูเลยค่ะ
มีคนส่งมาว่า "หนูเหงาจังเลย"
เราปรี๊ดเลยค่ะ กดอ่าน ลบ ให้พ่อเรียบร้อย 555555 แบบแกเป็นใครไม่รู้ แต่แกไม่มีวันได้แตะต้องพ่อฉัน
แล้วเราก็เงียบทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ทั้งๆ ที่ในใจรู้ดีทุกอย่างล่ะค่ะ
เราก้แค่หลอกตัวเองเท่านั้นเอง


แล้วเรื่องมันมาปูดตอนไหนงั้นหรอคะ?
เป็นช่วงที่พีคที่สุดแล้วค่ะ ตอนนั้นเราก็อยู่หอ กลับบ้านแค่เสาร์อาทิตย์
พอกลับไปบ้านแม่ก็มาคุยบอกว่าตอนนี้พ่อแปลกๆ นะ มีผู้หญิงคนนึงโทรมาหาแม่บอกว่าจะขอยืมตังหรืออะไรสักอย่างเนี่ยแหละค่ะ
แบบว่าถ้าไม่ให้ยืมมีเรื่องจะบอกนะ แม่ก้ไปคุยกับพ่อ พ่อก็บอกว่าไม่มีอะไร มันก็แค่ขู่จะขอเงิน เป็นเด็กที่เคยทำงานด้วยแต่ลาออกไปแล้ว
ไอ้เราก็ใจร้อนโทรหาพ่อตอนนั้นเลย (พ่อยังไม่กลับบ้าน) ถามว่าผู้หญิงคนนี้มันเปนใคร พ่อไม่ได้เป็นอะไรกับมันใช่มั้ย ตอนนั้นร้องไห้ด้วยนะ55
พ่อก็บอกว่าไม่ได้เป็น คิดมากกันไปใหญ่แล้ว อะๆ ถ้าพูดขนาดนั้นเรากับแม่ก็เชื่อค่ะ

จนกระทั่งมีอยู่วันนึงพ่อบอกว่าพ่อได้รางวัลไปญี่ปุ่นกับบริษัท
คือพ่อเราเป็นคนบ้างานค่ะ ทำงานดึก สร้างผลงานได้เยอะ คือเลื่อนตำแหน่งบ่อยมาก
คราวก่อนก็เคยได้ไปฮ่องกงค่ะ แม่เลยบอกว่าเนี่ย ซื้อที่อีกหนึ่งที่เอาลูกไปด้วย เท่านั้นแหละ พ่อไปไม่ถูกเลยค่ะ
บอกว่ามีแต่ผู้ใหญ่จะไปได้ยังไง ไอเรากับแม่ก็ไม่ยอมตื้อๆๆ เขาก็ปฏิเสธหาข้ออ้างมาตลอด
แต่คงเป็นโชคดีของเขาที่เราเปิดเทอมพอดีเลยไม่ได้ไป

พ่อก็บินไปเลยค่ะ จนอีกไม่กี่วันถัดมาเป็นวันกลับของเขา แม่โทรมาบอกขณะที่เรากำลังพักเรียนอยู่ว่า
"ลูกอย่าตกใจนะ แต่พอดีแม่มีไลน์ของผู้หญิงคนนั้นเพราะว่ามีเบอร์เขา ผู้หญิงคนนั้นเขาตั้งว่า go to japan ล่ะลูก"
เราก็น้ำตาแตกตรงนั้นต่อหน้าเพื่อนเลยค่ะ คือแบบ เรารู้ดีอยู่แก่ใจอะ
ที่ผ่านมามันมีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เรารู้ อย่างเช่น
1. มีวันนึงไปเซนทรัลกันมาตอนเช้า พอตกบ่ายเขาบอกจะไปบริษัทเคลียร์งาน เราก็ขอไปด้วย
เขาบอกอย่าไปเลย น่าเบื่อ เราก้ตื้อๆๆ แต่เขาก้ไม่ยอม เราเลยไม่ไปค่ะ
2. พ่อชอบไปทำบุญกับลูกค้าที่ต่างจ่างหวัดบ่อยมาก แม่เราก็เป็นพวกไม่ได้ชอบเข้าสังคมเลยไม่ได้ไปค่ะ

