เราเข้ารับการอบรมในการปฎิบัติตามแนวทางของอาจารย์โกเอ็นก้าเมื่อวันที่ 11-22 มิถุนายน 2557 ที่ศูนย์ธรรมกาญจนา (มีหลายศูนย์ทั่วประเทศไทยและทั่วโลก) ปฏิบัติ 10 วันเต็ม วันเดินทางไป-กลับ อีก 2 วันค่ะ เดินทางไปถึงเพื่อลงทะเบียนให้ก่อน 4 โมง และวันกลับ เดินทางออกจากศูนย์ประมาณ 8 – 9 โมงค่ะ
เราอยากจะเอาข้อมูลมาแชร์กัน ด้วยความที่ก่อนไป..เรามีคำถามมากมายเกี่ยวกับการอยู่ การกิน การเดินทาง การเตรียมตัว มีสิ่งที่สงสัยมากมาย แต่เป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติเลย เริ่ม!!!
1. ที่พัก
ศูนย์ธรรมกาญจนา ที่พักมี 2 แบบคือ เป็นห้องพักในตัวตึก และเป็นกระท่อม 1 หลังแบ่งเป็น 2 ห้อง เรามาของอาจารย์โกเอ็นก้าครั้งแรก เลยไม่รู้ว่าที่พักของศูนย์อื่นเป็นยังไง แต่เท่าที่ถามผู้ปฎิบัติคนอื่น เค้าก็ว่าแต่ละศูนย์จะสร้างที่พักให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมค่ะ
ผู้ปฎิบัติแต่ละคนจะได้ห้องพักส่วนตัว ห้องพักจะมีพัดลมให้คนละตัวแต่ตอนเราไปฝนตกทุกวันแทบจะทั้งวันทั้งคืน ตอนกลางคืนอากาศเย็นช่วงให้หลับสบาย ในห้องพักจะมีห้องน้ำในตัวและมีน้ำอุ่นให้อาบ (อันนี้แม่เราถามและเพื่อนเราก็ถาม เลยคิดว่าอาจจะมีหลายคนที่อยากรู้) ดูแลทำความสะอาดห้องพักได้ตามความชอบค่ะ จะขัดห้องน้ำทุกวันก็ได้หรือจะไม่ทำเลย ไม่มีใครมาตรวจความสะอาดหรอกค่ะ เพียงแต่ตอนจบการอบรมต้องทำความสะอาดสำหรับผู้เข้ารับการอบรมรุ่นต่อไป
สำหรับเราได้อยู่ตัวตึก ผนังห้องฝั่งประตูจะเป็นบานเกล็ดความสูงเท่าประตู และตอนกลางคืนจะเปิดไฟทางเดินไว้ตลอดทั้งคืน ซึ่งแสงไฟทางเดินจะลอดเข้ามาในห้องได้ค่ะ ห้องเราตำแหน่งที่นอนไฟจะแยงตาพอดี เราจะใช้วิธีเอาเสื้อมาแขวนบังแสงไว้ ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องนอนในที่มืดควรจะเตรียมผ้าปิดตาไปค่ะ หรืออาจจะเป็นผ้าพันคอผืนหนาทึบหน่อยเพื่อประยุกต์ใช้เป็นผ้าม่านแต่อย่าลืมเตรียมไม้หนีบผ้าไปนะคะ
สำหรับกระท่อมให้ข้อมูลไม่ได้จริงๆ ไว้ไปคราวหน้าถ้าได้อยู่กระท่อมจะเอามาเล่าให้ฟัง
2. อาหาร
อาหารเป็นมังสวิรัติค่ะ มื้อเช้าตอนหกโมงครึ่ง และมื้อกลางวันตอนสิบเอ็ดโมง (อันนี้เราไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะรอบที่เราไปมีพระเข้าร่วมปฏิบัติด้วย เวลาอาหารเลยต้องเลื่อนให้เร็วขึ้นเพื่อให้ทันพระฉันเพล หรือว่าเป็นเวลาทานอาหารปกติสำหรับทุกคอร์ส)
สำหรับอาหารเย็น ผู้ปฏิบัติใหม่ทานข้าวเย็นได้ ตอนลงทะเบียนก็ลงชื่อแจ้งความประสงค์จะทานอาหารเย็น ผู้ปฏิบัติเก่าถ้าต้องทานยาหรือสูงอายุแล้วอดข้าวไม่ได้ จะทานข้าวเย็นก็ได้ไม่ว่ากันค่ะ ลงชื่อไว้เช่นกัน
อาหารเหลือทานทุกมื้อ ย้ำว่าเหลือจริงๆ ไม่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันตัก คุณจะตักเยอะเท่าไหนก็ได้แค่ต้องทานให้หมดค่ะ สองวันแรกเราหิวตั้งแต่ 3 โมง เราก็ทานอาหารเย็นนะคะ ด้วยความที่ไม่ได้แจ้งชื่อไว้เลยรอให้คนอื่นตักกันให้เสร็จก่อน ตอนเราไปตัก อาหารก็ยังมีเพียงพอได้อีกหลายคนเลย
