อุทาหรณ์ เพิ่งจะรู้ว่าเค้ามีลูก?

เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง จากประสบการณ์ผม โดยตรงจากเพศชายรักชาย

โดยอายุผมตอนนั้น 27 ปี ส่วนเค้าคนนั้น 45 ปี
(เรื่องราวบางส่วนเอามาจากไดอารี่ของผมเพื่อให้คำทุกคำที่พูดนั่นถูกต้องสูงสุด)
นี่เป็นเรื่องของเพศที่ 3 นะครับดังนั้นหากใครสะอิดสะเอียน เรื่องราวเหล่านี้ปิดไปได้เลย "แต่" อยากให้คุณดูสามีคุณนิดนึงว่าเค้าเป็นชายแท้ หรือ ไบ
สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้เพิ่งจบลงไปเมื่อไม่นาน เคยคิดจะบอกคนอื่นๆแต่ก็กลัวเค้าจะสมน้ำหน้า เลยมาพูดในพันทิปดีกว่า เพราะคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้หญิง หรือสตรีเพศ มากกว่า และเรื่องนี้เกิดกับผมซึ่งเป็นเกย์เต็มใบ กับ ไบ(ผู้ชายที่สามารถมีอะไรกับผู้หญิงและเกย์ได้แต่ชอบผู้หญิงมากกว่าแต่ก็ขาดเกย์ไม่ได้)

        ต้นปี 2556
เหตุเกิดจากความเหงาของการเป็นเพศที่ 3 แต่ไม่กล้าแสดงออกให้ครอบครัวหรือเพื่อนฝูงรู้ เลยต้องเลยตามเลยจนถึงปัจจุบัน วันหนึ่งผมได้ไปโพสรูปและข้อความหาเพื่อนในเว็บชื่อดังเว็บหนึ่ง หลังจากนั้นเพียง 1 วันก็ได้รับ Email และ ข้อความมามากมายคือผมไม่ได้ตั้งสเปคใว้ว่าต้องหน้าแบบใหนขอแค่ภายนอกปรกติเหมือนผู้ชายทั่วไปเท่านั้นพอ   ในจำนวนข้อความใน Email เหล่านั้นก็มีทั้งบุคคลอยู่หลายประเภท บ้างก็อยากซั่ม บ้างก็สาวจ๋า ก็นั่งคุยนะ
ผมไม่ได้รังเกียจอะไรจนมาถึงคนนึง ก็คุยไปๆซึ่งคิดว่าคนๆนี้มาแปลก เพราะเค้าไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของเรา แต่เรารู้ว่าเค้าสนใจเราในระดับหนึ่ง
ความรู้สึกก็เหมือนการดูซีรี่ย์ตอนเริ่มต้นนั่นล่ะครับ กล้ำกึ่งระหว่างอยากคุย กับอยาก....แบบผ่านๆ ผ่านมา 1-2 เดือนให้หลังเราก็นัดเจอกันครั้งแรกตอนเย็น
เรานัดคนละครึ่งทาง ต่างคนต่างไปยังจุดที่เรานัดกัน เราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ เอาจริงๆผมก็ยังไม่รู้เลยนะว่าเค้ามีภรรยา(ผู้หญิง)แล้ว ผมก็คงโง่ด้วยล่ะที่ไม่เคยคิดจะถาม หลังคุยกันเสร็จก็คิดว่าชอบเลยคุยกันต่ออีก 6-7 เดือนจึงตัดสินใจนัดเจอกันอีกครั้ง(ครั้งที่2) ครั้งนี้เจอกันตอนกลางวันผมถามเค้าว่า

ผม. พี่โสดจริงๆป่ะ (ผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่เพราะเค้าเป็นคนหน้าตาดีและมีฐานะ)
เค้า. อืมโสดดิ (คำๆนี้ผมจำได้จนถึงทุกวันนี้)
ผม. เราน่าจะขยับความสัมพันธ์ดีป่ะ
เค้า. พี่ก็ว่าจะขอเราเป็นแฟนอยู่ (เค้ายิ้มแบบอายๆ เหมิอนจะเขินมาก)

