คนแต่ละยุค แต่ละ generation เกิดมาในสภาพแวดล้อมและสังคมที่แตกต่างกัน มันไม่แปลกหรอกที่คนแต่ละรุ่นจะมีลักษณะนิสัย ทัศนคติ ความคิดความอ่านบางอย่างที่แตกต่างกัน คนที่เราเรียกกันว่า "มนุษย์ลุง/มนุษย์ป้า" ส่วนใหญ่ก็ refer ถึงคนรุ่นพ่อ รุ่นแม่ รุ่นลุง รุ่นป้า ของเรานี่แหละ
เข้าใจก่อนว่า คน gen นี้ เขาเกิดมาในยุค Baby Boom อย่างที่เราเห็นๆกันว่ารุ่นปู่ย่าตายายเรา มีลูกกันทีนึง 7 คน 10 คน 15 คน ก็มี มันก็พอมีเหตุผลอ่ะนะ ที่เขาต้องใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบ แก่งแย่ง ช่วงชิง
ส่วนคน gen X-Y เยี่ยงเรา (ซึ่งเป็นผลผลิตของคน Baby Boom) เราเกิดมาสบายกว่ารุ่นพ่อแม่ พ่อแม่เราเติบโตในยุคที่ลำบาก เมื่อมีลูกจึงพยายามเลี้ยงลูกให้สบายกว่ารุ่นตัวเอง เมื่อเราเติบโตมาแบบไม่ต้องลำเค็ญ มีพ่อแม่คอยหาให้กิน หาให้ใช้ พร้อมสนับสนุนเรื่องการศึกษา รวมถึงเรื่องธุรกิจและลงทุน ที่ทำให้คนรุ่นเราไม่ต้อง "เริ่มจาก 0" แบบที่คนรุ่นก่อนๆมากมายเคยทำมา มันก็เลยไม่แปลกที่เราจะมีเวลาและกะจิตกะใจ มาคิดวุ่นวายเรื่องอื่นๆๆๆรอบตัว นอกจากเรื่องปากท้องของตัวเอง
ไม่ได้บอกให้ยอมรับและนิ่งเฉยกับทุกเรื่อง หรือทุกอย่างที่คนทุก gen ทำนะคะ แค่อยากให้ลองเปิดใจ เข้าใจพื้นฐานของชีวิตแต่ละคนแต่ละวัยว่ามันแตกต่างกัน ไม่มีทางที่คนทุกคนจะคิดเหมือนเราทุกเรื่อง
เอาจริงๆ คนที่มีนิสัยเป็น "มนุษย์ลุง/มนุษย์ป้า" มันไม่ได้จำกัดด้วยวัยอย่างเดียวหรอกค่ะ คนรุ่นเราหรือเด็กกว่าเรามันก็อาจจะเคยเป็นกันทั้งนั้น ในบางสถานการณ์มันมีอยู่แล้วล่ะ..ที่เราจะเผลอทำหรือพูดอะไรออกไปโดย 'นึกถึงแต่ตัวเอง' เพราะมีหลายครั้งที่เราเห็นเด็กรุ่นใหม่ๆ หรือคนรุ่นเดียวกับเรา หรือแม้แต่ตัวเราเอง ทำพฤติกรรมเข้าข่ายมนุษย์ป้า...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีครั้งนึงเราขึ้น BTS ตอนนั้นที่ขึ้นไปคนมันโล่งมากกกก เรามัวแต่กดโทรศัพท์และหิ้วของพะรุงพะรัง จึงยืนพิงเสาด้วยความเมื่อยล้า เพราะคิดว่ามันไม่ได้มีใครยืนอยู่รอบๆตัวเลย มีเรายืนแค่คนเดียว แต่กดโทรศัพท์ไปเพลินๆ ผ่านไปหลายสถานี รู้สึกตัวเงยหน้าขึ้นมาอีกทีคือมีคนยืนเต็มรถไฟ เลยรีบยืนห่างออกมาจากเสาให้คนอื่นได้จับ ตอนนั้นรู้สึกผิดมาก เพราะเคยนึกว่าคนอื่นที่ยืนพิงในใจบ่อยๆ "เสาบ้านเธอหรือไง!?" แต่ก่อนหน้านั้นมันไม่มีสติไงคะ มัวอยู่ในพะวังการกดโทรศัพท์ ทันทีที่เรานึกได้ว่าเราผิด เราก็รีบทำให้มันถูก พร้อมขอโทษในใจ ฮ่าๆๆ
ทั้งหมดที่พูดมา คือ อยากให้ทุกคนลองหันมาพิจารณาตัวเองก่อน มีสติกับสิ่งที่ทำ บางทีเราอาจจะลืมคิดไปว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันไปเบียดเบียนสิทธิและสวัสดิภาพของคนอื่น
