ประเด็นที่ เป็นปัญหาคือ
มาตรฐานการทดสอบคุณสมบัติของน้ำมันเกียร์ cvt มีปัญหา เพราะ ไปอ้างอิงกับการทดสอบน้ำมันเกียร์ออโต้
หน้าที่ของน้ำมันเกียร์ออโต้ และ น้ำมันเกียร์ CVT นั้นมี หน้าที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
-น้ำมันเกียร์ออโต้ มีหน้าที่ หล่อลื่นผิวโลหะ เพื่อลดการสึกหรอของผิวโลหะ
-แต่น้ำมันเกียร์ CVT นั้นมีหน้าที่ สร้างแรงเสียดทานระหว่างผิวโลหะ คือ สายพานกับ ผนัง PULLEY ไม่ให้สายพาน SLIP
ดังนั้น เวลาเราจะผลิตน้ำมันเกียร์อะไร เราก็จะ เลือก BASE OIL และ ใส่สารผสมเพิ่มตามหน้าที่ของน้ำมัน เพื่อให้ได้น้ำมันเกียร์ที่มีคุณสมบัติตามหน้าที่ของมัน
ดังนั้น
การทดสอบคุณสมบัติของน้ำมันเกียร์ CVTที่ถูกต้องและเหมาะสมนั้น
จะต้องออกแบบการทดสอบคุณสมบัติ ตามหน้าที่ของน้ำมันเกียร์ CVT โดยเฉพาะ
จะนำ มาตรฐานการทดสอบ ของน้ำมันเกียร์ ออโต้มาใช้นั้นเป็นเรื่องที่ ไม่ถูกต้อง
เพราะ เราต้องออกแบบมาตรฐานการทดสอบน้ำมันเกียร์ CVT ตามหน้าที่ของมัน
แต่
การทดสอบคุณสมบัติของน้ำมันเกียร์ CVT ดันไปใช้การทดสอบของน้ำมันเกียร์ออโต้มาอ้างอิง นั้นเป็นเรื่องที่ผิดอย่างมหันต์
ตาม RECOMMEND ด้านล่าง
http://www.bosch.nl/transmission_technology/en/downloads/SAE_2003_Belt_pulley_level.pdf
หากย้อนดูในอดีตที่ผ่านมานั้น เราจะเห็นว่า
ก็มีการพยายามพัฒนามาตราฐานการทดสอบคุณสมบัติของน้ำมันเกียร์ CVT ให้สูงขึ้นเมื่อปี 2002
ให้สังเกตุ หัวข้อ 1.2R&D TARGET ที่พยายามจะเพิ่มมาตราฐานการทดสอบคุณสมบัติน้ำมันเกียร์ CVT ให้สูงขึ้น ในปี 2002
และหัวข้อสรุป ที่3.4ก็มีความน่าสนใจทีว่า
sliding speed คือความเร็วของpulley และอุณหภูมิของน้ำมันเกียร์ มีผลมากต่อ การสร้างสัมประสิทธิแรงเสียดทาน
http://www.pecj.or.jp/japanese/report/e-report/00M442e.pdf
และจากรูปด้านล่าง คือ การทดสอบคุณสมบัติของน้ำมันเกียร์ cvt เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า
การทดสอบคุณสมบัติยังคงอ้างอิงกับการทดสอบคุณสมบัติน้ำมันเกียร์ออโต้อยู่
การทดสอบการต้านการสึก FOUR BALL WEAR TEST และ FOUR BALL EXTREME PRESSURE TEST ซึ่งเป็นการทดสอบ ที่ใช้วัดคุณสมบัติการหล่อลื่นใน น้ำมันเกียร์ออโต้
ซึ่งจะใช้
ชุดทดสอบหมุนอยู่ที่ความเร็วรอบ 1800 รอบต่อนาที
ซึ่งการทดสอบไม่สอดคล้องกับ การหมุนของ PULLEY ในเกียร์ cvt เช่นของ teana j 32 jf011e นั้น DRINEN PULLEY หมุนอยู่ที่ 4000 รอบต่อนาที
