เรื่องมีอยู่ว่า หลานผมอายุ 9 ขวบเล่นอยู่หน้าบ้าน และแม่ผมก็ทำกับข้าวอยู่ที่หลังบ้าน วันที่เกิดเหตุ น้าคนนี้ (เป็นคนที่สนิท และ มาเที่ยวบ้านผมบ่อยมาก) มารับหลานผมไปเที่ยวเหมือนปกติ ที่เคยไป เพราะบ้านผมไว้ใจมาก เวลาผ่านไป 2 ชม.หลายสาวผมกลับเข้ามาที่บ้าน แก้ผ้า เข้าไปอาบน้ำตามปะสาเด็ก ๆ แต่แม่ผม จับผิดสังเกต หลานผมได้ เพราะที่กางเกงหลานผม มีเลือดติดอยู่ เลยแกล้งถามว่า "ไปทำอะไรมา" แต่หลานผมก็ไม่ยอมบอก บอกว่าโดนไม้ตำ แม่ผมก็ไม่รู้จะทำไง เลยโทรไปหาอาผม ที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง อาผมเป็นผู้หญิงนะครับ อาผม มา ถึงพยายามกล่อมและพูดกับหลานผม เค้นเอาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น สักพักก็ได้ความว่า น้าคนที่รับไปนั้นกระทำอนาจาร ข่มขืน หลังจากที่ทุกคนรู้เลยพาน้อง ไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอก็บอกว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศจริง ๆ ในเรื่องนี้สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดในตอนนี้คือ น้าผมคนนี้ มีพี่สาวที่ฐานะรวยอยู่พอสมควร ผมกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร กลัวมีการจ่ายเงินใต้โต๊ะเกิดขึ้น ท่านที่อ่านกระทู้นี้แล้ว เรื่องนี้อาจจะเป็นอุทาหรณ์ เตือนใจใครหลายคนได้ครับ ว่าอย่าปล่อยบุตรหลานของท่านแบบนี้ (ยังไงท่านที่อ่านแล้ว ผมรบกวนช่วยคอมเม้นหน่อยนะครับ ว่าผมควรจะทำอย่างไรต่อไป และถ้าหากผมไม่ได้รับความเป็นธรรมผมควรจะทำอย่างไรต่อ)
ผลการสอบสวนพึ่งออกมาวันนี้ครับตอนนี้ผู้กระทำไม่ยอมรับ ครับ บอกให้หาเชื้ออสุจิไปตรวจครับ ถ้าหากไม่พบจะฟ้องกลับครับ หรือ ถ้าพบจะยอมรับครับ ผมเรียนสัตวศาสตร์นะครับ จากที่ผมเรียน เชื้ออสุจิจะอยู่ในร่างกายคนได้ 5-6 วันเพื่อรอผสมพันธุ์ต่อไปแต่ในหลักความเป็นจริงแล้ว มันจะอยู่ได้จริงหรือป่าวอันนี้ผมไม่แน่ใจครับ ว่าทฤษฎีกับปฏิบัติมันจะร่วมกันได้ไหม ผมอยากจะขอแนะนำจากผู้มีความรู้ครับ หมอ หรือ พยาบาลก็ได้ ถ้าอ่านข้อความผมแล้ว รบกวนช่วยคอมเม้นหน่อยนะครับว่า เราจะสามารถเอาคราบอสุจิไปตรวจหา DNA ของผู้ที่กระทำได้ไหมครับ ถ้าหากระยะเวลาที่ถูกข่มขืนมันผ่านมาแล้ว 3 วันครับ ตอนนี้ผมเครียดมากเลยครับ หาทางออกไม่ได้ครับ อีกทั้งครอบครัวผมก็จนด้วย ช่วยผมด้วยนะครับ
หลานสาวผมถูกข่มขืน จากน้าชายคนแถวบ้านผมควรจะทำไงดีครับ
ผลการสอบสวนพึ่งออกมาวันนี้ครับตอนนี้ผู้กระทำไม่ยอมรับ ครับ บอกให้หาเชื้ออสุจิไปตรวจครับ ถ้าหากไม่พบจะฟ้องกลับครับ หรือ ถ้าพบจะยอมรับครับ ผมเรียนสัตวศาสตร์นะครับ จากที่ผมเรียน เชื้ออสุจิจะอยู่ในร่างกายคนได้ 5-6 วันเพื่อรอผสมพันธุ์ต่อไปแต่ในหลักความเป็นจริงแล้ว มันจะอยู่ได้จริงหรือป่าวอันนี้ผมไม่แน่ใจครับ ว่าทฤษฎีกับปฏิบัติมันจะร่วมกันได้ไหม ผมอยากจะขอแนะนำจากผู้มีความรู้ครับ หมอ หรือ พยาบาลก็ได้ ถ้าอ่านข้อความผมแล้ว รบกวนช่วยคอมเม้นหน่อยนะครับว่า เราจะสามารถเอาคราบอสุจิไปตรวจหา DNA ของผู้ที่กระทำได้ไหมครับ ถ้าหากระยะเวลาที่ถูกข่มขืนมันผ่านมาแล้ว 3 วันครับ ตอนนี้ผมเครียดมากเลยครับ หาทางออกไม่ได้ครับ อีกทั้งครอบครัวผมก็จนด้วย ช่วยผมด้วยนะครับ