การปฏิบัติธรรมถ้าไม่เห็นอนัตตาอยู่ด้วย จะไม่ถูกต้อง

เพราะการเห็นแจ้งในความเป็นอนัตตาของทุกสิ่ง โดยเฉพาะในร่างกายและจิตใของเราเองนั้นคือหัวใจของปัญญาที่เป็นองค์ประกอบของอริยมรรคที่สำคัญ ถ้าขาดปัญญา การปฏิบัติรรมก็ผิดพลาด

องค์ประกอบของอริยมรรคก็สรุปอยู่ที่ การมีปัญญา (เห็นแจ้งความเป็นอนัตตาในทุกสิ่ง) การมีสมาธิ (จิตที่ตั้งมั่น บริสุทธิ์ อ่อนโยน) และการมีศีล (ความปกติของจิต) ถ้าขาดองค์ประกอบใดไป การปกิบัติรรมก็จะไม่เกิดขึ้น หรือผิดเพี้ยน เพราะไม่ถูกต้องตามหลักอริยมรรคของพระพุทธเจ้า

การปฏิบัติธรรมที่เอาแต่ฝึกสมาธิโดยไม่ศึกษาเรื่องอนัตตาให้เข้าใจก่อนนั้น ยังไม่ใช่การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเช่นนี้ แต่แม้จะศึกษาเรื่องอนัตตา ถ้าศึกษาอย่างผิวเผินโดยไม่ศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ก็ยังไม่ใช่ปัญญาตามหลักอริยมรรค เช่น เพียงท่องจำว่า ทุกอย่างไม่ใช่ตัวตน ซึ่งถ้ายังถ้ายังเข้าใจว่ามีการเวียนว่ายตายเกิดทางร่างกายอยู่ ก็แสดงว่ายังเข้าใจผิดว่าจิตเป็นตัวตนหรืออัตตาอยู่ เมื่อเข้าใจว่าจิตเป็นอัตตาที่สามารถเวียนว่ายตายเกิดได้ตามหลักของศาสนาพราหมณ์เช่นนี้ แม้จะท่องว่าทุกสิ่งเป็นอนัตตาอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่ทำให้เกิดปัญญาที่ถูกต้องตามหลักอริยมรรคของพระพุทธเจ้าได้

สรุปได้ว่า ถ้าจะให้การปฏิบัติธรรมตามหลักอริยมรรคถูกต้อง จะต้องเห็นแจ้งในความเป็นอนัตตาของทุกสิ่งก่อน เพราะนี่คือหัวใจของปัญญาตามหลักอริยมรรคของพระพุทธเจ้า แต่ถ้ายังมีความเข้าใจผิดว่าการเวียนว่ายตายเกิดทางร่างกายนั้นคือความเข้าใจเรื่องความเป็นอนัตตาในทุกสิ่งอยู่เช่นนี้ การปฏิบัติธรรมเช่นนี้ก็จะผิดพลาดทันทึ เมื่อปฏิบัติผิด ผลที่ถูกต้อง (คือจิตไม่สงบเย็นหรือไม่นิพพาน) ก็จะไม่ปรากฏ เมื่อนิพพานไม่ปรากฏ ก็จะไม่เห็นธรรม เมื่อไม่เห็นธรรมก็เท่ากับไม่เห็นพระพุทธเจ้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่