และในเกียร์ cvt อื่น นั้น DRIVEN PULLEY จะหมุนที่ประมาณ 4000รอบต่อนาที ที่ FULL LOAD
http://www.vibratesoftware.com/html_help2014/2011/Diagnosis/Reference/CVT_Transmissions.htm#Toyota
นี่จึงเป็นเหตุผล
ที่ผมพยายามบอกกับทุกท่านว่า
มาตราฐาน การทดสอบน้ำมันเกียร์ cvt นั้นมีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะ
บริษัทน้ำมันเลือกคุณสมบัติน้ำมันเกียร์cvt ที่ผ่านมาตราฐาน ทดสอบที่ความเร็วรอบ 1800 rpm นั้นมาใช้งาน มันไม่สอดคล้องกับการทำงานจริงของการหมุน PULLEY ที่ FULL LOADความเร็วรอบ 4000 rpm
นี่คือเหตุผลที่ บางคันเกียร์พัง เพราะกดคันเร่งเร็ว pulleyหมุนเกิน บางคันเกียร์ไม่พัง เพราะ ขับแบบค่อยๆๆกดคันเร่งที่ PULLEY หมุน ไม่เกิน
และการทดสอบ HIGH SPEED FOUR BALL ROLLING AND SLIDING FRICTION TEST กลับไม่มีระบุอยู่ในมาตราฐาน การทดสอบคุณสมบัติน้ำมันเกียร์ CVT ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่ง
เพราะนี่คือการทดสอบคุณสมบัติตามหน้าที่ ที่สำคัญที่สุดของน้ำมันเกียร์ CVT แต่กลับไม่มีการระบุให้เป็นมาตรฐานการทดสอบคุณสมบัติน้ำมันเกียร์ CVT
อย่างเป็นมาตรฐานแต่อย่างใด
และผลการทดสอบ จากLAB ก็ระบุว่า น้ำมันเกียร์ CVT ที่ผลิตจาก PAO นั้น ไม่สามารถสร้างสัมประสิทธิแรงยึดเกาะ ได้ ที่ ROLLING SPEED 3000 RPM
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นนั้น
1 ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องควรมีการกำหนดมาตรฐานการทดสอบ คุณสมบัติตามหน้าที่ของน้ำมันเกียร์CVT ให้สอดคล้องกับ การใช้งานจริงที่ PULLEY หมุนสูงถึง 4000 รอบต่อนาที
2 หากยังคงใช้มาตราฐาน การทดสอบน้ำมันเกียร์ออโต้มาใช้ ทดสอบน้ำมันเกียร์ CVT นั้น เราคงไม่มีวันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกียร์ cvt ในปัจจุบันได้
3 จากการที่บริษัทผลิตเกียร์ ทุกบริษัท มุ่งออกแบบ การเพิ่มแรงกดที่สายพานนั้น กลับยิ่งทำให้ เกิดปัญหามากยิ่งขึ้น กับฟิล์มน้ำมันเกียร์ CVT
4 เราจะเห็นว่า น้ำมันเกียร์ cvt ที่ใช้กันอยู่ปัจจุบันนั้น เปลี่ยนสภาพเร็วมากๆๆ รถวิ่งมา 30000 กม สภาพน้ำมันเกียร์ cvt กลับเสื่อมสภาพ ดำ มากๆๆ ทั้งที่ในคู่มือระบุให้เปลี่ยนถ่ายที่ 100000 กม นั่นแสดงว่า
จริงๆๆแล้ว หากยังคงใช้มาตรฐานการทดสอบน้ำมันเกียร์ CVT เดิมที่เป็นอยู่ที่อ้างอิงมาตรฐานเกียร์ ออโต้นั้น
ระยะการเปลี่ยนถ่ายของน้ำมันเกียร์ cvt นั้นจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่า น้ำมันเกียร์ออโต้ เพราะ น้ำมันเกียร์ CVT นั้นทำงานภายใต้สภาวะ ที่รุนแรงกว่าน้ำมันเกียร์ออโต้ทั่วไป