ตั้งแต่นั้นก็เลยคบกันเป็นแฟน  เราสองคนไม่เคยมีอะไรกันเพราะผมยังมีความรู้สึกว่า "เหมือนเค้ามีอะไรที่ซ่อนเอาใว้" แต่เค้าก็เลี่ยงได้เนียนมาก ผมก็เชื่อสนิท ล่ะแล้ว เราก็ โป๊ะตึง ๆ กันเรียบร้อย (ป้องกันนะครับ) เรื่องเกิดขึ้นในปี

2557
เมื่อต้นปีได้มีโอกาศขับรถไปแถวๆบ้านเค้าแต่ไม่รู้ว่าหลังใหน อีกอย่างอยากคลายความสงสัยว่าสิ่งที่เราคิดนั้นมันไม่มีอยู่จริง จึงจัดแผนขึ้นโดยโทรไปถามว่าว่างมั้ย หิวข้าว! เค้าก็ถามว่าตอนนี้อยู่ใหน โอ! เข้าแผนเค้าอยู่ในซอยๆหนึ่ง บอกแค่ว่าพี่อยู่ในซอยนี้ล่ะ แล้วเราก็ไปกินข้าวกันหลังกินข้าวเสร็จผมก็ไปส่งเค้าเพื่อที่จะได้ทวนว่าซอยใหนกันแน่ โอเค!ถึงบ้านแล้วผมแกล้งพูดว่า
"เดี๋ยวจะเลยไปทำธุระต่อค่อยโทรคุยกันนะ"  
แต่เปล่าเลยผมขับรถวนดูลู่ทางว่าจะหลบดูตรงใหนได้บ้างเป็นชั่วโมงๆ ล่ะแล้วก็ได้ที่รออยู่นานก็ไม่เห็นเค้าเดินออกจากปากซอยจนกระทั่ง
เวลาบ่าย 2 โมงกว่าๆเค้าขับรถออกจากซอย ผมก็รีบหยิงโทรศีทพ์ถามทันทีโดยใช้เสียงนิ่งๆ
ผม.ทำไรอยู่อ่ะ
เค้า.กำลังจะไปธุระ
ผม.อ้อหรอ! อืมงั้นไม่กวนล่ะ

หลังจากนั้นไม่เกิน10นาทีผมก็รวมความกล้าเดินเข้าไปในซอย เจ้าพระคุ๊ณมีร้านขายของชำ ผมเลยเดินเข้าไปถามป้าคนนึงที่คิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน

"ผมถามป้าโดยแอบตีเนียนว่าเป็นเพื่อนรุ่นน้องมาจากต่างจังหวัดแวะมาเลยอยากรู้ว่าอยู่หลังใหน ป้าแกก็ดีเหลือเกินเล่าซะหมดเปลือก"
ระหว่างที่ป้าแกเล่า ผมก็แทบล้มทั้งยืน ป้าแกเล่าได้ใจความตามที่ผมตั้งสติไหวดังนี้ครับ

"อ้อ..อยู่หลังนั้น นั่นๆบ้านหลังคาสีเขียวๆใหญ่นั่นล่ะ ตอนนี้เค้าไม่อยู่หรอกขับรถออกไปเมื่อกี้นี้ ไปรับ "ลูกสาว" เดี๋ยวก็กลับมา" ไม่กี่อึดใจ

ผู้หญิง. ป้าขอน้ำแข็งถุงนึงค่ะ
ป้า.ไอ้หนู นี่ไงเมียเค้า (ป้าหันหน้ามาบอกผม)

