สวัสดีค้า
เจ้าของกระทู้ได้มีโอกาสไปแจมในทีมเก็บข้อมูลการวิจัยของมหาลัยค่ะ (ไปเป็นแรงงานนั่นเอง เพราะอันนี้เป็นงานวิจัยของเพื่อนค่ะ)
การเก็บข้อมูลครั้งนี้เป็นการเก็บข้อมูลจากการซ้อมหนีภัยซึนามิของโรงเรียนอนุบาล(จริงๆมีเด็กวัยก่อนอนุบาลด้วยแต่ขอเรียกรวมว่าโรงเรียนอนุบาลละกันนะคะ)ในเมืองนึงของโกเบค่ะ
คิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับบ้านเราที่ก็มีแผ่นดินไหวด้วยเลยนำที่จดไดอารี่ไว้มาฝากค้า
เผื่อไว้เป็นไอเดียนะคะ
รูปที่เลือกมาลงจะไม่เห็นหน้าเด็กๆโดยตรงนะคะ ^^
(ป.ล ขอความกรุณาอย่านำรูปไปใช้นอกเหนือจากกระทู้นี้ด้วยนะค้าบ)
.............
..............................
22/05/2014
วันนี้ตื่นเช้ามากกก สิ่งที่ดั๊นไม่ถูกโรคด้วยคือ การตื่นเช้า และเด็ก และการออกกำลังค่ะ
วันนี้มาเต็ม จัดมาครบเลยนะ!!! ^^'
วันนี้ไปช่วยเพื่อนเก็บข้อมูลการซ้อมอพยพของเด็กอนุบาลมา ไม่ไกลจากหอเท่าไหร่ เลยไปสี่ห้าสถานี
จริงๆก็มีทั้งเด็กอ่อนเนสเซอรี่ด้วย หน้าที่คือถ่ายวิดีโอ ดูภาพรวมของการเดินทางของเด็กๆว่าใช้เวลาเท่าไหร่
พวกทางลาด ทางแยก หรือพื้นผิวการจราจรแบบต่างๆจะทำให้เกิดการล่าช้าไปเท่าไหร่
ที่ต้องให้ความสำคัญกันเป็นนาทีต่อนาที เพราะมันเกี่ยวกับการรอดชีวิตของเด็กๆน่ะนะคะ

เห็นมีนักข่าวท้องถิ่นมาถ่ายทำเหมือนกัน(แต่ไม่เกี่ยวกับดั๊นแต่อย่างใด) มีคุณตำรวจมาคุมด้วย
ทางมหาลัยได้ติดต่อทางโรงเรียนอนุบาลไว้แล้ว และทุกคนที่มาช่วยกันเก็บข้อมูลจะต้องมีปอกแขนให้เรียบร้อย(ว่ามาจากที่ไหน)
แอบเมาท์ คุณตำรวจอยู่ๆก็มาขอดูเครื่องวิดิโอที่ถืออยู่ นึกว่ามีปัญหาอะไรกับเราแล้วเชียว(ด้าวกังวล ยิ่งพูดญี่ปุ่นไม่ค่อยได้อยู่...แต่เราก็มีปลอกแขนว่ามาทำวิจัยแล้วนะ!)
