สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ความคิดส่วนตัว เราคิดว่าเกรต้าอาจจะไม่ได้ไปดูเดฟเล่นบนเวทีจริงๆ แค่เกรต้าจินตนาการว่าอยากจะเห็นเดฟคนเดิมเล่นเพลงของเกรต้าในเวอร์ชั่นเดิมบนเวที สังเกตจากบนเวทีเป็นเดฟคนที่ไม่มีหนวด แต่ตลอดทั้งเรื่องจะเห็นว่าหนวดของเดฟยาวขึ้นเรื่อยๆ เราว่าน่าจะสื่อถึงการที่เดฟเปลี่ยนไป แต่เกรต้ายังเป็นคนที่รักเดฟอยู่เหมือนเดิม (จะเห็นว่าเดฟคนเดิมแคร์นางเอกมาก จากต้นเรื่องที่จะให้เครดิตนางเอกเสมอ) แล้วเดฟก็เรียกเกรต้าขึ้นไปบนเวทีคล้ายว่าเธอจะเลือกเดินทางเดียวกับเราหรือเปล่า แต่เกรต้าไม่ขึ้นไป แล้วก็น้ำตาไหลที่ต้องเดินจากเดฟออกมาเลือกทางของเธอเอง
นอกจากนี้วิธีการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้ก็เหมือนชื่อเรื่อง จะเห็นว่าตลอดทั้งเรื่องหนังจะนำเราไปก่อนก้าวนึงเสมอ ในฉากแรกหนังจงใจเปิดขึ้นมาในฉากบาร์ซึ่งเราจะยังไม่รู้ที่มาที่ไปของการมาถึงฉากนั้นหนังก็จะย้อนกลับไปฉายที่มาให้ดู ฉากที่ตั้งแบนด์ขึ้นมาแล้วก็เหมือนกัน หนังก็เฉลยขึ้นมาว่าไปหานักดนตรีแต่ละคนมาได้อย่างไร นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเด็นที่หนังจงใจส่งให้เราตั้งคำถามขึ้นมาก่อนแล้วค่อยเฉลยทีหลัง ดังนั้นในตอนสุดท้ายเราคิดว่า ฉากที่เดฟเล่นบนเวทีนั้น เป็นการจินตนาการของเกรต้าที่กำลังปั่นจักรยานอยู่(ก่อนจบเรื่องจะเป็นเกรต้ากำลังเหม่อ) ... มั้ง
แก่นของหนังเรื่องนี้เราคิดว่า ที่คนเราไปด้วยกันไม่ได้ไม่ใช่คนเราไม่รักกัน ลึกๆแล้วเราก็รักกันอยู่นั่นแหละ(พ่อรักลูก ลูกก็รักพ่อ แม่ก็รักพ่อ พ่อก็รักแม่ ผู้หญิงก็รักแฟน แฟนก็รักผู้หญิง เพื่อนก็ยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่) เพียงแต่เรามีช่องว่างตรงกลางทำให้เราไปด้วยกันต่อไม่ได้ แต่ดนตรีทำให้ช่องว่างตรงกลางนี้แคบลง เหมือนในโปสเตอร์หนังที่ระหว่างชายหญิงที่ยิ้มให้กันจะมีกีตาร์อยู่ตรงกลาง
ปล. ฉากในบาร์นั้นจะมีผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนเดฟนั่งอยู่ตรงบาร์คนนึง เราไม่รู้ว่าหนังจงใจให้ดูคล้ายว่า ขณะที่เกรต้าเล่นดนตรีในใจก็ยังนึกถึงเดฟด้วยหรือเปล่า
ปล. 2 ถ้าไม่ได้ฟัง lost stars ไปก่อนดูหนังจะพบว่า เดฟบนเวทีนั้นแต่งเนื้อเพลงท่อน verse 2 เพิ่มขึ้นมาเพื่อขอคืนดีกับเกรต้าซึ่งเนื้อเพลงโรแมนติคมากเลย โดยเนื้อเพลงท่อนหลังนี้ ไม่ได้ปรากฏมาก่อนในเรื่องเลย...(มั้ง เราดูในโรงรอบเดียว ถ้าผิดพลาดขอโทษด้วย)
ปล.3 ประเด็นอื่นๆที่ว่าคือหนังจะทิ้งให้เราคิดก่อนเสมอ เช่น
สายแจ็คในรถที่โผล่มาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วโฟกัสอยู่กลางกล้องเลยแล้วมันก็มีความหมายจริงๆตอนกลางเรื่อง หรือ