แล้วการเอาใจเขามาใส่ใจเรา มันไม่เกี่ยวกับว่าใครเป็นคน gen ไหน เพราะพื้นฐานที่คนทุก generation ควรมีร่วมกัน อันจะนำไปสู้การแก้ไขสารพัดปัญหาร้อยแปดพันเก้าในโลกนี้ คือ การยอมรับ เรียนรู้ และปรับตัว
#ถ้าป้าไม่เข้าใจก็ควรลองอดทนอธิบายให้ป้าฟัง
#ถ้าหลานไม่รู้จักกาลเทศะก็ควรมีโอกาสได้ถูกตักเตือน
#เริ่มที่ตัวเองอย่าเผลอทำตัวเองให้เป็นอย่างที่เคยว่ามนุษย์ป้าคนอื่น
เมื่อ 'มนุษย์ป้า' อาจจะกลายเป็น มนุษย์พ่อ-แม่ มนุษย์พี่-น้อง มนุษย์ลูก-หลาน หรือ มนุษย์ตัวเรา ก็ได้
เข้าใจก่อนว่า คน gen นี้ เขาเกิดมาในยุค Baby Boom อย่างที่เราเห็นๆกันว่ารุ่นปู่ย่าตายายเรา มีลูกกันทีนึง 7 คน 10 คน 15 คน ก็มี มันก็พอมีเหตุผลอ่ะนะ ที่เขาต้องใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบ แก่งแย่ง ช่วงชิง
ส่วนคน gen X-Y เยี่ยงเรา (ซึ่งเป็นผลผลิตของคน Baby Boom) เราเกิดมาสบายกว่ารุ่นพ่อแม่ พ่อแม่เราเติบโตในยุคที่ลำบาก เมื่อมีลูกจึงพยายามเลี้ยงลูกให้สบายกว่ารุ่นตัวเอง เมื่อเราเติบโตมาแบบไม่ต้องลำเค็ญ มีพ่อแม่คอยหาให้กิน หาให้ใช้ พร้อมสนับสนุนเรื่องการศึกษา รวมถึงเรื่องธุรกิจและลงทุน ที่ทำให้คนรุ่นเราไม่ต้อง "เริ่มจาก 0" แบบที่คนรุ่นก่อนๆมากมายเคยทำมา มันก็เลยไม่แปลกที่เราจะมีเวลาและกะจิตกะใจ มาคิดวุ่นวายเรื่องอื่นๆๆๆรอบตัว นอกจากเรื่องปากท้องของตัวเอง
ไม่ได้บอกให้ยอมรับและนิ่งเฉยกับทุกเรื่อง หรือทุกอย่างที่คนทุก gen ทำนะคะ แค่อยากให้ลองเปิดใจ เข้าใจพื้นฐานของชีวิตแต่ละคนแต่ละวัยว่ามันแตกต่างกัน ไม่มีทางที่คนทุกคนจะคิดเหมือนเราทุกเรื่อง
เอาจริงๆ คนที่มีนิสัยเป็น "มนุษย์ลุง/มนุษย์ป้า" มันไม่ได้จำกัดด้วยวัยอย่างเดียวหรอกค่ะ คนรุ่นเราหรือเด็กกว่าเรามันก็อาจจะเคยเป็นกันทั้งนั้น ในบางสถานการณ์มันมีอยู่แล้วล่ะ..ที่เราจะเผลอทำหรือพูดอะไรออกไปโดย 'นึกถึงแต่ตัวเอง' เพราะมีหลายครั้งที่เราเห็นเด็กรุ่นใหม่ๆ หรือคนรุ่นเดียวกับเรา หรือแม้แต่ตัวเราเอง ทำพฤติกรรมเข้าข่ายมนุษย์ป้า...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทั้งหมดที่พูดมา คือ อยากให้ทุกคนลองหันมาพิจารณาตัวเองก่อน มีสติกับสิ่งที่ทำ บางทีเราอาจจะลืมคิดไปว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันไปเบียดเบียนสิทธิและสวัสดิภาพของคนอื่น
แล้วการเอาใจเขามาใส่ใจเรา มันไม่เกี่ยวกับว่าใครเป็นคน gen ไหน เพราะพื้นฐานที่คนทุก generation ควรมีร่วมกัน อันจะนำไปสู้การแก้ไขสารพัดปัญหาร้อยแปดพันเก้าในโลกนี้ คือ การยอมรับ เรียนรู้ และปรับตัว
#ถ้าป้าไม่เข้าใจก็ควรลองอดทนอธิบายให้ป้าฟัง
#ถ้าหลานไม่รู้จักกาลเทศะก็ควรมีโอกาสได้ถูกตักเตือน
#เริ่มที่ตัวเองอย่าเผลอทำตัวเองให้เป็นอย่างที่เคยว่ามนุษย์ป้าคนอื่น