สรุปคือแกเห็นมันอันเล็กๆแปลกดีเลยสนใจขอดูเฉยๆ(โถะ!ทำตกใจหมด5555)
เรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของเด็กๆสำคัญมากค่ะ ต้องระวังกันนี้ดนึง
ขอเล่าแบคกราวด์
คือว่าชุมชนนี้เนี่ยจะเป็นที่ที่ใกล้ทะเลมาก เพราะฉะนั้นมีความเสี่ยงในการเกิดซึนามิได้ แล้วก็มีคนอยู่กันหนาแน่นด้วย
อีกอย่างค่อนข้างไกลจากภูเขาถ้าเทียบกับส่วนอื่นๆของโกเบ(ถ้าเทียบกับหอเราก็ใกล้ทะเล แต่ก็ใกล้ภูเขาด้วย)
ที่น่าเป็นห่วงคือว่ามีโรงเรียนเด็กเล็กอยู่ถึงสองโรงเรียน แล้วชุนชนเองก็อยู่กันหนาแน่น
แต่ชุมชนนี้ก็กระตือรือล้นในการรับมือกับภัยพิบัติมากค่ะ มีการวางแผนที่รัดกุม
เช่นทางการคาดการณ์ไว้ว่าคลื่นอาจจะสูงเท่านี้มีเวลาเท่านี้...เค้าเตรียมตัวไว้เหนือกว่าที่ทางการคะเนเพื่อความปลอภัย
เราเคยมาฟังเจ้าหน้าที่โบโคมิ(เจ้าหน้าที่ด้านภัยพิบัติของชุมชน)อธิบายถึงการอพยพคร่าวๆ คนในอุโอซากิ
แผนของเค้าคือถ้าวิ่งไปถึงไฮเวย์เส้นที่ 2 (เส้นใกล้ภูเขา)ได้ภายในชั่วโมงครึ่งก็นับว่าเซฟ
จะมีการซ้อมเป็นระยะๆ ก็ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านบางส่วนเป็นอย่างดี(แต่ไม่ใช่ทั้งหมดทุกคน)
การซ้อมก็จะเป็นแบบแบกกระเป๋าฉุกเฉินมาซ้อมวิ่งจริง ซ้อมขนคนเจ็บคนแก่แบบเสมือนจริง

ส่วนอันที่ไปสังเกตการณ์มาวันนี้จะเน้นเฉพาะเด็กอ่อนจริงๆคือไม่ถึง 5 ขวบลงไปถึงเด็กแบเบาะ ได้รับความร่วมมือจากสองโรงเรียน
เด็กๆดูร่าเริงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอนจอยมาก ทักทายคนแปลกหน้าแบบว่าไม่มีกลัวเลย มาสวัสดีเรากับเพื่อนหลายรอบ
ฮึๆ
พวกเจ้าไม่รู้ซะแล้วว่าวันนี้จะโดนหิ้ว อิๆ
มีทั้งตำรวจ พนักงานดับเพลิง เจ้าหน้าที่ชุมชน มาช่วยๆกัน สแตนบายันแต่เช้าเลยค่ะ
อันนี้เป็นตึกเด็กเบบี๋ที่เราซุ่มจับเวลา

เหตุการณ์ซ้อมคือ โรงเรียนจะดำเนินการไปตามปกติมากๆ...เพราะเค้าจะไม่ได้บอกเด็กๆ(แต่แจ้งผู้ปกครองไว้แล้ว) และทำทุกอย่างเหมือนเหตุการณ์จริง
พอเริ่มต้นคุณครูจะวิ่งมาบอกเด็กๆว่ามีการเตือนภัยซึนามิ เราจะต้องอพยพแล้วนะหนูๆ
แล้วก็จับเด็กใส่ บักกี้ หรือรถเข็นสีชมพูในรูปนั่นเองค่ะ(รถบักกี้จะพับได้ แต่ของโรงเรียนที่เราไปถ่ายทำคือเค้าบางส่วนเค้าจะกางไว้แล้ว เข็นไปเลย)
เราตามรถคันสุดท้าย เพื่อนเราตามรถคันแรก แยกไปโรงเรียนละ 2 คน
รอกันอย่างระทึก(จะระทึกเพราะกลัวทำไรพลาดแล้วอดบันทึกข้อมูลค่ะ เพราะว่าได้รอบเดียวจะขอให้เด็กวิ่งอีกคงไม่ได้)
พอเจ้าหน้าที่ให้สัญญาน คุณครูจะวิ่งมา พูดตามบท "มีสัญญานเตือนซึนามิ ให้ทุกคนอพยพนะคะ"
งานของเราคือจับเวลาตั้งแต่อาจารย์เริ่มวิ่งมา แล้วก็ต้องถ่ายวิดีโอไว้ตลอดค่ะ ว่านาทีที่เท่าไหร่เด็กคนแรกมาถึงประตู
เด็กคนสุดท้ายถึงประตูตอนนาทีที่เท่าไหร่
ทุกคนพร้อม เด็กๆถูกบรรจุลงรถเข็นอย่างไว5555
แล้วก็อาจารย์กรุ้ปแรกมาแบ่งรถเข็นไปให้ส่วนของเด็กที่โตขึ้นมาหน่อย
ไวกันมาก แบบว่าไม่มีเงอะงะเลย อุ้มตัวเล็กๆออกมา แล้วก็ล้อคโรงเรียน แล้วก็เข้าขบวนบักกี้ผจญภัย(?)
