มาแชร์บันทึกเมื่อได้ไปดูการซ้อมอพยพเวลาเกิดซึนามิ ของโรงเรียนเด็กเล็กในโกเบค่ะ ^^

สวัสดีค้า

เจ้าของกระทู้ได้มีโอกาสไปแจมในทีมเก็บข้อมูลการวิจัยของมหาลัยค่ะ (ไปเป็นแรงงานนั่นเอง เพราะอันนี้เป็นงานวิจัยของเพื่อนค่ะ)

การเก็บข้อมูลครั้งนี้เป็นการเก็บข้อมูลจากการซ้อมหนีภัยซึนามิของโรงเรียนอนุบาล(จริงๆมีเด็กวัยก่อนอนุบาลด้วยแต่ขอเรียกรวมว่าโรงเรียนอนุบาลละกันนะคะ)ในเมืองนึงของโกเบค่ะ

คิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับบ้านเราที่ก็มีแผ่นดินไหวด้วยเลยนำที่จดไดอารี่ไว้มาฝากค้า

เผื่อไว้เป็นไอเดียนะคะ


รูปที่เลือกมาลงจะไม่เห็นหน้าเด็กๆโดยตรงนะคะ ^^
(ป.ล ขอความกรุณาอย่านำรูปไปใช้นอกเหนือจากกระทู้นี้ด้วยนะค้าบ)

.............
..............................


22/05/2014




วันนี้ตื่นเช้ามากกก สิ่งที่ดั๊นไม่ถูกโรคด้วยคือ การตื่นเช้า และเด็ก และการออกกำลังค่ะ

วันนี้มาเต็ม จัดมาครบเลยนะ!!! ^^'


วันนี้ไปช่วยเพื่อนเก็บข้อมูลการซ้อมอพยพของเด็กอนุบาลมา ไม่ไกลจากหอเท่าไหร่ เลยไปสี่ห้าสถานี



จริงๆก็มีทั้งเด็กอ่อนเนสเซอรี่ด้วย หน้าที่คือถ่ายวิดีโอ ดูภาพรวมของการเดินทางของเด็กๆว่าใช้เวลาเท่าไหร่

พวกทางลาด ทางแยก หรือพื้นผิวการจราจรแบบต่างๆจะทำให้เกิดการล่าช้าไปเท่าไหร่

ที่ต้องให้ความสำคัญกันเป็นนาทีต่อนาที เพราะมันเกี่ยวกับการรอดชีวิตของเด็กๆน่ะนะคะ



เห็นมีนักข่าวท้องถิ่นมาถ่ายทำเหมือนกัน(แต่ไม่เกี่ยวกับดั๊นแต่อย่างใด) มีคุณตำรวจมาคุมด้วย





ทางมหาลัยได้ติดต่อทางโรงเรียนอนุบาลไว้แล้ว และทุกคนที่มาช่วยกันเก็บข้อมูลจะต้องมีปอกแขนให้เรียบร้อย(ว่ามาจากที่ไหน)
แอบเมาท์ คุณตำรวจอยู่ๆก็มาขอดูเครื่องวิดิโอที่ถืออยู่ นึกว่ามีปัญหาอะไรกับเราแล้วเชียว(ด้าวกังวล ยิ่งพูดญี่ปุ่นไม่ค่อยได้อยู่...แต่เราก็มีปลอกแขนว่ามาทำวิจัยแล้วนะ!)

สรุปคือแกเห็นมันอันเล็กๆแปลกดีเลยสนใจขอดูเฉยๆ(โถะ!ทำตกใจหมด5555)
เรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของเด็กๆสำคัญมากค่ะ ต้องระวังกันนี้ดนึง

ขอเล่าแบคกราวด์



คือว่าชุมชนนี้เนี่ยจะเป็นที่ที่ใกล้ทะเลมาก เพราะฉะนั้นมีความเสี่ยงในการเกิดซึนามิได้ แล้วก็มีคนอยู่กันหนาแน่นด้วย

อีกอย่างค่อนข้างไกลจากภูเขาถ้าเทียบกับส่วนอื่นๆของโกเบ(ถ้าเทียบกับหอเราก็ใกล้ทะเล แต่ก็ใกล้ภูเขาด้วย)

ที่น่าเป็นห่วงคือว่ามีโรงเรียนเด็กเล็กอยู่ถึงสองโรงเรียน แล้วชุนชนเองก็อยู่กันหนาแน่น

แต่ชุมชนนี้ก็กระตือรือล้นในการรับมือกับภัยพิบัติมากค่ะ มีการวางแผนที่รัดกุม

เช่นทางการคาดการณ์ไว้ว่าคลื่นอาจจะสูงเท่านี้มีเวลาเท่านี้...เค้าเตรียมตัวไว้เหนือกว่าที่ทางการคะเนเพื่อความปลอภัย



เราเคยมาฟังเจ้าหน้าที่โบโคมิ(เจ้าหน้าที่ด้านภัยพิบัติของชุมชน)อธิบายถึงการอพยพคร่าวๆ คนในอุโอซากิ

