ก่อนเกมเยอรมัน-ฝรั่งเศสรู้สึกใจคอหวั่นไหวกลัวทีมรักต้องกลับบ้าน สื่อกับบรรดาแฟนๆโจมตีเลิฟกับนักเตะอื้ออึง ไหนฝรั่งเศสจะฟอร์มดีจนกลายเป็นเต็งแชมป์ คราวนี้ไม่รอดแน่ บรรดากองแช่งเตรียมหัวเราะเยาะ แต่ข่าวจากวงในบอกว่าเลิฟไม่หวั่น แถมบอกว่าเราจะคืนฟอรม์ถูกที่ถูกเวลาแน่ ยิ่งนักเตะด้วยแล้ว ยิ่งถูกด่ายิ่งสามัคคี จะเห็นทีมไหนปรองดองและพร้อมจะสู้เพื่อกันและกันแบบทีมนี้ไม่มีอีกแล้ว เราจะไม่กลับบ้านและเราจะกลับมาริโออีกครั้ง พวกเขาจับมือให้กำลังใจกัน
พอรู้ว่าเลิฟหันมาใช้ลาห์เป็นแบ็คขวา เอาแพร์ออกและให้บัวเต็งยืนคู่มัทส์ แถมให้น้ามิโรลงเป็นตัวจริง บรรดาสื่อและแฟนๆก็ส่งเสียงฮือฮา มันต้องยังงี้ซิ กองเชียร์เยอรมันเริงร่ามีกำลังใจ แต่กองเชียร์ฝรั่งเศสชักสดุ้ง ไหงเลิฟมาจัดทีมดีเอาตอนนี้ล่ะ
ครึ่งแรก ในช่วงแรกเราครองบอลดี กองหลังเข้าที่เข้าทางไม่เว้นแม้แต่เฮอเวเดส โดนด่าเยอะแต่เลิฟยังไว้ใจ ผมต้องตอบแทนบุนเดสเทรนเนอร์และช่วยทีมเราให้ดีที่สุด เขาว่ายังงั้น แล้วในนาทีที่ 14 เราได้ลูกฟรีคิก โครสผู้กลายเป็นคนตั้งเตะประจำทีมโยนยาวเข้าไปในกรอบโทษ นักเตะทั้งสองทีมชุลมุนเตรียมแย่งลูก มัทส์ยื้อยุดฉุดกระชากกับกองหลังฝรั่งเศส แล้วมัทส์ก็โหม่งได้หรูกว่าเข้าประตูไปท่ามกลางเสียงเชียร์อีกทึกครึกโครมทั่วเยอรมัน พอถูกนำฝรั่งเศสก็สู้แหลก โยนลูกยาวไปป้วนเปี้ยนในแดนเราให้กองเชียร์ต้องนั่งหวาดเสียวก้นแทบไม่ติดเก้าอี้ แต่วันนี้กองหลังเราโดยเฉพาะมัทส์ช่วยกันป้องกันประตูสุดฤทิธ์ ลาห์มก็เล่นดีกว่าตอนเป็นกองกลางเยอะ นอยเออร์ไม่ต้องพูดถึง เคยปกป้องประตูให้เพื่อนๆเลิศยังไงก็ยังงั้น เลิฟบอกว่า ครั้งนี้ผมให้เราตั้งรับลึกกว่าปกติ ไม่เอาแล้วที่ผลีผลามบุกแบบตอนเจออเมริกาและแอลจีเรีย แบบนั้นโดนสวนกลับเร็ว เราวิ่งลงมากันแทบไม่ทัน คราวนี้ขอกองหลังเหนียวไว้ก่อนดีกว่า จบครึ่งแรกเรานำอยู่ 1-0
ครึ่งหลังฝรั่งเศสบุกแหลกจนเราต้องถอยตั้งรับแบบสามัคคี น้ามิโรแม้จะมุ่งหวังทำประตูแต่น้าก็เห็นความจำเป็นในการช่วยทีมตั้งรับ น้าเข้าปะทะแย่งลูกไม่ถดถอย กองหน้าต้องเป็นกองหลังด้วย น้าว่า แต่นาทีที่ 70 น้าชักไม่ไหว เลิฟเปลี่ยนเอาเชือร์เล่ลงแทน ซึ่งเชือร์เล่ก็วิ่งแบบลืมความร้อน ได้โอกาสทำประตูแบบจ่อๆ 2 ครั้งแต่วันนี้เกิดลืมเอาเท้ามา ยิงไม่เข้าซะงั้น น้าเลิฟยืนด่าริมสนามโขมงโฉงเฉง ยิ่งใกล้หมดเวลาฝรั่งเศสยิ่งบุกกระหน่ำ แต่คราวนี้เราสู้กันด้วยหัวใจเต็มร้อย สู้กันเป็นทีม เป็นครั้งแรกที่เห็นหัวใจนักสู้ของเยอรมันกลับคืนมา มีระเบียบวินัย ใช้สมองและใช้ความอึดเข้าสู้เต็มกำลัง เหมือนกับว่าเรากำลังจะหวนคืนสู่ความเป็นเยอรมันยุคก่อนยังไงยังงั้น
