ยาวหน่อยนะครับ แถมเรื่องไม่ได้จบสวยชวนฝันแบบนิยายแต่งด้วย ถ้าใครคาดหวังแล้วหล่ะก็ ขอให้ผ่านไปเลยนะครับ เสียเวลาอย่างแน่นอน
บังเอิญเมื่อวานซืนผมก็เข้านอนและหลับตามปกติ แต่ที่พิเศษหน่อยคือคืนนั้นผมฝันด้วย ซึ่งโดยปกติผมไม่ค่อยจะฝันซักเท่าไหร่ ระหว่างที่หลับไป ผมก็ฝันถึงเรื่องนึงขึ้นมา ซึ่งเกิดขึ้นจริงในช่วงชีวิตสั้นๆของผม และในความเป็นจริง นี่คือเรื่องที่ผมลืมไปนานมากแล้ว เมื่อฝันจบ ผมก็ตื่นขึ้นมา กี่โมงผมก็ไม่ทราบได้ แต่ผมก็นอนนึกถึงและไร่เรียงเรื่องราวที่ฝันต่อและพยายามเรียบเรียงว่าอะไรเป็นอะไร ซึ่งมันทำให้ผมจำมันได้อีกครั้ง แต่สิ่งนึงที่ผมนึกไม่ออกคือชื่อของบุคคลเล่านั้นที่ปรากฏขึ้นในความฝัน ทั้งๆที่ในฝัน ผมจำได้ว่าผมสามารถเรียกชื่อทุกคนได้อย่างชัดเจน แต่จนถึงตอนนี้ ผมพยายามนึกถึงชื่อพวกเค้าเท่าไหร่ ก็นึกไม่ออกจริงๆ
ขอเข้าเรื่องที่จะพูดถึงเลยก็แล้วกัน ซึ่งเรื่องราวอาจจะไม่ได้ชัดเจนนัก หรือบางช่วงอาจจะขาดตอนเพราะผมจำไม่ได้นะครับ เท่าที่จะเล่า นี่คือมากที่สุดที่จะนึกออกแล้วจริงๆ
ในโลกของความเป็นจริงผมอาศัยอยู่ในกรุงเทพ และเรียนที่นี่มาโดยตลอด แต่แม่ผมเป็นคนต่างจังหวัด ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ทุกๆปิดเทอม ผมจะต้องไปที่บ้านแม่เพื่อเยี่ยมคุณตาคุณยายเสมอ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบไปเท่าไหร่ ด้วยหลายๆสาเหตุ เช่น ผมเมารถ ไม่ชอบนั่งรถนานๆหลายชม และอีกอย่างคือ ผมยังเป็นเด็กที่พอไปถึงที่นั่นแล้ว ผมไม่มีเพื่อน และไม่สามารถทำอะไรได้เลยมันเลยเป็นความเบื่อแบบเด็กๆที่ไม่อยากจะไป
แต่แล้วจนถึงช่วงปิดเทอมม.2 ครับ ปิดเทอมนั้นคุณตาผมเสียพอดีครับ หลังจากสอบเสร็จผมกับพ่อก็ต้องตามไปที่บ้านต่างจังหวัดทันที ซึ่งแม่ผมได้ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ถ้าใครพอจะทราบ ตามต่างจังหวัดงานศพจะจัดขึ้นที่บ้านครับ ซึ่งในงานศพผมได้เจอเด็กผู้หญิงคนนึงมาช่วยงานที่บ้านผม ที่สะดุดตา ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ แต่เพราะเธอเอาเด็กอายุราวๆ 3-5 ขวบแบกขึ้นหลังมาด้วย (ผมก่ะอายุไม่ค่อยถูก) ตลอดช่วงงานศพ ซึ่งกี่วันผมก็จำไม่ได้ เธอก็มาช่วยงานทุกวัน พองานเลิกแต่ละวัน เธอก็อยู่ต่อช่วยล้างแก้วล้างจานทุกคืน ที่ผมจำได้ เธอไม่ได้แบกเด็กไว้กับตัวตลอดเวลา เธอปล่อยให้เด็กคนนั้นวิ่งเล่นบ้าง หรือบางทีก็ขอเอาเด็กไปหลับในบ้านของยายผมบ้าง