รถเข็นจะเป็นแบบพับได้ หน้าตาเหมือนเตียงเด็กอ่อนมีล้อ รถคันนึงจะมีเด็กประมาณ 5 คน มีครู 2 คนต่อรถ 1 คัน
นอกจากรถเด็กแบเบาะ จะหน้าตาพิเศษหน่อยเหมือนเบบี้คาร์มีที่นั่งมีราวจับหันหน้าเข้าหากัน มีสี่ที่นั่ง
คือเด็กอ่อนจริงๆมี 2 คน(แบบยังคอพับคออ่อนอยู่เลย) พอเริ่มอพยพมีครูอุ้มมาเติมอีก 2 คน(คิดว่าคงเกินขวบนึง แต่ยังไม่โตดี)

รถคันแรกจะเป็นอาจารย์ที่ถูกซ้อมรับมือภัยพิบัติมาแล้วจะเป็นคันนำ
ที่เหลือตามๆกันมา เด็กที่โต 5 ขวบขึ้นไปเดินไปเองเป็นแถว ต้องจับเวลาในการเดินทางของทั้งขบวนไว้เป็นข้อมูลค่ะ
เพราะว่าเหตุการณ์จริงอาจจะล่าช้าไปกว่านี้
จริงๆเวลาที่ได้คำนวนกันไว้หากเกิดซึนามิที่นี่จริงจะมีเวลาแบบมากสุด maximum 80 นาทีในการอพยพถึงจุดเซฟแรก
แต่ที่วางแผนอพยพควรต้องถึงภายใน60 นาที(เร็วไว้ก่อน)
วันนี้คือการซ้อมไปจุดเซฟ 1 ค่ะ ส่วนการตัดสินใจที่จะไปจุดเซฟ 2 คือแล้วแต่ระดับของการแจ้งเตือนซึนามิด้วยว่าแรงแค่ไหน(จุดเซฟสองจะไกลขึ้นไปฝั่งภูเขาอีก)
เด็กๆดูแบบไม่รู้โหน่เหน่มากเหมือนถูกพามาเที่ยว แต่เป็นระเบียบกันดีมากเลยนะ ไปได้ไวด้วย ขนาดเราต้องจ้ำตาม....บางคนก็ร้องไห้เพราะร้อน เพราะตกใจ แต่คุณครูใจเย็นจัดการได้เป็นมืออาชีพมากๆ
ตอนถ่ายวิดิโอต้องถ่ายภาพรวมๆ ให้เห็นว่าทำไมรถถึงหยุด ช้าตรงไหน ติดอะไร ทางเดินมีสโลปหรือเจอสี่แยกไหม
แล้วคันแรกถึงคันสุดท้ายใช้เวลาห่างกันเท่าไหร่
รถบักกี้ขนเด็กอ่อนจะเป็นชุดที่มาถึงก่อนเด็กที่เดินเท้ามา สองโรงเรียนจะมารวมกันที่สวนสาธารณะที่จะมีระบบฉุกเฉินอยู่ (คือมีอุปกรณ์ฉุกเฉิน มีถังเก็บน้ำดื่ม มีเครื่องไม้เครื่องมือ บลา บลา)
การซ้อมก็ละเอียดดี...จบลงด้วยดีค่ะ ^^ ไม่มีใครหกล้มหรือผิดพลาด มีงอแงนิดหน่อยเท่านั้น
คุณเจ้าหน้าที่ก็มีคอมเม้นสรุปตอนท้ายว่าเด็กๆเป็นไง ร้อนไหม! สนุกไหม!