ฉากที่โปรดิวเซอร์เพลงกินเหล้าแล้วไปรับลูกแล้วบอกว่าเป็นกลิ่นอะไรซักอย่างตอนนั้นก็ไม่ได้บอกทันทีว่าลูกสาวจะได้กลิ่นเหล้าของเขา หรือ ฉากในครัว ที่เปิดเพลง ที่ทิ้งให้เราคิดเหมือนเกรต้าว่าพระเอกมีคนอื่นแล้วเนื่องจากพระเอกเอาแต่ก้มหน้าก้มตา หรือ
ฉากที่นางเอกเดินลากจักรยานกับกระเป๋าออกมาหาเพื่อนที่กำลังเล่นอยู่กลางถนน แล้วก็วิ่งเข้ามากอดเหมือนรู้ใจว่านางเอกโดนทิ้งแล้ว
ฉากที่ผู้บริหารผิวดำมาคุยกับโปรดิวเซอร์เรื่องที่เกรต้าขายเพลงเองแล้วก็เฉลยว่าเขานั้นรู้อยู่แล้ว
ปล.4 greta น่าจะมาจาก guitar หรือ great อะไรซักอย่าง แล้ว Dave kohl เราอดนึกไม่ได้ว่า คนเขียนบทน่าจะชอบ Dave grohl
ปล.5 เราชอบเสื้อผ้าเกรต้าทั้งเรื่องมากๆ ดูเป็นผู้หญิงสายดนตรีจริงๆ
ปล.6 หนังเป็นการสื่อนัยๆว่า หนังของเค้าก็เป็นหนังทุนต่ำที่ไม่มีค่ายใหญ่ๆมาสนับสนุน ต้องทำกันเองแต่ก็พยายามจะทำให้มันดีให้ได้ เหมือนในเรื่อง โดยไม่มีค่ายใหญ่ๆมาเอาเปรียบหรือเปลี่ยนแปลงเขา
ปล.7 เราชอบเนื้อเพลงมากๆ เช่นเพลง lost stars ที่ใช้คำว่า Hunting season แล้วมีคำว่า Lion กับ Deer หรือ เพลง a higher place ที่เปิดในครัวซึ่งมีเนื้อหาขัดกับเพลง Lost stars ที่เกรต้าแต่งอาจเป็นส่วนนึงที่ทำให้เกรต้าเอะใจได้ เพลง like a fool ที่เอาชื่อเพลงไปไว้ตอนท้าย หรือเพลง A step you can't take back ต้นเรื่องที่ใช้คำว่า subway ซึ่งเกี่ยวข้องกับฉากถัดมาของหนัง
ปล.8 จะเห็นว่าหนังให้ความสำคัญกับรายละเอียดค่อนข้างมาก เช่นฉากในสวนสาธารณะที่กินไอติมกัน ลูกสาวจะกินโคนส่วนผู้ใหญ่อีกสองคนจะกินถ้วย เกี่ยวป่าวหว่าาา อิอิ ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่ความคิดส่วนตัวเรานะ เดี๋ยวแผ่นออกอาจจะดูอีกรอบ เผื่อเคลียร์กว่านี้ ถ้าผิดพลาดอันไหนขออภัยด้วยจ้า
นอกจากนี้วิธีการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้ก็เหมือนชื่อเรื่อง จะเห็นว่าตลอดทั้งเรื่องหนังจะนำเราไปก่อนก้าวนึงเสมอ ในฉากแรกหนังจงใจเปิดขึ้นมาในฉากบาร์ซึ่งเราจะยังไม่รู้ที่มาที่ไปของการมาถึงฉากนั้นหนังก็จะย้อนกลับไปฉายที่มาให้ดู ฉากที่ตั้งแบนด์ขึ้นมาแล้วก็เหมือนกัน หนังก็เฉลยขึ้นมาว่าไปหานักดนตรีแต่ละคนมาได้อย่างไร นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเด็นที่หนังจงใจส่งให้เราตั้งคำถามขึ้นมาก่อนแล้วค่อยเฉลยทีหลัง ดังนั้นในตอนสุดท้ายเราคิดว่า ฉากที่เดฟเล่นบนเวทีนั้น เป็นการจินตนาการของเกรต้าที่กำลังปั่นจักรยานอยู่(ก่อนจบเรื่องจะเป็นเกรต้ากำลังเหม่อ) ... มั้ง
แก่นของหนังเรื่องนี้เราคิดว่า ที่คนเราไปด้วยกันไม่ได้ไม่ใช่คนเราไม่รักกัน ลึกๆแล้วเราก็รักกันอยู่นั่นแหละ(พ่อรักลูก ลูกก็รักพ่อ แม่ก็รักพ่อ พ่อก็รักแม่ ผู้หญิงก็รักแฟน แฟนก็รักผู้หญิง เพื่อนก็ยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่) เพียงแต่เรามีช่องว่างตรงกลางทำให้เราไปด้วยกันต่อไม่ได้ แต่ดนตรีทำให้ช่องว่างตรงกลางนี้แคบลง เหมือนในโปสเตอร์หนังที่ระหว่างชายหญิงที่ยิ้มให้กันจะมีกีตาร์อยู่ตรงกลาง
