เห็นกระทู้สอบถามการกู้บ้านมาก เลยอยากจะขอเตือนนะครับว่าให้คิดดีๆก่อนตัดสินใจเป็นหนี้

ผมก็มนุษย์เงินเดือนทั่วไปครับ เมือสองสามปีที่แล้วผมเตยเตือนน้องที่ทำงานเรื่องการชื้อบ้านครับ ผมเตือนว่าการกู้มันไม่ได้ยากหรอกเพราะเรามีเงินเดือน แต่ที่สำคัญคือเราจะไหวป่าว กลับโดนมันสวนกลับว่าแม่ผมรวยอะพี่ ไอ้เราก็หวังดีอะนะ อยากเตือนสติ ไม่ใช่ว่าอยากจะได้อย่างเดียว น้องผมเงินเดือน 25,000 บวกลบไม่มากครับทำโน่นนี่รวมน่าจะ 30,000 หน่อยๆต่อเดือนครับ ชื้อบ้านราคา 2.3M ผ่อนมายังไม่ครบสามปีเลยจำใจต้องขายเพราะผ่อนไม่ไหว บางคนได้ปีกว่าๆเอง เพราะรายรับไม่พอรายจ่าย น่าจะผ่อนราวๆ 14,000-15,000 ต่อเดือนครับ นี่ขนาดรายได้ขนาดนี้ยังลำบาก ผมเห็นบางกระทู้ตั้งมาแล้วมานึกดูว่ามันจะไหวหรอครับ อยากจะฝากถึงคนที่จะเป็นหนี้ครับ ไม่ใช่ไม่สนับสนุนนะ ชื้อบ้านดีกว่าชื้อรถแน่นอนถ้ามองในเรื่องมูลค่า แต่ถ้ามองเรื่องดอกเบี้ยนี่มันเป็นดาบสองคมนะครับ  ถ้าเอาแค่เราไหวนะครับ เราก็จะสร้างทรัพย์สิน แต่ถ้าเกินกำลังเราจะลำบากครับ เราต้องกินต้องใช้ คำนานส่วนนี้ด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าจะเอาจะเอา ฝากเตือนใจไว้ด้วยครับ กลัวต้องมาลำบากและเสียใจภายหลัง ดอกเบี้ยนะครับ มันทบต้นไปเรื่อยๆ คิดให้มากๆ อย่าไปตายเอาดาบหน้า ความคิดแบบนี้น่ากลัวครับ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 22
สำหรับคนไม่มีบ้าน ถ้าคิดแบบนี้ก็เช่าเขาอยู่ไปตลอดชีวิตครับ

คนโสดคิดเช่าบ้าน  มันก็ง่าย เพราะอยู่ยังไงก็ได้ ห้องเล็กเท่ารูหนูก็อยู่ได้ ขอแค่ค่าเช่าถูกๆ และมีที่ให้ซุกตัวนอนแค่นั้นพอ แต่สำหรับคนที่มีครอบครัว ซื่งประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก ความต้องการมันมากกว่านั้น

การตัดสินใจซื้อบ้านไม่ผิด  แต่ต้องมีการวางแผนทางการเงินให้เหมาะสมด้วย  เช่น รายได้หลังหักค่าผ่อนบ้านแต่ละเดือนเหลือเท่าไหร่ จึงจะเพียงพอต่อการใช้จ่ายในการดำรงชีวิต อย่างเคสที่ จขกท ยกมา รายได้เดือนละ 25,000 บาท (อย่าไปคิดเงินพิเศษที่ไม่แน่นอน)  หักผ่อนบ้านเดือนละ 15,000 บาท  เหลือใช้ 10,000 บาท  อยู่คนเดียวก็เดือนชนเดือนแหละครับอย่างนี้  ไม่ต้องไปพูดถึงคนอื่น

บ้านซื้อเมื่อมีเงิน  ถึงตอนนั้นราคาขึ้นไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้  คนรู้จักผมคนหนึ่ง  เคยจะซื้อบ้าน แต่เขาคิดว่าต้องผ่อนเดือนละเกือบ 3 หมื่น มันออกจะตรึงไปนิด  รอเก็บเงินให้มากขึ้นก่อน  ดาวน์เยอะขึ้น  จะได้ผ่อนต่อเดือนน้อยลง  เวลาผ่านไป 4-5 ปี  เขาพร้อม  แต่ทว่าทำเลที่เขาจะซื้อมันไม่มีแล้ว ต้องขยับออกมาจากเดิมไกลมากขึ้น  และราคาบ้านก็พอๆ กับทำเลที่ใกล้ๆ  เมื่อสมัย 4-5 ปีก่อน  เขาบอกว่ารู้งี้ซื้อตอนนั้นก็ดีหรอก