แล้วเค้าก็พูดอะไรกันไม่รู้ผมจำไม่ได้มัวแต่ยืนหน้าชาอยู่พักนึง แล้วก็ขอตัวกลับ พ่อคุณเอ้ยความรู้สึกตอนนั้นเหมือนมีคนเอามีดมาแทงหัวใจเลย
มันชาไปหมด แต่ตั้งสติขับรถกลับบ้านขับไปร้องไป ไม่รู้จะทำยังไง รักก็รัก หวงก็หวง มึดไปหมด...ถึงบ้าน 2 ทุ่มเค้าก็โทรมาพอดี
ด้วยความที่ว่าอยากทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เลยรับ เค้าพูดอะไรไม่รู้ (ทุกวันนี้ยังจำไม่ได้เลย) หลังคุยเสร็จผมก็เริ่มมานั่งคิดทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมด
ตั้งแต่อดีตยันอนาคต ว่าเราจะหลอกครอบครัวเค้าอย่างนี้หรอ เราจะทำอย่างนี้จริงๆใช่ใหม แต่ด้วยความที่หน้ามืด
"ยอมผิดศีลธรรม เลือกที่จะแคร์ความรู้สึกตัวเอง"
แต่ทำได้ไม่นานก็รู้สึกทนไม่ไหว เลยบอกความจริงเค้าไป คำพูดที่เค้าพูดมา ผมแทบจะลมจับอีกรอบ
"อืมพี่ก็เคยคิดจะบอกเหมือนกัน แต่กลัวเอ็งรับไม่ได้ พี่เลยปล่อยเลยตามเลยคิดว่าโอกาศเหมาะจะบอก ใหนๆเอ็งก็รู้แล้ว เอ็งรับมันไหวป่าวล่ะ พี่กะว่าจะไปเปิดร้านแล้วให้เอ็งดูแล พี่จะได้ไปหาเอ็งบ่อยๆได้ ถ้าเอ็งรับไม่ไหวก็บอกพี่นะ"ผมบอกแค่ว่า "ผมจะพยายาม"
หลังจากนั้นเค้าก็เหมือนจะจริงจังมากขึ้นและดูเหมือนว่ารักเราจริงๆ โดยการหาที่จะเปิดร้านตามที่เคยพูดแล้วให้เราดูแลและจากที่เคยโทรคุยกันวันล่ะครั้งก็โทรมาบ่อยขึ้นเหมือนจะแคร์ความรู้สึกเรา



ผ่านเวลานั้นมาน่าจะประมาณ 1-2 ผมก็เริ่มคิดหนักว่าสรุปจะเอาอย่างนี้จริงๆหรือ แต่ท้ายที่สุดผมกลับเห็นลูกสาวเค้าสำคัญกว่าผมจึงตัดสินใจนัดเจอเค้าอีกครั้งเป็นที่แรกที่เราเคยเจอกันผมพูดสั้นๆไม่นานไม่กี่ประโยค แต่ทำให้เค้าคนนั้นร้องไห้ได้
"ผมว่าเรามาจบกันตรงที่เจอกันนี่ล่ะ ผมรับไม่ไหวหรอก ผมพยายามแล้วแต่ผมทำไม่ได้ ผมไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนี้ และ ไม่ต้องการอยู่อย่างนี้
ถามว่ารักมั้ย รักมาก แต่ผมทนไม่ไหวที่จะต้องทำลายครอบครัวพี่ ฉนั้นผมขอล่ะอย่ามายุ่งกับผมอีก ถ้าพี่มายุ่งหรือโทรมาอีก ผมจะบอกเรื่องทั้งหมดให้ภรรยาพี่ฟัง" แต่เหมือนเค้าจะไม่สนใจในคำขู่ผมนะ เค้ายังพยายามโทรมาเรื่อยๆ มีข้อความบ้าง ผมก็ใจอ่อนบ้างบางเวลา ยอมรับสายและส่งข้อความกลับ
แต่หลังจากนั้นไม่นานผมก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์

อยากจะบอกแค่ว่า คุณผู้หญิงก่อนจะคบใคร ให้คิดสักนิดนึงว่า "ตัวตนที่แท้จริงของเค้าเป็นอะไร"  หากต้องการทราบเรื่องก่อนหน้าว่าเค้าเป็นอย่างนี้แต่เมื่อไหร่ ชอบผู้หญิงเพราะอะไร ชอบผู้ชายเพราะอะไร ผมจะมาเล่าให้ฟังถ้ามีโอกาศ เรื่องนี้ค่อนข้างยาวกินน้ำตาผมเป็นลิตรๆ เศร้านะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่