ออกตัวก่อนว่านี่เป็นเพียงข้อคิดเห็น ผิดถูกอย่างไรโปรดช่วยชี้แนะ
....จากการที่ผ่านๆมา พรรคการเมืองมักมีการออกนโยบายบริหารประเทศในแบบที่ค่อนข้างเป็นประชานิยม ทำให้คนเมืองและคนที่อยู่ในระดับชนชั้นกลางมักจะรู้สึกว่าพวกตนไม่ได้รับการเหลียวแลและเอาใจใส่จากนโยบายต่างๆของรัฐบาล ทั้งๆที่พวกตนนั้นจะว่าไปแล้วก็เป็นพวกที่จ่ายภาษีส่วนมากในการให้รัฐบาลเอาไปบริหารประเทศ แต่ในขณะเดียวกันเวลาออกเสียงเพื่อลงคะแนนเลือกตั้ง กลับกลายเป็นว่าคะแนนเสียงของพวกตนเท่ากันกับพวกที่ได้รับการช่วยเหลือจากนโยบายประชานิยม
........ดังนั้นผมจึงขอเสนอดังนี้ครับ คือทำไมเราไม่ให้คะแนนเสียงของคนที่ลงคะแนนไปตามรายได้ โดยการจัดแบ่งกลุ่มคนออกเป็น5กลุ่มคือ
1.รายได้สูง
2.รายได้ค่อนข้างสูง
3.รายได้ปานกลาง
4.รายได้น้อย
5.รายได้ต่ำและไม่มีรายได้
ซึ่งหากดูจากคนทั้ง5กลุ่มแล้ว แน่นอนว่าแต่ละกลุ่มนั้นจำนวนคนจะไม่เท่ากันแน่นอน แต่ว่าคะเเนนเสียงของคนแต่ละกลุ่มจะได้สัดส่วนที่เท่ากันคือได้กลุ่มละ20% ถ้าจะให้ยกตัวอย่างให้ชัดเจน ผมขออนุญาตสมมติตัวเลขให้เห็นกัน สมมติว่ามีคนมีสิทธิ์ที่จะออกเสียงทั้งหมด25ล้านคน เมื่อแบ่งกลุ่มไปตามฐานรายได้แล้ว ได้ตัวเลขออกมาดังนี้
1.2ล้านคน
2.3ล้านคน
3.5ล้านคน
4.7ล้านคน
5.8ล้านคน
ถ้าให้น้ำหนักเสียงของคนในแต่ละกลุ่มเท่ากับ20% เมื่อเอาเครื่องคิดเลขมากดดู แล้วคำนวนออกมาว่าคนในกลุ่มไหน ได้คะแนนเท่าไหร่ในการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง ก็จะได้ตัวเลขโดยประมาณว่า
กลุ่มที่1 ได้คะแนนเสียงละ 4คะแนน
กลุ่มที่2 ได้คะแนนเสียงละ 2.666... คะแนน
กลุ่มที่3 ได้คะแนนเสียงละ 1.6 คะเเนน
กลุ่มที่4 ได้คะแนนเสียงละ1.14285 คะแนน
กลุ่มที่5 ได้คะแนนเสียงละ 1 คะแนน
เหตุที่ผมคิดอย่างนี้ก็เพราะว่า ผมว่ารัฐบาลคือตัวแทนของประชาชนที่เอาเงินภาษีไปบริหารประเทศ ดังนั้นคนที่จ่ายมาก(โดยคิดจากรายได้สุทธิที่เอาไปคำนวนภาษี) ก็ควรจะมีเสียงดังกว่าคนที่จ่ายภาษีน้อยกว่า เพราะพวกเขาจ่ายเงินเข้ารัฐด้วยจำนวนที่มากกว่า อีกทั้งยังเป็นการป้องกันการทำนโยบายแบบประชานิยมโดยเอาใจคนที่มีรายได้น้อยซึ่งเป็นคนจำนวนที่มากกว่า แต่คนที่อยู่ระดับ1-3ซึ่งcontributeให้กับประเทศมากกว่า กลับไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายรัฐเท่าที่ควร หากทำอย่างนี้แล้วการกำหนดนโยบายของพรรคการเมือง ก็จะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของคนในทุกๆกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน เพราะไม่อย่างนั้นแล้วพวกคุณก็จะไม่ได้รับคะแนนจากกลุ่มที่ไม่ได้ผลประโยชน์จากนโยบายของพวกคุณ
....ผมคงไม่พูดถึงนะครับว่า รายรับ กับรายได้สุทธิที่ใช้ในการคำนวณภาษีนั้นต่างกันอย่างไร สมาชิกห้องราชมีความคิดเห็นอย่างไรกับแนวคิดนี้ เชิญชี้แนะครับ
~เกรียนสยาม~
ขออนุญาตแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ : ผมเชื่อว่าเสียงทุกคนไม่ควรเท่ากัน
....จากการที่ผ่านๆมา พรรคการเมืองมักมีการออกนโยบายบริหารประเทศในแบบที่ค่อนข้างเป็นประชานิยม ทำให้คนเมืองและคนที่อยู่ในระดับชนชั้นกลางมักจะรู้สึกว่าพวกตนไม่ได้รับการเหลียวแลและเอาใจใส่จากนโยบายต่างๆของรัฐบาล ทั้งๆที่พวกตนนั้นจะว่าไปแล้วก็เป็นพวกที่จ่ายภาษีส่วนมากในการให้รัฐบาลเอาไปบริหารประเทศ แต่ในขณะเดียวกันเวลาออกเสียงเพื่อลงคะแนนเลือกตั้ง กลับกลายเป็นว่าคะแนนเสียงของพวกตนเท่ากันกับพวกที่ได้รับการช่วยเหลือจากนโยบายประชานิยม
........ดังนั้นผมจึงขอเสนอดังนี้ครับ คือทำไมเราไม่ให้คะแนนเสียงของคนที่ลงคะแนนไปตามรายได้ โดยการจัดแบ่งกลุ่มคนออกเป็น5กลุ่มคือ
1.รายได้สูง
2.รายได้ค่อนข้างสูง
3.รายได้ปานกลาง
4.รายได้น้อย
5.รายได้ต่ำและไม่มีรายได้
ซึ่งหากดูจากคนทั้ง5กลุ่มแล้ว แน่นอนว่าแต่ละกลุ่มนั้นจำนวนคนจะไม่เท่ากันแน่นอน แต่ว่าคะเเนนเสียงของคนแต่ละกลุ่มจะได้สัดส่วนที่เท่ากันคือได้กลุ่มละ20% ถ้าจะให้ยกตัวอย่างให้ชัดเจน ผมขออนุญาตสมมติตัวเลขให้เห็นกัน สมมติว่ามีคนมีสิทธิ์ที่จะออกเสียงทั้งหมด25ล้านคน เมื่อแบ่งกลุ่มไปตามฐานรายได้แล้ว ได้ตัวเลขออกมาดังนี้
1.2ล้านคน
2.3ล้านคน
3.5ล้านคน
4.7ล้านคน
5.8ล้านคน
ถ้าให้น้ำหนักเสียงของคนในแต่ละกลุ่มเท่ากับ20% เมื่อเอาเครื่องคิดเลขมากดดู แล้วคำนวนออกมาว่าคนในกลุ่มไหน ได้คะแนนเท่าไหร่ในการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง ก็จะได้ตัวเลขโดยประมาณว่า
กลุ่มที่1 ได้คะแนนเสียงละ 4คะแนน
กลุ่มที่2 ได้คะแนนเสียงละ 2.666... คะแนน
กลุ่มที่3 ได้คะแนนเสียงละ 1.6 คะเเนน
กลุ่มที่4 ได้คะแนนเสียงละ1.14285 คะแนน
กลุ่มที่5 ได้คะแนนเสียงละ 1 คะแนน
เหตุที่ผมคิดอย่างนี้ก็เพราะว่า ผมว่ารัฐบาลคือตัวแทนของประชาชนที่เอาเงินภาษีไปบริหารประเทศ ดังนั้นคนที่จ่ายมาก(โดยคิดจากรายได้สุทธิที่เอาไปคำนวนภาษี) ก็ควรจะมีเสียงดังกว่าคนที่จ่ายภาษีน้อยกว่า เพราะพวกเขาจ่ายเงินเข้ารัฐด้วยจำนวนที่มากกว่า อีกทั้งยังเป็นการป้องกันการทำนโยบายแบบประชานิยมโดยเอาใจคนที่มีรายได้น้อยซึ่งเป็นคนจำนวนที่มากกว่า แต่คนที่อยู่ระดับ1-3ซึ่งcontributeให้กับประเทศมากกว่า กลับไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายรัฐเท่าที่ควร หากทำอย่างนี้แล้วการกำหนดนโยบายของพรรคการเมือง ก็จะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของคนในทุกๆกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน เพราะไม่อย่างนั้นแล้วพวกคุณก็จะไม่ได้รับคะแนนจากกลุ่มที่ไม่ได้ผลประโยชน์จากนโยบายของพวกคุณ
....ผมคงไม่พูดถึงนะครับว่า รายรับ กับรายได้สุทธิที่ใช้ในการคำนวณภาษีนั้นต่างกันอย่างไร สมาชิกห้องราชมีความคิดเห็นอย่างไรกับแนวคิดนี้ เชิญชี้แนะครับ
~เกรียนสยาม~