ฝรั่งเศสยังบุกต่อไม่ยั้ง แฟนๆเยอรมันเริ่มดูเวลา เมื่อไรจะหมดเวลาซักที เสียววาบๆทุกนาที ไม่อยากถูกตีเสมอหรอก หา อะไรนะ ต่อเวลา 4 นาทีเชียวเรอะ ทำไมมันนานชั่วกัปล์ชั่วกัลป์ยังงี้ล่ะ เฮ๊ย ฝรั่งเศสมาอีกแล้วเรอะ นาทีสุดท้ายก็ไม่วายจะยิง ลูกนี้มันน่าเข้าซะเหลือเกินแต่นอยเออร์ของเราโชว์เทพ มือเดียวปัดไปได้อีกแล้ว เยอรมันถอนหายใจเฮือก เกือบไปแล้ว นอยเออร์เตะบอลไปอีกฝั่ง หมดเวลาซะที เราชนะแล้วดีใจจัง
จบเกม ประธานเดเอฟเบให้สัมภาษณ์ว่าแฮปปี้สุดๆกับโคชและนักเตะชุดนี้ ฟีฟ่ายืนยันมาแล้วว่าหลังเกมนี้เยอรมันได้ครองอันดับ 1 ของโลกแซงเสปนแน่นอนแล้ว แต่จะประกาศเป็นทางการในวันที่ 13 มิถุนานี้ ประธานยิ้มหน้าบานบอกนักข่าว
หลังจากตามเชียร์กันมานานแสนนาน หัวเราะร้องไห้มาด้วยกันไม่รู้กี่ครั้ง ก็ดีใจมากๆที่ทีมรักของเราได้เข้ารอบรองชนะเลิศ นับเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์บอลโลกที่ติดรอบ 4 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน ได้เป็นที่ 1 ของโลกอย่างยิ่งใหญ่ และหวังเหลือเกินว่าทีมรักของเราจะได้ถ้วยเป็นรางวัลตอบแทนที่พาเยอรมันหวนกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
รักทีมเยอรมันหมดหัวใจ
เยอรมันกลับมาสู้ด้วยหัวใจจนเป็นทีมอันดับ 1 ของฟีฟ่าแล้ว..ดีใจจัง
พอรู้ว่าเลิฟหันมาใช้ลาห์เป็นแบ็คขวา เอาแพร์ออกและให้บัวเต็งยืนคู่มัทส์ แถมให้น้ามิโรลงเป็นตัวจริง บรรดาสื่อและแฟนๆก็ส่งเสียงฮือฮา มันต้องยังงี้ซิ กองเชียร์เยอรมันเริงร่ามีกำลังใจ แต่กองเชียร์ฝรั่งเศสชักสดุ้ง ไหงเลิฟมาจัดทีมดีเอาตอนนี้ล่ะ
ครึ่งแรก ในช่วงแรกเราครองบอลดี กองหลังเข้าที่เข้าทางไม่เว้นแม้แต่เฮอเวเดส โดนด่าเยอะแต่เลิฟยังไว้ใจ ผมต้องตอบแทนบุนเดสเทรนเนอร์และช่วยทีมเราให้ดีที่สุด เขาว่ายังงั้น แล้วในนาทีที่ 14 เราได้ลูกฟรีคิก โครสผู้กลายเป็นคนตั้งเตะประจำทีมโยนยาวเข้าไปในกรอบโทษ นักเตะทั้งสองทีมชุลมุนเตรียมแย่งลูก มัทส์ยื้อยุดฉุดกระชากกับกองหลังฝรั่งเศส แล้วมัทส์ก็โหม่งได้หรูกว่าเข้าประตูไปท่ามกลางเสียงเชียร์อีกทึกครึกโครมทั่วเยอรมัน พอถูกนำฝรั่งเศสก็สู้แหลก โยนลูกยาวไปป้วนเปี้ยนในแดนเราให้กองเชียร์ต้องนั่งหวาดเสียวก้นแทบไม่ติดเก้าอี้ แต่วันนี้กองหลังเราโดยเฉพาะมัทส์ช่วยกันป้องกันประตูสุดฤทิธ์ ลาห์มก็เล่นดีกว่าตอนเป็นกองกลางเยอะ นอยเออร์ไม่ต้องพูดถึง เคยปกป้องประตูให้เพื่อนๆเลิศยังไงก็ยังงั้น เลิฟบอกว่า ครั้งนี้ผมให้เราตั้งรับลึกกว่าปกติ ไม่เอาแล้วที่ผลีผลามบุกแบบตอนเจออเมริกาและแอลจีเรีย แบบนั้นโดนสวนกลับเร็ว เราวิ่งลงมากันแทบไม่ทัน คราวนี้ขอกองหลังเหนียวไว้ก่อนดีกว่า จบครึ่งแรกเรานำอยู่ 1-0
ครึ่งหลังฝรั่งเศสบุกแหลกจนเราต้องถอยตั้งรับแบบสามัคคี น้ามิโรแม้จะมุ่งหวังทำประตูแต่น้าก็เห็นความจำเป็นในการช่วยทีมตั้งรับ น้าเข้าปะทะแย่งลูกไม่ถดถอย กองหน้าต้องเป็นกองหลังด้วย น้าว่า แต่นาทีที่ 70 น้าชักไม่ไหว เลิฟเปลี่ยนเอาเชือร์เล่ลงแทน ซึ่งเชือร์เล่ก็วิ่งแบบลืมความร้อน ได้โอกาสทำประตูแบบจ่อๆ 2 ครั้งแต่วันนี้เกิดลืมเอาเท้ามา ยิงไม่เข้าซะงั้น น้าเลิฟยืนด่าริมสนามโขมงโฉงเฉง ยิ่งใกล้หมดเวลาฝรั่งเศสยิ่งบุกกระหน่ำ แต่คราวนี้เราสู้กันด้วยหัวใจเต็มร้อย สู้กันเป็นทีม เป็นครั้งแรกที่เห็นหัวใจนักสู้ของเยอรมันกลับคืนมา มีระเบียบวินัย ใช้สมองและใช้ความอึดเข้าสู้เต็มกำลัง เหมือนกับว่าเรากำลังจะหวนคืนสู่ความเป็นเยอรมันยุคก่อนยังไงยังงั้น
ฝรั่งเศสยังบุกต่อไม่ยั้ง แฟนๆเยอรมันเริ่มดูเวลา เมื่อไรจะหมดเวลาซักที เสียววาบๆทุกนาที ไม่อยากถูกตีเสมอหรอก หา อะไรนะ ต่อเวลา 4 นาทีเชียวเรอะ ทำไมมันนานชั่วกัปล์ชั่วกัลป์ยังงี้ล่ะ เฮ๊ย ฝรั่งเศสมาอีกแล้วเรอะ นาทีสุดท้ายก็ไม่วายจะยิง ลูกนี้มันน่าเข้าซะเหลือเกินแต่นอยเออร์ของเราโชว์เทพ มือเดียวปัดไปได้อีกแล้ว เยอรมันถอนหายใจเฮือก เกือบไปแล้ว นอยเออร์เตะบอลไปอีกฝั่ง หมดเวลาซะที เราชนะแล้วดีใจจัง
จบเกม ประธานเดเอฟเบให้สัมภาษณ์ว่าแฮปปี้สุดๆกับโคชและนักเตะชุดนี้ ฟีฟ่ายืนยันมาแล้วว่าหลังเกมนี้เยอรมันได้ครองอันดับ 1 ของโลกแซงเสปนแน่นอนแล้ว แต่จะประกาศเป็นทางการในวันที่ 13 มิถุนานี้ ประธานยิ้มหน้าบานบอกนักข่าว
หลังจากตามเชียร์กันมานานแสนนาน หัวเราะร้องไห้มาด้วยกันไม่รู้กี่ครั้ง ก็ดีใจมากๆที่ทีมรักของเราได้เข้ารอบรองชนะเลิศ นับเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์บอลโลกที่ติดรอบ 4 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน ได้เป็นที่ 1 ของโลกอย่างยิ่งใหญ่ และหวังเหลือเกินว่าทีมรักของเราจะได้ถ้วยเป็นรางวัลตอบแทนที่พาเยอรมันหวนกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
รักทีมเยอรมันหมดหัวใจ