เช่น น้ำมันเกียร์ ออโต้ เปลี่ยนถ่ายที่ 40000 กม น้ำมันเกียร์ CVT นั้นจะต้องมีระยะการเปลี่ยนถ่ายที่สั้นกว่า คือ 20000-25000 กม หากยังคงใช้มาตรฐานการทดสอบในปัจจุบัน
เพราะการเสื่อมสภาพของน้ำมันเกียร์ NS 2 ที่ผ่านมานั้น มันฟ้องว่า มาตราฐานที่ใช้การทดสอบน้ำมันเกียร์ CVT มีปัญหาอย่างแน่นอน
ซึ่งเจตนาผมที่เผยแพร่ข้อมูลนี้ ไม่ต้องการดิสเครดิตบริษัทใดเลย
แต่ หากปล่อยให้ปัญหามาตราฐานการทดสอบคุณสมบัติของน้ำมันเกียร์ CVT ที่เกิดขึ้นให้คงอยู่อยู่ต่อไปแบบนี้
มันจะไม่เป็นผลดี ต่อทุกฝ่าย
ทั้งบริษัทรถยนต์ บริษัทผู้ผลิตเกียร์ บริษัทน้ำมัน และผู้ใช้รถเกียร์ cvt ทุกท่าน
ผมจึงต้องรีบนำเสนอข้อมูลตรงนี้ เพื่อระยับยับยั้ง ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับ บริษัท รถ บริษัทน้ำมัน บริษัทเกียร์ และผู้ใช้รถเกียร์ CVT ทุกท่าน
นั่นคือ เจตนาที่แท้จริงของผมครับ
สุดท้าย ผมทำเพื่อใคร???
ผมทำเพื่อทุกคนทั้ง บริษัทรถยนต์ บริษัทผู้ผลิตเกียร์ บริษัทน้ำมัน และ ผู้ใช้รถเกียร์ CVT ทุกท่าน
ผมเหนื่อยนะ แต่ผมต้องทน
****เตือนภัย ผู้ใช้เกียร์ CVT ++++มาตราฐานการทดสอบคุณสมบัติน้ำมันเกียร์ CVT มีปัญหา++++****
มาตรฐานการทดสอบคุณสมบัติของน้ำมันเกียร์ cvt มีปัญหา เพราะ ไปอ้างอิงกับการทดสอบน้ำมันเกียร์ออโต้
หน้าที่ของน้ำมันเกียร์ออโต้ และ น้ำมันเกียร์ CVT นั้นมี หน้าที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
-น้ำมันเกียร์ออโต้ มีหน้าที่ หล่อลื่นผิวโลหะ เพื่อลดการสึกหรอของผิวโลหะ
-แต่น้ำมันเกียร์ CVT นั้นมีหน้าที่ สร้างแรงเสียดทานระหว่างผิวโลหะ คือ สายพานกับ ผนัง PULLEY ไม่ให้สายพาน SLIP
ดังนั้น เวลาเราจะผลิตน้ำมันเกียร์อะไร เราก็จะ เลือก BASE OIL และ ใส่สารผสมเพิ่มตามหน้าที่ของน้ำมัน เพื่อให้ได้น้ำมันเกียร์ที่มีคุณสมบัติตามหน้าที่ของมัน
ดังนั้น
การทดสอบคุณสมบัติของน้ำมันเกียร์ CVTที่ถูกต้องและเหมาะสมนั้น
จะต้องออกแบบการทดสอบคุณสมบัติ ตามหน้าที่ของน้ำมันเกียร์ CVT โดยเฉพาะ
จะนำ มาตรฐานการทดสอบ ของน้ำมันเกียร์ ออโต้มาใช้นั้นเป็นเรื่องที่ ไม่ถูกต้อง
เพราะ เราต้องออกแบบมาตรฐานการทดสอบน้ำมันเกียร์ CVT ตามหน้าที่ของมัน
แต่
การทดสอบคุณสมบัติของน้ำมันเกียร์ CVT ดันไปใช้การทดสอบของน้ำมันเกียร์ออโต้มาอ้างอิง นั้นเป็นเรื่องที่ผิดอย่างมหันต์
ตาม RECOMMEND ด้านล่าง