มองแต่ข้อเสีย  มองแต่คนที่ผ่อนไม่ไหว มองแต่คนที่โดนยึดบ้าน  แล้วมาอนุมานว่าคนซื้อบ้านทุกคนต้องเผชิญปัญหาเหล่านี้  เป็นการมองที่แคบเกินไปครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
เห็นด้วยนะคะ ถ้าเราซื้อบ้านที่แพงไป ใครๆก็อยากมีบ้านสวยๆทั้งนั้น
แต่เราก็ต้องดูกำลังเราด้วย ว่าผ่อนไหวป่าว

ปล. เราเพิ่งกู้ซื้อบ้านผ่าน เราเงินเดือน 16,800 กู้ร่วมกับสามี อาชีพค้าขาย
เป็นทาวน์เฮาว์ชั้นเดียว ราคา 750,000 ผ่อนเดือนละ 4,540 (กู้ 600,000 + ดาวน์ 150,000)

มีแต่คนบอกว่า ซื้อทำไมบ้านมือสอง เก่า เล็ก หมู่บ้านไม่น่าอยู่
ก็เลยบอกไปว่า ก็มีปัญญาผ่อนแค่นี้อ่ะ เอาแค่ไหว ไม่เดือนร้อน
บ้านเล็กก็อยู่ได้ ถ้าอยู่กับสามีที่รัก แค่นี้ก็พอแล้ว
ความคิดเห็นที่ 5
เป็นอคติอย่างนึงของมนุษย์
ที่อยากเป็นเจ้าของ สิ่งที่จับต้องได้
ทั้งที่จริง เราไม่ได้เป็นเจ้าของที่แท้จริง จนกว่าจะผ่อนหนี้หมด
ถึงผ่อนหมดแล้ว สักวันบ้านหลังนั้น ก็ต้องเปลี่ยนเจ้าของอยู่ดี
อคติอีกอย่าง คือการแห่ตามกัน อยากมีกับเขาบ้าง
แต่ความจำเป็นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทำไมต้องคิดเหมือนคนอื่น
คนที่เริ่มทำงาน ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ไม่เคยรู้เลยว่าชีวิตเค้าพลาดอะไรไป
ดอกเบี้ยที่เสีย มากกว่าราคาบ้านอีก เค้าไม่รู้
เค้าพลาดที่จะสร้างเงินออม เพื่อลงทุน ให้รวย
แลกกับการไม่ต้องเสียค่าเช่า ได้ครอบครองในสิ่งที่เราไม่ได้เป็นเจ้าของที่แท้จริง
เป็นความมั่นคงจอมปลอมทั้งนั้น

ทางเลือกคืออะไร เก็บเงินลงทุน ถึงจุดนึง ยังไม่ตายหลอก ไม่ต้องอยู่ทาวเฮ้า
สร้งคหหาส์ได้เลย เลือกอยู่กับพ่อแม่ ก็ประหยัด ทางเลือกมี แต่บางครั้งไม่ได้มอง
ความคิดเห็นที่ 12
ไม่มีใครอยากเป็นหนี้ก้อนโตทั้งนั้นแหละครับ

แล้วถ้าสำหรับคนไม่มีบ้านที่พ่อแม่สร้างมาให้ บ้านไม่รวย ต้องเช่าห้อง อพาเมนต์ตลอดชีวิตเลยหรือเปล่าครับ

สำหรับผมมองว่าถ้ายังไงก็ต้องเสียเงินต่อเดือนเพื่อจะส่งค่าห้อง ค่าหอ อยู่แล้ว ยอมอดทนจ่ายเพิ่มเพื่อซื้อบ้าน หรือ คอนโด เป็นของตัวเองไปเลย ไม่ดีกว่าหรือครับ แค่ต้องมีวินัยเป็นของตัวเอง รู้จักหัดเอาเงินไปทบต้นบ้าง

ยังไง มีบ้านเป็นของตังเองมันก็รู้สึกดี และมั่นคงกว่านะครับ

ความเห็นส่วนตัว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่