แล้วก็ให้คำแนะนำว่าวันนี้ใช้เวลาน้อย แต่อยากให้ลดความเร็วของรถบักกี้ลง เพราะเหตุการณ์จริงอาจจะมีของตกมีสิ่งกีดขวาง การไปเร็วเกินจะเกิดอันตราย
อีกอย่างคันแรกต้องคอยกะ คอยสังเกตุว่าคันสุดท้ายจะไม่ถูกทิ้งห่างกันเกินไปด้วย
เห็นเด็กๆได้รับการฝึกแบบนี้ก็คิดว่าผู้เกี่ยวข้องสุดยอดเลย
ประทับใจที่ทุกคนละเอียดละออกันมากทั้งคนคำนวนระยะเวลาของซึนามิ คำนวนการวิ่ง ทั้งคนดูแลเรื่องเส้นทางอพยพ
ไหนจะอุปกรณ์ขนเบบี๋และของที่ควรมีติดตัว และที่สำคัญคือคุณครูที่ดูแลเด็กๆโดยตรง ดูแบบพร้อมมากๆ
(คุณครูใหญ่ที่รถเบอร์ 1 มีไมค์ลอยพกพาด้วย ยังกะไอดอล555)
คุณครูมีน้ำให้เด็กๆกินพร้อมแก้วกระดาษ แถมมีทิชชูเปียกเช็ดมือก่อนทานน้ำด้วย พร้อมมาก (คือครูต้องเป้ใส่เป้มาเองค่ะ)
เห็นว่าที่ไทยก็เริ่มมีการสอนเรื่องนี้มากขึ้นแล้ว(เพราะเราก็คงเจอแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ)
คาดหวังว่าเราจะใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆพวกนี้ขึ้นเรื่อยๆค่ะ
โดยเฉพาะเกี่ยวกับเด็กและคนแก่ คนพิการ ซึ่งจะดูแลตัวเองได้ไม่ดีเท่าไหร่ ต้องใส่ใจกันมากหน่อย
^_^ เป็นโอกาสที่เราเองก็รู้สึกว่าดีที่ได้เข้าไปดูอย่างละเอียดค่ะก็เลยอยากบันทึกไว้
รูปอาจจะไม่เยอะเท่าไหร่นะคะ เพราะเจ้าของกระทู้ต้องถ่ายวิดีโอไปด้วย จับเวลาไปด้วย วิ่งไปด้วย (ถึงจะไม่เร็ว)5555
จบเท่านี้ค่ะ ^^ ออกจะสั้นหน่อย หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างนะคะ
มาแชร์บันทึกเมื่อได้ไปดูการซ้อมอพยพเวลาเกิดซึนามิ ของโรงเรียนเด็กเล็กในโกเบค่ะ ^^
เจ้าของกระทู้ได้มีโอกาสไปแจมในทีมเก็บข้อมูลการวิจัยของมหาลัยค่ะ (ไปเป็นแรงงานนั่นเอง เพราะอันนี้เป็นงานวิจัยของเพื่อนค่ะ)
การเก็บข้อมูลครั้งนี้เป็นการเก็บข้อมูลจากการซ้อมหนีภัยซึนามิของโรงเรียนอนุบาล(จริงๆมีเด็กวัยก่อนอนุบาลด้วยแต่ขอเรียกรวมว่าโรงเรียนอนุบาลละกันนะคะ)ในเมืองนึงของโกเบค่ะ
คิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับบ้านเราที่ก็มีแผ่นดินไหวด้วยเลยนำที่จดไดอารี่ไว้มาฝากค้า
เผื่อไว้เป็นไอเดียนะคะ
รูปที่เลือกมาลงจะไม่เห็นหน้าเด็กๆโดยตรงนะคะ ^^
(ป.ล ขอความกรุณาอย่านำรูปไปใช้นอกเหนือจากกระทู้นี้ด้วยนะค้าบ)
.............
..............................