http://www.bosch.nl/transmission_technology/en/downloads/SAE_2003_Belt_pulley_level.pdf
หากย้อนดูในอดีตที่ผ่านมานั้น เราจะเห็นว่า
ก็มีการพยายามพัฒนามาตราฐานการทดสอบคุณสมบัติของน้ำมันเกียร์ CVT ให้สูงขึ้นเมื่อปี 2002
ให้สังเกตุ หัวข้อ 1.2R&D TARGET ที่พยายามจะเพิ่มมาตราฐานการทดสอบคุณสมบัติน้ำมันเกียร์ CVT ให้สูงขึ้น ในปี 2002
และหัวข้อสรุป ที่3.4ก็มีความน่าสนใจทีว่า sliding speed คือความเร็วของpulley และอุณหภูมิของน้ำมันเกียร์ มีผลมากต่อ การสร้างสัมประสิทธิแรงเสียดทาน
http://www.pecj.or.jp/japanese/report/e-report/00M442e.pdf
และจากรูปด้านล่าง คือ การทดสอบคุณสมบัติของน้ำมันเกียร์ cvt เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า
การทดสอบคุณสมบัติยังคงอ้างอิงกับการทดสอบคุณสมบัติน้ำมันเกียร์ออโต้อยู่
การทดสอบการต้านการสึก FOUR BALL WEAR TEST และ FOUR BALL EXTREME PRESSURE TEST ซึ่งเป็นการทดสอบ ที่ใช้วัดคุณสมบัติการหล่อลื่นใน น้ำมันเกียร์ออโต้
ซึ่งจะใช้ชุดทดสอบหมุนอยู่ที่ความเร็วรอบ 1800 รอบต่อนาที
ซึ่งการทดสอบไม่สอดคล้องกับ การหมุนของ PULLEY ในเกียร์ cvt เช่นของ teana j 32 jf011e นั้น DRINEN PULLEY หมุนอยู่ที่ 4000 รอบต่อนาที
และในเกียร์ cvt อื่น นั้น DRIVEN PULLEY จะหมุนที่ประมาณ 4000รอบต่อนาที ที่ FULL LOAD
http://www.vibratesoftware.com/html_help2014/2011/Diagnosis/Reference/CVT_Transmissions.htm#Toyota
นี่จึงเป็นเหตุผล
ที่ผมพยายามบอกกับทุกท่านว่า มาตราฐาน การทดสอบน้ำมันเกียร์ cvt นั้นมีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะ
บริษัทน้ำมันเลือกคุณสมบัติน้ำมันเกียร์cvt ที่ผ่านมาตราฐาน ทดสอบที่ความเร็วรอบ 1800 rpm นั้นมาใช้งาน มันไม่สอดคล้องกับการทำงานจริงของการหมุน PULLEY ที่ FULL LOADความเร็วรอบ 4000 rpm
นี่คือเหตุผลที่ บางคันเกียร์พัง เพราะกดคันเร่งเร็ว pulleyหมุนเกิน บางคันเกียร์ไม่พัง เพราะ ขับแบบค่อยๆๆกดคันเร่งที่ PULLEY หมุน ไม่เกิน
และการทดสอบ HIGH SPEED FOUR BALL ROLLING AND SLIDING FRICTION TEST กลับไม่มีระบุอยู่ในมาตราฐาน การทดสอบคุณสมบัติน้ำมันเกียร์ CVT ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่ง
เพราะนี่คือการทดสอบคุณสมบัติตามหน้าที่ ที่สำคัญที่สุดของน้ำมันเกียร์ CVT แต่กลับไม่มีการระบุให้เป็นมาตรฐานการทดสอบคุณสมบัติน้ำมันเกียร์ CVT
อย่างเป็นมาตรฐานแต่อย่างใด