ซึ่งที่ผมนึกออกเหตุการณ์แรกให้เราได้คุยกันคือ ช่วงเย็นๆก่อนงานเริ่มวันนึง ทุกคนต่างออกไปจัดเตรียมงาน แต่ผมนอนดูทีวีอยู่ในบ้านตามภาษาเด็กผู้ชายที่ไม่ได้ใส่ใจช่วยเหลืออะไรที่บ้านซักเท่าไหร่ เธออุ้มเด็กเข้ามาในบ้าน แล้วถามว่าที่นอนปูพื้นอยู่ตรงไหนคะ ซึ่งผมได้แต่ตอบว่าไม่รู้ ผมก็เลยบอกให้นอนบนเตียงโซฟาก็ได้ แต่เธอปฏิเสธ ผมเลยออกไปถามแม่ให้ แล้วก็ไปเอามาให้เธอ ระหว่างที่เธอพาเด็กนอนผมเลยถามเธอ ผมไม่แน่ใจว่าผมถามเธอว่าอะไร ผมสับสนระหว่างถามว่าลูกหรอ หรือน้องหรอ แต่ด้วยนิสัยเกรียนๆของผมผมว่าอย่างแรกแหงๆ แต่คำตอบที่ผมจำได้คือเธอบอกว่าเด็กผู้หญิงที่นอนอยู่เป็นลูก ผมนี่งงเลย
พอจบงานศพ พ่อผมก็กลับ กทม ครับ แต่ผมอยู่ต่อกับแม่ แอบทะเลาะกันนิดหน่อยตรงที่แม่อยากให้อยู่ที่นั่นเป็นเพื่อนยายซักปี แต่ผมไม่เอาครับ เพราะนั่นหมายความว่าต้องย้ายโรงเรียน แต่ช่วงปิดเทอมนั้น ผมก็ไปเรียนพิเศษที่โรงเรียนเทศบาลของจังหวัดที่เค้าจัดขึ้นทำให้ผมต้องอยู่ที่นั่นเป็นเดือน หรือเพราะอยู่ที่นั่นเป็นเดือน เค้าเลยให้ไปเรียนก็ไม่รู้ ซึ่งตรงนี้ผมอาจจะพูดสับสนหน่อย เพราะเรียบเรียงเรื่องไม่ค่อยถูก แต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญของเรื่องเท่าไหร่ด้วย และเรื่องราวที่ผมนึกได้ช่วงแรกก็จบที่ตรงนี้ครับ
เรื่องเล่าจากความฝัน ขอเปิดลิ้นชักแห่งความทรงจำมาเล่าให้ทุกคนฟัง
บังเอิญเมื่อวานซืนผมก็เข้านอนและหลับตามปกติ แต่ที่พิเศษหน่อยคือคืนนั้นผมฝันด้วย ซึ่งโดยปกติผมไม่ค่อยจะฝันซักเท่าไหร่ ระหว่างที่หลับไป ผมก็ฝันถึงเรื่องนึงขึ้นมา ซึ่งเกิดขึ้นจริงในช่วงชีวิตสั้นๆของผม และในความเป็นจริง นี่คือเรื่องที่ผมลืมไปนานมากแล้ว เมื่อฝันจบ ผมก็ตื่นขึ้นมา กี่โมงผมก็ไม่ทราบได้ แต่ผมก็นอนนึกถึงและไร่เรียงเรื่องราวที่ฝันต่อและพยายามเรียบเรียงว่าอะไรเป็นอะไร ซึ่งมันทำให้ผมจำมันได้อีกครั้ง แต่สิ่งนึงที่ผมนึกไม่ออกคือชื่อของบุคคลเล่านั้นที่ปรากฏขึ้นในความฝัน ทั้งๆที่ในฝัน ผมจำได้ว่าผมสามารถเรียกชื่อทุกคนได้อย่างชัดเจน แต่จนถึงตอนนี้ ผมพยายามนึกถึงชื่อพวกเค้าเท่าไหร่ ก็นึกไม่ออกจริงๆ
ขอเข้าเรื่องที่จะพูดถึงเลยก็แล้วกัน ซึ่งเรื่องราวอาจจะไม่ได้ชัดเจนนัก หรือบางช่วงอาจจะขาดตอนเพราะผมจำไม่ได้นะครับ เท่าที่จะเล่า นี่คือมากที่สุดที่จะนึกออกแล้วจริงๆ