22/05/2014
วันนี้ตื่นเช้ามากกก สิ่งที่ดั๊นไม่ถูกโรคด้วยคือ การตื่นเช้า และเด็ก และการออกกำลังค่ะ
วันนี้มาเต็ม จัดมาครบเลยนะ!!! ^^'
วันนี้ไปช่วยเพื่อนเก็บข้อมูลการซ้อมอพยพของเด็กอนุบาลมา ไม่ไกลจากหอเท่าไหร่ เลยไปสี่ห้าสถานี
จริงๆก็มีทั้งเด็กอ่อนเนสเซอรี่ด้วย หน้าที่คือถ่ายวิดีโอ ดูภาพรวมของการเดินทางของเด็กๆว่าใช้เวลาเท่าไหร่
พวกทางลาด ทางแยก หรือพื้นผิวการจราจรแบบต่างๆจะทำให้เกิดการล่าช้าไปเท่าไหร่
ที่ต้องให้ความสำคัญกันเป็นนาทีต่อนาที เพราะมันเกี่ยวกับการรอดชีวิตของเด็กๆน่ะนะคะ
เห็นมีนักข่าวท้องถิ่นมาถ่ายทำเหมือนกัน(แต่ไม่เกี่ยวกับดั๊นแต่อย่างใด) มีคุณตำรวจมาคุมด้วย
ทางมหาลัยได้ติดต่อทางโรงเรียนอนุบาลไว้แล้ว และทุกคนที่มาช่วยกันเก็บข้อมูลจะต้องมีปอกแขนให้เรียบร้อย(ว่ามาจากที่ไหน)
แอบเมาท์ คุณตำรวจอยู่ๆก็มาขอดูเครื่องวิดิโอที่ถืออยู่ นึกว่ามีปัญหาอะไรกับเราแล้วเชียว(ด้าวกังวล ยิ่งพูดญี่ปุ่นไม่ค่อยได้อยู่...แต่เราก็มีปลอกแขนว่ามาทำวิจัยแล้วนะ!)
สรุปคือแกเห็นมันอันเล็กๆแปลกดีเลยสนใจขอดูเฉยๆ(โถะ!ทำตกใจหมด5555)
เรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของเด็กๆสำคัญมากค่ะ ต้องระวังกันนี้ดนึง
ขอเล่าแบคกราวด์
คือว่าชุมชนนี้เนี่ยจะเป็นที่ที่ใกล้ทะเลมาก เพราะฉะนั้นมีความเสี่ยงในการเกิดซึนามิได้ แล้วก็มีคนอยู่กันหนาแน่นด้วย
อีกอย่างค่อนข้างไกลจากภูเขาถ้าเทียบกับส่วนอื่นๆของโกเบ(ถ้าเทียบกับหอเราก็ใกล้ทะเล แต่ก็ใกล้ภูเขาด้วย)
ที่น่าเป็นห่วงคือว่ามีโรงเรียนเด็กเล็กอยู่ถึงสองโรงเรียน แล้วชุนชนเองก็อยู่กันหนาแน่น
แต่ชุมชนนี้ก็กระตือรือล้นในการรับมือกับภัยพิบัติมากค่ะ มีการวางแผนที่รัดกุม
เช่นทางการคาดการณ์ไว้ว่าคลื่นอาจจะสูงเท่านี้มีเวลาเท่านี้...เค้าเตรียมตัวไว้เหนือกว่าที่ทางการคะเนเพื่อความปลอภัย
เราเคยมาฟังเจ้าหน้าที่โบโคมิ(เจ้าหน้าที่ด้านภัยพิบัติของชุมชน)อธิบายถึงการอพยพคร่าวๆ คนในอุโอซากิ
แผนของเค้าคือถ้าวิ่งไปถึงไฮเวย์เส้นที่ 2 (เส้นใกล้ภูเขา)ได้ภายในชั่วโมงครึ่งก็นับว่าเซฟ
จะมีการซ้อมเป็นระยะๆ ก็ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านบางส่วนเป็นอย่างดี(แต่ไม่ใช่ทั้งหมดทุกคน)
การซ้อมก็จะเป็นแบบแบกกระเป๋าฉุกเฉินมาซ้อมวิ่งจริง ซ้อมขนคนเจ็บคนแก่แบบเสมือนจริง
ส่วนอันที่ไปสังเกตการณ์มาวันนี้จะเน้นเฉพาะเด็กอ่อนจริงๆคือไม่ถึง 5 ขวบลงไปถึงเด็กแบเบาะ ได้รับความร่วมมือจากสองโรงเรียน