หลัวจากนั้นแม่ก็พูดต่อว่า "เราจะไปรับพ่อด้วยกันมั้ยลูก ให้มันรู้กันไปเลย"
เราก็โอเคทันที โดดเรียนไปเลย แม่ก็มารับที่มหาลัยพาไปที่สุวรรณภูมิ
บอกเลยนะคะตอนนั้นคิดว่าชีวิตนี้ยิ้มละครอะ เรายืนดูจอมอนิเตอร์ในสนามบินทั้งสี่จอคนเดียว (ที่มันเปนภาพว่าใครลงจากเครื่องมาแล้วบ้าง คนเคยไปสนามบินน่าจะรู้ค่ะ) เรายืนอยู่อย่างนั้นนานมาก ปวดตาก็ปวด เพ่งมองหาคนที่คล้ายกับพ่อ ภาวนากับตัวเองว่าขอให้พ่อไปคนเดียว
ขอให้มันไม่เป็นความจริง จนสุดท้ายเราก็เห็นพ่อลากกระเป๋าออกมาค่ะ
เรานี่เดินลุยเข้าไปในส่วนของผู้โดยสารขาเข้าเลย หน้าพ่อตอนเห็นเราคือช็อคค่ะ 'แล้วเขาก็อยู่กับผู้หญิงคนนึงด้วย'
คือทั้งสองคนดูช้อคอย่างเห็นได้ชัด เราเห็นผู้หญิงคนนั้นก็มองเหยียดๆเลยล่ะค่ะ
คือหน้าปลวกมาก ไม่สวยเลย นั่นคิ้วหรือปลิง เห็นหน้าแล้วอยากตบอะ (อารมณ์ล้วนๆ ตอนนี้5555) แต่ที่เห็นได้ชัดคือยังไม่แก่ค่ะ ผู้สาวอยู่
บอกก่อนเลยว่าแม่เราแก่กว่าพ่อค่ะ แล้วพ่อก็ยังดูหนุ่มและหล่ออยู่

พ่อถามว่า มาได้ไงเนี่ย เราก็บอกมากับแม่ มารับ!
พ่อก็ตอบว่ากลับไปกับแม่ก่อนเลยเดี๋ยวเจอกันที่บ้าน เราตอนนั้นไม่ยอมค่ะ จะไปด้วย
พ่อบอกโอเคงั้นพ่อไปเอารถที่จอดรถชั้นบนก่อนนะ เราก้ด้วยความเร็วเดินตามขึ้นลิฟไปด้วย
ตอนนั้นสองคนนั้นเขามองหน้ากันแบบเราเห็นแล้วก็รู้เลยว่า "ความลับแตกแล้วค่ะ!"
จนสุดท้ายพ่อบอกว่า "พ่อไม่ได้จอดรถที่นี่หรอก จอดอยู่บ้านเค้า เดี๋ยวไปเอาแล้วเจอกันนะ"
เราก็หัวเราะเลยค่ะบอกว่า "จะไปด้วย!!"

จนสุดท้ายนั่งแท้กซี่กันไปเอารถสามคน เรานั่งกลาง (แสดงความเป็นลูกสาวตัววีนสุดๆ)
บอกเลยนะคะตอนนี้ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะเปิดประตูรถถีบมันให้ตกแท้กซี่แม่มเลย!! ตอนนั้นดันไม่ทำ โคตรโกรธตัวเอง
เราก็คุ้ยประวิตชีต่อหน้าชีเลยค่ะ ดูทั้งรูปที่แม่ส่งมาให้ดูว่าเป็นคนเดียวกันรึเปล่า
ชีแกเห็นก็พูดออกมาว่า "น้องมีอะไรจะถามพี่ก็ถามมาได้เลยค่ะ"
เราก็หัวเราะกลับไปเหมือนคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ทั้งๆที่ตอนนั้นหัวใจเต้นแรงมากค่ะ
ชีเลยบอกว่า "เดี๋ยวพี่กับลูกพี่ลงตรงนี้นะ ไม่ต้องเข้าบ้าน ไม่อยากให้มาทะเลาะเสียงดังที่บ้าน"
อื้อหืออออออ กลัวไรคะ กลัวคนรู้แล้วจะไม่กล้าอยู่ต่อใช่ม่ะอีเมียน้อย แหมๆๆๆๆ ยังอายนะ!