ปล. ฉากในบาร์นั้นจะมีผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนเดฟนั่งอยู่ตรงบาร์คนนึง เราไม่รู้ว่าหนังจงใจให้ดูคล้ายว่า ขณะที่เกรต้าเล่นดนตรีในใจก็ยังนึกถึงเดฟด้วยหรือเปล่า
ปล. 2 ถ้าไม่ได้ฟัง lost stars ไปก่อนดูหนังจะพบว่า เดฟบนเวทีนั้นแต่งเนื้อเพลงท่อน verse 2 เพิ่มขึ้นมาเพื่อขอคืนดีกับเกรต้าซึ่งเนื้อเพลงโรแมนติคมากเลย โดยเนื้อเพลงท่อนหลังนี้ ไม่ได้ปรากฏมาก่อนในเรื่องเลย...(มั้ง เราดูในโรงรอบเดียว ถ้าผิดพลาดขอโทษด้วย)
ปล.3 ประเด็นอื่นๆที่ว่าคือหนังจะทิ้งให้เราคิดก่อนเสมอ เช่น
สายแจ็คในรถที่โผล่มาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วโฟกัสอยู่กลางกล้องเลยแล้วมันก็มีความหมายจริงๆตอนกลางเรื่อง หรือ
ฉากที่โปรดิวเซอร์เพลงกินเหล้าแล้วไปรับลูกแล้วบอกว่าเป็นกลิ่นอะไรซักอย่างตอนนั้นก็ไม่ได้บอกทันทีว่าลูกสาวจะได้กลิ่นเหล้าของเขา หรือ ฉากในครัว ที่เปิดเพลง ที่ทิ้งให้เราคิดเหมือนเกรต้าว่าพระเอกมีคนอื่นแล้วเนื่องจากพระเอกเอาแต่ก้มหน้าก้มตา หรือ
ฉากที่นางเอกเดินลากจักรยานกับกระเป๋าออกมาหาเพื่อนที่กำลังเล่นอยู่กลางถนน แล้วก็วิ่งเข้ามากอดเหมือนรู้ใจว่านางเอกโดนทิ้งแล้ว
ฉากที่ผู้บริหารผิวดำมาคุยกับโปรดิวเซอร์เรื่องที่เกรต้าขายเพลงเองแล้วก็เฉลยว่าเขานั้นรู้อยู่แล้ว
ปล.4 greta น่าจะมาจาก guitar หรือ great อะไรซักอย่าง แล้ว Dave kohl เราอดนึกไม่ได้ว่า คนเขียนบทน่าจะชอบ Dave grohl
ปล.5 เราชอบเสื้อผ้าเกรต้าทั้งเรื่องมากๆ ดูเป็นผู้หญิงสายดนตรีจริงๆ
ปล.6 หนังเป็นการสื่อนัยๆว่า หนังของเค้าก็เป็นหนังทุนต่ำที่ไม่มีค่ายใหญ่ๆมาสนับสนุน ต้องทำกันเองแต่ก็พยายามจะทำให้มันดีให้ได้ เหมือนในเรื่อง โดยไม่มีค่ายใหญ่ๆมาเอาเปรียบหรือเปลี่ยนแปลงเขา
ปล.7 เราชอบเนื้อเพลงมากๆ เช่นเพลง lost stars ที่ใช้คำว่า Hunting season แล้วมีคำว่า Lion กับ Deer หรือ เพลง a higher place ที่เปิดในครัวซึ่งมีเนื้อหาขัดกับเพลง Lost stars ที่เกรต้าแต่งอาจเป็นส่วนนึงที่ทำให้เกรต้าเอะใจได้ เพลง like a fool ที่เอาชื่อเพลงไปไว้ตอนท้าย หรือเพลง A step you can't take back ต้นเรื่องที่ใช้คำว่า subway ซึ่งเกี่ยวข้องกับฉากถัดมาของหนัง
ปล.8 จะเห็นว่าหนังให้ความสำคัญกับรายละเอียดค่อนข้างมาก เช่นฉากในสวนสาธารณะที่กินไอติมกัน ลูกสาวจะกินโคนส่วนผู้ใหญ่อีกสองคนจะกินถ้วย เกี่ยวป่าวหว่าาา อิอิ ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่ความคิดส่วนตัวเรานะ เดี๋ยวแผ่นออกอาจจะดูอีกรอบ เผื่อเคลียร์กว่านี้ ถ้าผิดพลาดอันไหนขออภัยด้วยจ้า
แสดงความคิดเห็น
สอบถามตอนจบ Begin Again (สปอยล์ขั้นรุนแรง)