เด็กๆดูร่าเริงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอนจอยมาก ทักทายคนแปลกหน้าแบบว่าไม่มีกลัวเลย มาสวัสดีเรากับเพื่อนหลายรอบ
ฮึๆ
พวกเจ้าไม่รู้ซะแล้วว่าวันนี้จะโดนหิ้ว อิๆ
มีทั้งตำรวจ พนักงานดับเพลิง เจ้าหน้าที่ชุมชน มาช่วยๆกัน สแตนบายันแต่เช้าเลยค่ะ
อันนี้เป็นตึกเด็กเบบี๋ที่เราซุ่มจับเวลา
เหตุการณ์ซ้อมคือ โรงเรียนจะดำเนินการไปตามปกติมากๆ...เพราะเค้าจะไม่ได้บอกเด็กๆ(แต่แจ้งผู้ปกครองไว้แล้ว) และทำทุกอย่างเหมือนเหตุการณ์จริง
พอเริ่มต้นคุณครูจะวิ่งมาบอกเด็กๆว่ามีการเตือนภัยซึนามิ เราจะต้องอพยพแล้วนะหนูๆ
แล้วก็จับเด็กใส่ บักกี้ หรือรถเข็นสีชมพูในรูปนั่นเองค่ะ(รถบักกี้จะพับได้ แต่ของโรงเรียนที่เราไปถ่ายทำคือเค้าบางส่วนเค้าจะกางไว้แล้ว เข็นไปเลย)
เราตามรถคันสุดท้าย เพื่อนเราตามรถคันแรก แยกไปโรงเรียนละ 2 คน
รอกันอย่างระทึก(จะระทึกเพราะกลัวทำไรพลาดแล้วอดบันทึกข้อมูลค่ะ เพราะว่าได้รอบเดียวจะขอให้เด็กวิ่งอีกคงไม่ได้)
พอเจ้าหน้าที่ให้สัญญาน คุณครูจะวิ่งมา พูดตามบท "มีสัญญานเตือนซึนามิ ให้ทุกคนอพยพนะคะ"
งานของเราคือจับเวลาตั้งแต่อาจารย์เริ่มวิ่งมา แล้วก็ต้องถ่ายวิดีโอไว้ตลอดค่ะ ว่านาทีที่เท่าไหร่เด็กคนแรกมาถึงประตู
เด็กคนสุดท้ายถึงประตูตอนนาทีที่เท่าไหร่
ทุกคนพร้อม เด็กๆถูกบรรจุลงรถเข็นอย่างไว5555
แล้วก็อาจารย์กรุ้ปแรกมาแบ่งรถเข็นไปให้ส่วนของเด็กที่โตขึ้นมาหน่อย
ไวกันมาก แบบว่าไม่มีเงอะงะเลย อุ้มตัวเล็กๆออกมา แล้วก็ล้อคโรงเรียน แล้วก็เข้าขบวนบักกี้ผจญภัย(?)
รถเข็นจะเป็นแบบพับได้ หน้าตาเหมือนเตียงเด็กอ่อนมีล้อ รถคันนึงจะมีเด็กประมาณ 5 คน มีครู 2 คนต่อรถ 1 คัน
นอกจากรถเด็กแบเบาะ จะหน้าตาพิเศษหน่อยเหมือนเบบี้คาร์มีที่นั่งมีราวจับหันหน้าเข้าหากัน มีสี่ที่นั่ง
คือเด็กอ่อนจริงๆมี 2 คน(แบบยังคอพับคออ่อนอยู่เลย) พอเริ่มอพยพมีครูอุ้มมาเติมอีก 2 คน(คิดว่าคงเกินขวบนึง แต่ยังไม่โตดี)
รถคันแรกจะเป็นอาจารย์ที่ถูกซ้อมรับมือภัยพิบัติมาแล้วจะเป็นคันนำ
ที่เหลือตามๆกันมา เด็กที่โต 5 ขวบขึ้นไปเดินไปเองเป็นแถว ต้องจับเวลาในการเดินทางของทั้งขบวนไว้เป็นข้อมูลค่ะ
เพราะว่าเหตุการณ์จริงอาจจะล่าช้าไปกว่านี้
จริงๆเวลาที่ได้คำนวนกันไว้หากเกิดซึนามิที่นี่จริงจะมีเวลาแบบมากสุด maximum 80 นาทีในการอพยพถึงจุดเซฟแรก
แต่ที่วางแผนอพยพควรต้องถึงภายใน60 นาที(เร็วไว้ก่อน)