แผนของเค้าคือถ้าวิ่งไปถึงไฮเวย์เส้นที่ 2 (เส้นใกล้ภูเขา)ได้ภายในชั่วโมงครึ่งก็นับว่าเซฟ

จะมีการซ้อมเป็นระยะๆ ก็ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านบางส่วนเป็นอย่างดี(แต่ไม่ใช่ทั้งหมดทุกคน)

การซ้อมก็จะเป็นแบบแบกกระเป๋าฉุกเฉินมาซ้อมวิ่งจริง ซ้อมขนคนเจ็บคนแก่แบบเสมือนจริง



ส่วนอันที่ไปสังเกตการณ์มาวันนี้จะเน้นเฉพาะเด็กอ่อนจริงๆคือไม่ถึง 5 ขวบลงไปถึงเด็กแบเบาะ ได้รับความร่วมมือจากสองโรงเรียน

เด็กๆดูร่าเริงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอนจอยมาก ทักทายคนแปลกหน้าแบบว่าไม่มีกลัวเลย มาสวัสดีเรากับเพื่อนหลายรอบ

ฮึๆ

พวกเจ้าไม่รู้ซะแล้วว่าวันนี้จะโดนหิ้ว อิๆ



มีทั้งตำรวจ พนักงานดับเพลิง เจ้าหน้าที่ชุมชน มาช่วยๆกัน สแตนบายันแต่เช้าเลยค่ะ  

อันนี้เป็นตึกเด็กเบบี๋ที่เราซุ่มจับเวลา


เหตุการณ์ซ้อมคือ โรงเรียนจะดำเนินการไปตามปกติมากๆ...เพราะเค้าจะไม่ได้บอกเด็กๆ(แต่แจ้งผู้ปกครองไว้แล้ว) และทำทุกอย่างเหมือนเหตุการณ์จริง

พอเริ่มต้นคุณครูจะวิ่งมาบอกเด็กๆว่ามีการเตือนภัยซึนามิ เราจะต้องอพยพแล้วนะหนูๆ



แล้วก็จับเด็กใส่ บักกี้ หรือรถเข็นสีชมพูในรูปนั่นเองค่ะ(รถบักกี้จะพับได้ แต่ของโรงเรียนที่เราไปถ่ายทำคือเค้าบางส่วนเค้าจะกางไว้แล้ว เข็นไปเลย)

เราตามรถคันสุดท้าย เพื่อนเราตามรถคันแรก แยกไปโรงเรียนละ 2 คน

รอกันอย่างระทึก(จะระทึกเพราะกลัวทำไรพลาดแล้วอดบันทึกข้อมูลค่ะ เพราะว่าได้รอบเดียวจะขอให้เด็กวิ่งอีกคงไม่ได้)

พอเจ้าหน้าที่ให้สัญญาน คุณครูจะวิ่งมา พูดตามบท "มีสัญญานเตือนซึนามิ ให้ทุกคนอพยพนะคะ"

งานของเราคือจับเวลาตั้งแต่อาจารย์เริ่มวิ่งมา แล้วก็ต้องถ่ายวิดีโอไว้ตลอดค่ะ ว่านาทีที่เท่าไหร่เด็กคนแรกมาถึงประตู

เด็กคนสุดท้ายถึงประตูตอนนาทีที่เท่าไหร่

ทุกคนพร้อม เด็กๆถูกบรรจุลงรถเข็นอย่างไว5555


แล้วก็อาจารย์กรุ้ปแรกมาแบ่งรถเข็นไปให้ส่วนของเด็กที่โตขึ้นมาหน่อย

ไวกันมาก แบบว่าไม่มีเงอะงะเลย อุ้มตัวเล็กๆออกมา แล้วก็ล้อคโรงเรียน แล้วก็เข้าขบวนบักกี้ผจญภัย(?)

รถเข็นจะเป็นแบบพับได้ หน้าตาเหมือนเตียงเด็กอ่อนมีล้อ รถคันนึงจะมีเด็กประมาณ 5 คน มีครู 2 คนต่อรถ 1 คัน

นอกจากรถเด็กแบเบาะ จะหน้าตาพิเศษหน่อยเหมือนเบบี้คาร์มีที่นั่งมีราวจับหันหน้าเข้าหากัน มีสี่ที่นั่ง

คือเด็กอ่อนจริงๆมี 2 คน(แบบยังคอพับคออ่อนอยู่เลย) พอเริ่มอพยพมีครูอุ้มมาเติมอีก 2 คน(คิดว่าคงเกินขวบนึง แต่ยังไม่โตดี)


รถคันแรกจะเป็นอาจารย์ที่ถูกซ้อมรับมือภัยพิบัติมาแล้วจะเป็นคันนำ

ที่เหลือตามๆกันมา เด็กที่โต 5 ขวบขึ้นไปเดินไปเองเป็นแถว ต้องจับเวลาในการเดินทางของทั้งขบวนไว้เป็นข้อมูลค่ะ