ในโลกของความเป็นจริงผมอาศัยอยู่ในกรุงเทพ และเรียนที่นี่มาโดยตลอด แต่แม่ผมเป็นคนต่างจังหวัด ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ทุกๆปิดเทอม ผมจะต้องไปที่บ้านแม่เพื่อเยี่ยมคุณตาคุณยายเสมอ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบไปเท่าไหร่ ด้วยหลายๆสาเหตุ เช่น ผมเมารถ ไม่ชอบนั่งรถนานๆหลายชม และอีกอย่างคือ ผมยังเป็นเด็กที่พอไปถึงที่นั่นแล้ว ผมไม่มีเพื่อน และไม่สามารถทำอะไรได้เลยมันเลยเป็นความเบื่อแบบเด็กๆที่ไม่อยากจะไป
แต่แล้วจนถึงช่วงปิดเทอมม.2 ครับ ปิดเทอมนั้นคุณตาผมเสียพอดีครับ หลังจากสอบเสร็จผมกับพ่อก็ต้องตามไปที่บ้านต่างจังหวัดทันที ซึ่งแม่ผมได้ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ถ้าใครพอจะทราบ ตามต่างจังหวัดงานศพจะจัดขึ้นที่บ้านครับ ซึ่งในงานศพผมได้เจอเด็กผู้หญิงคนนึงมาช่วยงานที่บ้านผม ที่สะดุดตา ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ แต่เพราะเธอเอาเด็กอายุราวๆ 3-5 ขวบแบกขึ้นหลังมาด้วย (ผมก่ะอายุไม่ค่อยถูก) ตลอดช่วงงานศพ ซึ่งกี่วันผมก็จำไม่ได้ เธอก็มาช่วยงานทุกวัน พองานเลิกแต่ละวัน เธอก็อยู่ต่อช่วยล้างแก้วล้างจานทุกคืน ที่ผมจำได้ เธอไม่ได้แบกเด็กไว้กับตัวตลอดเวลา เธอปล่อยให้เด็กคนนั้นวิ่งเล่นบ้าง หรือบางทีก็ขอเอาเด็กไปหลับในบ้านของยายผมบ้าง
ซึ่งที่ผมนึกออกเหตุการณ์แรกให้เราได้คุยกันคือ ช่วงเย็นๆก่อนงานเริ่มวันนึง ทุกคนต่างออกไปจัดเตรียมงาน แต่ผมนอนดูทีวีอยู่ในบ้านตามภาษาเด็กผู้ชายที่ไม่ได้ใส่ใจช่วยเหลืออะไรที่บ้านซักเท่าไหร่ เธออุ้มเด็กเข้ามาในบ้าน แล้วถามว่าที่นอนปูพื้นอยู่ตรงไหนคะ ซึ่งผมได้แต่ตอบว่าไม่รู้ ผมก็เลยบอกให้นอนบนเตียงโซฟาก็ได้ แต่เธอปฏิเสธ ผมเลยออกไปถามแม่ให้ แล้วก็ไปเอามาให้เธอ ระหว่างที่เธอพาเด็กนอนผมเลยถามเธอ ผมไม่แน่ใจว่าผมถามเธอว่าอะไร ผมสับสนระหว่างถามว่าลูกหรอ หรือน้องหรอ แต่ด้วยนิสัยเกรียนๆของผมผมว่าอย่างแรกแหงๆ แต่คำตอบที่ผมจำได้คือเธอบอกว่าเด็กผู้หญิงที่นอนอยู่เป็นลูก ผมนี่งงเลย
พอจบงานศพ พ่อผมก็กลับ กทม ครับ แต่ผมอยู่ต่อกับแม่ แอบทะเลาะกันนิดหน่อยตรงที่แม่อยากให้อยู่ที่นั่นเป็นเพื่อนยายซักปี แต่ผมไม่เอาครับ เพราะนั่นหมายความว่าต้องย้ายโรงเรียน แต่ช่วงปิดเทอมนั้น ผมก็ไปเรียนพิเศษที่โรงเรียนเทศบาลของจังหวัดที่เค้าจัดขึ้นทำให้ผมต้องอยู่ที่นั่นเป็นเดือน หรือเพราะอยู่ที่นั่นเป็นเดือน เค้าเลยให้ไปเรียนก็ไม่รู้ ซึ่งตรงนี้ผมอาจจะพูดสับสนหน่อย เพราะเรียบเรียงเรื่องไม่ค่อยถูก แต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญของเรื่องเท่าไหร่ด้วย และเรื่องราวที่ผมนึกได้ช่วงแรกก็จบที่ตรงนี้ครับ