วันนี้คือการซ้อมไปจุดเซฟ 1 ค่ะ ส่วนการตัดสินใจที่จะไปจุดเซฟ 2 คือแล้วแต่ระดับของการแจ้งเตือนซึนามิด้วยว่าแรงแค่ไหน(จุดเซฟสองจะไกลขึ้นไปฝั่งภูเขาอีก)
เด็กๆดูแบบไม่รู้โหน่เหน่มากเหมือนถูกพามาเที่ยว แต่เป็นระเบียบกันดีมากเลยนะ ไปได้ไวด้วย ขนาดเราต้องจ้ำตาม....บางคนก็ร้องไห้เพราะร้อน เพราะตกใจ แต่คุณครูใจเย็นจัดการได้เป็นมืออาชีพมากๆ
ตอนถ่ายวิดิโอต้องถ่ายภาพรวมๆ ให้เห็นว่าทำไมรถถึงหยุด ช้าตรงไหน ติดอะไร ทางเดินมีสโลปหรือเจอสี่แยกไหม
แล้วคันแรกถึงคันสุดท้ายใช้เวลาห่างกันเท่าไหร่
รถบักกี้ขนเด็กอ่อนจะเป็นชุดที่มาถึงก่อนเด็กที่เดินเท้ามา สองโรงเรียนจะมารวมกันที่สวนสาธารณะที่จะมีระบบฉุกเฉินอยู่ (คือมีอุปกรณ์ฉุกเฉิน มีถังเก็บน้ำดื่ม มีเครื่องไม้เครื่องมือ บลา บลา)
การซ้อมก็ละเอียดดี...จบลงด้วยดีค่ะ ^^ ไม่มีใครหกล้มหรือผิดพลาด มีงอแงนิดหน่อยเท่านั้น
คุณเจ้าหน้าที่ก็มีคอมเม้นสรุปตอนท้ายว่าเด็กๆเป็นไง ร้อนไหม! สนุกไหม!
แล้วก็ให้คำแนะนำว่าวันนี้ใช้เวลาน้อย แต่อยากให้ลดความเร็วของรถบักกี้ลง เพราะเหตุการณ์จริงอาจจะมีของตกมีสิ่งกีดขวาง การไปเร็วเกินจะเกิดอันตราย
อีกอย่างคันแรกต้องคอยกะ คอยสังเกตุว่าคันสุดท้ายจะไม่ถูกทิ้งห่างกันเกินไปด้วย
เห็นเด็กๆได้รับการฝึกแบบนี้ก็คิดว่าผู้เกี่ยวข้องสุดยอดเลย
ประทับใจที่ทุกคนละเอียดละออกันมากทั้งคนคำนวนระยะเวลาของซึนามิ คำนวนการวิ่ง ทั้งคนดูแลเรื่องเส้นทางอพยพ
ไหนจะอุปกรณ์ขนเบบี๋และของที่ควรมีติดตัว และที่สำคัญคือคุณครูที่ดูแลเด็กๆโดยตรง ดูแบบพร้อมมากๆ
(คุณครูใหญ่ที่รถเบอร์ 1 มีไมค์ลอยพกพาด้วย ยังกะไอดอล555)
คุณครูมีน้ำให้เด็กๆกินพร้อมแก้วกระดาษ แถมมีทิชชูเปียกเช็ดมือก่อนทานน้ำด้วย พร้อมมาก (คือครูต้องเป้ใส่เป้มาเองค่ะ)
เห็นว่าที่ไทยก็เริ่มมีการสอนเรื่องนี้มากขึ้นแล้ว(เพราะเราก็คงเจอแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ)
คาดหวังว่าเราจะใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆพวกนี้ขึ้นเรื่อยๆค่ะ
โดยเฉพาะเกี่ยวกับเด็กและคนแก่ คนพิการ ซึ่งจะดูแลตัวเองได้ไม่ดีเท่าไหร่ ต้องใส่ใจกันมากหน่อย
^_^ เป็นโอกาสที่เราเองก็รู้สึกว่าดีที่ได้เข้าไปดูอย่างละเอียดค่ะก็เลยอยากบันทึกไว้
รูปอาจจะไม่เยอะเท่าไหร่นะคะ เพราะเจ้าของกระทู้ต้องถ่ายวิดีโอไปด้วย จับเวลาไปด้วย วิ่งไปด้วย (ถึงจะไม่เร็ว)5555
จบเท่านี้ค่ะ ^^ ออกจะสั้นหน่อย หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างนะคะ