เพราะว่าเหตุการณ์จริงอาจจะล่าช้าไปกว่านี้

จริงๆเวลาที่ได้คำนวนกันไว้หากเกิดซึนามิที่นี่จริงจะมีเวลาแบบมากสุด maximum 80 นาทีในการอพยพถึงจุดเซฟแรก

แต่ที่วางแผนอพยพควรต้องถึงภายใน60 นาที(เร็วไว้ก่อน)

วันนี้คือการซ้อมไปจุดเซฟ 1 ค่ะ ส่วนการตัดสินใจที่จะไปจุดเซฟ 2 คือแล้วแต่ระดับของการแจ้งเตือนซึนามิด้วยว่าแรงแค่ไหน(จุดเซฟสองจะไกลขึ้นไปฝั่งภูเขาอีก)

เด็กๆดูแบบไม่รู้โหน่เหน่มากเหมือนถูกพามาเที่ยว แต่เป็นระเบียบกันดีมากเลยนะ ไปได้ไวด้วย ขนาดเราต้องจ้ำตาม....บางคนก็ร้องไห้เพราะร้อน เพราะตกใจ แต่คุณครูใจเย็นจัดการได้เป็นมืออาชีพมากๆ

ตอนถ่ายวิดิโอต้องถ่ายภาพรวมๆ ให้เห็นว่าทำไมรถถึงหยุด ช้าตรงไหน ติดอะไร ทางเดินมีสโลปหรือเจอสี่แยกไหม

แล้วคันแรกถึงคันสุดท้ายใช้เวลาห่างกันเท่าไหร่

รถบักกี้ขนเด็กอ่อนจะเป็นชุดที่มาถึงก่อนเด็กที่เดินเท้ามา สองโรงเรียนจะมารวมกันที่สวนสาธารณะที่จะมีระบบฉุกเฉินอยู่ (คือมีอุปกรณ์ฉุกเฉิน มีถังเก็บน้ำดื่ม มีเครื่องไม้เครื่องมือ บลา บลา)




การซ้อมก็ละเอียดดี...จบลงด้วยดีค่ะ ^^ ไม่มีใครหกล้มหรือผิดพลาด มีงอแงนิดหน่อยเท่านั้น



คุณเจ้าหน้าที่ก็มีคอมเม้นสรุปตอนท้ายว่าเด็กๆเป็นไง ร้อนไหม! สนุกไหม!

แล้วก็ให้คำแนะนำว่าวันนี้ใช้เวลาน้อย แต่อยากให้ลดความเร็วของรถบักกี้ลง เพราะเหตุการณ์จริงอาจจะมีของตกมีสิ่งกีดขวาง การไปเร็วเกินจะเกิดอันตราย

อีกอย่างคันแรกต้องคอยกะ คอยสังเกตุว่าคันสุดท้ายจะไม่ถูกทิ้งห่างกันเกินไปด้วย


เห็นเด็กๆได้รับการฝึกแบบนี้ก็คิดว่าผู้เกี่ยวข้องสุดยอดเลย

ประทับใจที่ทุกคนละเอียดละออกันมากทั้งคนคำนวนระยะเวลาของซึนามิ คำนวนการวิ่ง ทั้งคนดูแลเรื่องเส้นทางอพยพ

ไหนจะอุปกรณ์ขนเบบี๋และของที่ควรมีติดตัว และที่สำคัญคือคุณครูที่ดูแลเด็กๆโดยตรง ดูแบบพร้อมมากๆ

(คุณครูใหญ่ที่รถเบอร์ 1 มีไมค์ลอยพกพาด้วย ยังกะไอดอล555)


คุณครูมีน้ำให้เด็กๆกินพร้อมแก้วกระดาษ แถมมีทิชชูเปียกเช็ดมือก่อนทานน้ำด้วย พร้อมมาก (คือครูต้องเป้ใส่เป้มาเองค่ะ)


เห็นว่าที่ไทยก็เริ่มมีการสอนเรื่องนี้มากขึ้นแล้ว(เพราะเราก็คงเจอแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ)

คาดหวังว่าเราจะใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆพวกนี้ขึ้นเรื่อยๆค่ะ

โดยเฉพาะเกี่ยวกับเด็กและคนแก่ คนพิการ ซึ่งจะดูแลตัวเองได้ไม่ดีเท่าไหร่ ต้องใส่ใจกันมากหน่อย

^_^ เป็นโอกาสที่เราเองก็รู้สึกว่าดีที่ได้เข้าไปดูอย่างละเอียดค่ะก็เลยอยากบันทึกไว้

รูปอาจจะไม่เยอะเท่าไหร่นะคะ เพราะเจ้าของกระทู้ต้องถ่ายวิดีโอไปด้วย จับเวลาไปด้วย  วิ่งไปด้วย (ถึงจะไม่เร็ว)5555



จบเท่านี้ค่ะ ^^ ออกจะสั้นหน่อย หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่