และผลการทดสอบ จากLAB ก็ระบุว่า น้ำมันเกียร์ CVT ที่ผลิตจาก PAO นั้น ไม่สามารถสร้างสัมประสิทธิแรงยึดเกาะ ได้ ที่ ROLLING SPEED 3000 RPM
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นนั้น
1 ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องควรมีการกำหนดมาตรฐานการทดสอบ คุณสมบัติตามหน้าที่ของน้ำมันเกียร์CVT ให้สอดคล้องกับ การใช้งานจริงที่ PULLEY หมุนสูงถึง 4000 รอบต่อนาที
2 หากยังคงใช้มาตราฐาน การทดสอบน้ำมันเกียร์ออโต้มาใช้ ทดสอบน้ำมันเกียร์ CVT นั้น เราคงไม่มีวันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกียร์ cvt ในปัจจุบันได้
3 จากการที่บริษัทผลิตเกียร์ ทุกบริษัท มุ่งออกแบบ การเพิ่มแรงกดที่สายพานนั้น กลับยิ่งทำให้ เกิดปัญหามากยิ่งขึ้น กับฟิล์มน้ำมันเกียร์ CVT
4 เราจะเห็นว่า น้ำมันเกียร์ cvt ที่ใช้กันอยู่ปัจจุบันนั้น เปลี่ยนสภาพเร็วมากๆๆ รถวิ่งมา 30000 กม สภาพน้ำมันเกียร์ cvt กลับเสื่อมสภาพ ดำ มากๆๆ ทั้งที่ในคู่มือระบุให้เปลี่ยนถ่ายที่ 100000 กม นั่นแสดงว่า
จริงๆๆแล้ว หากยังคงใช้มาตรฐานการทดสอบน้ำมันเกียร์ CVT เดิมที่เป็นอยู่ที่อ้างอิงมาตรฐานเกียร์ ออโต้นั้น
ระยะการเปลี่ยนถ่ายของน้ำมันเกียร์ cvt นั้นจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่า น้ำมันเกียร์ออโต้ เพราะ น้ำมันเกียร์ CVT นั้นทำงานภายใต้สภาวะ ที่รุนแรงกว่าน้ำมันเกียร์ออโต้ทั่วไป
เช่น น้ำมันเกียร์ ออโต้ เปลี่ยนถ่ายที่ 40000 กม น้ำมันเกียร์ CVT นั้นจะต้องมีระยะการเปลี่ยนถ่ายที่สั้นกว่า คือ 20000-25000 กม หากยังคงใช้มาตรฐานการทดสอบในปัจจุบัน
เพราะการเสื่อมสภาพของน้ำมันเกียร์ NS 2 ที่ผ่านมานั้น มันฟ้องว่า มาตราฐานที่ใช้การทดสอบน้ำมันเกียร์ CVT มีปัญหาอย่างแน่นอน
ซึ่งเจตนาผมที่เผยแพร่ข้อมูลนี้ ไม่ต้องการดิสเครดิตบริษัทใดเลย
แต่ หากปล่อยให้ปัญหามาตราฐานการทดสอบคุณสมบัติของน้ำมันเกียร์ CVT ที่เกิดขึ้นให้คงอยู่อยู่ต่อไปแบบนี้
มันจะไม่เป็นผลดี ต่อทุกฝ่าย
ทั้งบริษัทรถยนต์ บริษัทผู้ผลิตเกียร์ บริษัทน้ำมัน และผู้ใช้รถเกียร์ cvt ทุกท่าน
ผมจึงต้องรีบนำเสนอข้อมูลตรงนี้ เพื่อระยับยับยั้ง ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับ บริษัท รถ บริษัทน้ำมัน บริษัทเกียร์ และผู้ใช้รถเกียร์ CVT ทุกท่าน
นั่นคือ เจตนาที่แท้จริงของผมครับ
สุดท้าย ผมทำเพื่อใคร???
ผมทำเพื่อทุกคนทั้ง บริษัทรถยนต์ บริษัทผู้ผลิตเกียร์ บริษัทน้ำมัน และ ผู้ใช้รถเกียร์ CVT ทุกท่าน
ผมเหนื่อยนะ แต่ผมต้องทน