สรุปเราก้เลยลงแท้กซี่มาค่ะ แต่มันเจ็บตรงไหนรู้มั้ยคะ
พ่อขึ้นแท้กซี่ไปกับมันสองคนแล้วก็ทิ้งเราไว้ตรงนั้นค่ะ ทั้งๆที่เราไม่มีเงินสักบาท มีโทรศัพทเครื่องเดียวที่ติดตัวอยู่
เราทนไม่ไหวร้องไห้โทรหาแม่ แบบระบายอารมณ์ออกมาทุกอย่างเลยค่ะ
จำได้ว่าด่าพ่อด้วย ด่าแบบเสียเลยค่ะ อาจจะฟังดูบาปมาก แต่ตอนนั้นหาได้แคร์ ผู้ชายคนนั้นมันไม่ใช่พ่อเราแล้ว!!
ไม่กี่นาทีเขาก็กลับมากันทั้งสองคนพร้อมกับรถของพ่อ (คือกลับไปเอาด้วยกัน)

อีเมียน้อยเปิดก่อนเลยค่ะ "พี่มีอะไรจะพูดรึเปล่า ไม่งั้นหนูพูดนะ"
พ่อเราด้วยค้วยความที่เป็นคนกล้าหาญมากกกกกก ไม่ตอบอะไรเลยค่ะ ทำหน้าแค่อยากตายแค่นั้น
"พี่เป็นเมียพ่อหนูอีกคน เป็นมาสามปีแล้วนะ"
เท่านั้นแหละค่ะ...โลกเหมือนหยุดหมุนอะ รู้สึกว่ามันจบแล้ว ชีวิตนี้จบแล้ว
พ่อเราเนี่ยนะ ทำไมต้องเป็นพ่อเราอะ คือเรารู้สึกเหมือนโลกแตก มันไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยค่ะ
"พ่อหนูบอกว่ารอหนูเรียนจบก่อนแล้วเขาจะเลิกกับแม่หนูมาอยู่กับพี่"
โหยิ้มกกกกก เรียกตัวเองว่าพี่ (แต่ตอนนั้นไม่กล้าพูด)
เท่านั้นแหละพ่อเราก็โผเข้ามากอดเราบอกว่าพ่อขอโทษๆ ขอโทษ ขอโทษอย่างเดียวเลยค่ะ
แล้วก็พล่ามว่าพ่อมีปัญหามานานแล้ว เพราะลูกเอาแต่ใจ พ่อก็ทนแม่ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน (เพราะแม่อ้วนขึ้นค่ะ ไม่ดูแลตัวเอง) พ่อเครียดแล้วไม่รู้จะไปลงที่ใคร (ก็แล้วทำไมพ่อไม่คุยกับครอบครัวล่ะ) พ่อไม่อยากให้ลูกเสียใจ พ่ออยากให้ลูกเรียนจบ พ่อรักลูกที่สุดนะ..."
อยากจะหัวเราะค่ะ รักลูก? ทั้งๆที่เราบอกว่าเรารับไม่ได้
ทั้งๆที่เราก้จับได้ตั้งแต่แรกแล้วทำไมไม่เลิก
มันเยอะจริงๆค่ะ เหตุการณ์ทีเ่กิดขึ้นตอนนั้น แต่สรุปแล้วคือ พ่อจะเลิกกับอีเมียน้อยเพื่อเราค่ะ
เพราะเราขู่ว่าถ้าพ่อไม่เลิก หนูจะเลิกเรียน หนูจะเสียตัว หนูจะทุกอย่างค่ะ
(เอาจริงไม่กล้าทำหรอกค่ะ เพราะว่าเราเป็นเด็กดีเกินไป เราทำร้ายตัวเองไม่ลง ถึงแม้อยากจะทำแค่ไหนก็เถอะ)

นี่พิมมาเยอะมาก เด่วมาต่อนะคะ เด่วคนอ่านจะปวดหัวกันสะก่อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่