อุปกรณ์การทานอาหารจะมีเตรียมไว้ให้ในห้องพัก เป็นอุปกรณ์ประจำตัวค่ะ ใช้เองล้างเอง ล้างเสร็จก็เช็ดแล้ววางไว้ตรงจุดที่เรานั่งทานอาหารค่ะ จุดที่เราต้องนั่งทานอาหารเค้าจะกำหนดให้ตามเบอร์ห้องของเราเลยค่ะ ดังนั้นเราก็จะได้เห็นหน้าเพื่อนห้องข้างเคียง พอถึงเวลาที่เค้าให้พูดคุยกันได้ก็จะไม่เขินอายกันค่ะ นั่งมองหน้ากันมาตั้งหลายวันทำให้รู้สึกสนิทชิดเชื้อระดับนึง
3. การเดินทาง
สามารถขับรถส่วนตัวไปเองได้ ที่จอดรถมีหลังคาอย่างดี รถไม่ต้องจอดกลางแดดค่ะ ตอนลงทะเบียนเค้าก็จะให้ฝากกุญแจรถไว้ค่ะ สำหรับเรานั่งรถบัสของศูนย์ไป ค่าใช้จ่ายไปกลับ 800 บาท ขึ้นรถที่ร้านอาหารข้างปั๊มคาลเท็กเลยขนส่งสายใต้ใหม่ เส้นพุทธมณฑลค่ะ จำชื่อร้านอาหารไม่ได้แต่อยู่ติดกับปั๊มเลย หาไม่ยาก
4. ค่าใช้จ่าย
นอกจากค่ารถ 800 บาท แล้วก็จะมีค่าอาหาร 2 มื้อ ระหว่างเดินทางไป-กลับค่ะ พอเข้าเมืองกาญรถบัสจะแวะให้ทานอาหารเที่ยงที่วุ้นเส้น (เค้าเรียกกันโรงงานวุ้นเส้น เราไม่ได้สังเกตว่าจริงๆแล้วชื่ออะไรค่ะ แต่จะเป็นเหมือนแหล่งขายของฝากแล้วมีขายอาหารด้วย) เมื่อถึงศูนย์ธรรมกาญจนาแล้วก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายแล้ว พออบรมเสร็จก็บริจาคเงินตามกำลังค่ะ
มีพี่คนนึงเค้าพกเงินมาหนึ่งพันเพราะคิดว่าไม่ได้ใช้จ่ายอะไรเพราะพอถึงกรุงเทพก็มีคนมารับ บัตรเครดิตก็ไม่ได้พกไป กรณีนี้สามารถโอนเงินตามมาได้นะคะ ขอเลขที่บัญชีกับธรรมบริกร และเราเห็นเครื่องรูดบัตรเครดิตด้วยค่ะ ถ้าไม่อยากพกเงินสดก็รูดปื้ดดดด แต่ที่นี่จะไม่รับบริจาคเงินจากคนที่ไม่เคยเข้ารับการอบรม
5. การแต่งตัว
ที่นี่ไม่บังคับใส่ชุดขาว ผู้หญิงสามารถใส่กางเกงได้ ทาครีมได้ ทาเล็บก็ได้ เลยคิดว่าน่าจะแต่งหน้าได้ คือตอนเราไปไม่มีใครแต่งหน้าค่ะ แต่เพื่อให้ดูเหมาะดูควรอาจจะแต่งแบบ make up no make up look ตามที่โมเมสอนน่าจะไม่ประเจิดประเจ้อจนเกินไป สิ่งที่ธรรมบริกรขอความร่วมมือไว้คือเรื่องกลิ่นค่ะ ห้ามฉีดน้ำหอม ทายาหม่อง ถูยานวด หรือสิ่งใดก็ตามที่จะส่งกลิ่นรบกวนผู้ปฏิบัติที่นั่งข้างๆ หอมของเราอาจจะเป็นสิ่งที่เหม็นของคนอื่น เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นความชอบของแต่ละบุคคล
ชุดที่แนะนำคือเสื้อที่ใส่สบาย มีแขน ไม่รัดรูป กางเกงที่ลุกนั่งสบายเพราะต้องนั่งกับพื้นเป็นเวลานาน ห้ามกางเกงขาสั้นหรือเสื้อที่ใส่แล้วดูโป๊ค่ะ
ที่ศูนย์มีบริการซัก ชิ้นละ 5 บาท ดังนั้นอาจจะเตรียมไปแค่ 4-5 ชุดก็ได้ เราไม่รู้เตรียมชุดพอดีวัน กระเป๋าใหญ่ได้ใจเลยค่ะ เสื้อผ้าส่งซักได้ถึงวันที่ 8 ของการปฏิบัติ ส่งซักวันนี้ได้รับคืนวันรุ่งขึ้นค่ะ
ที่อยากจะแนะนำคือเตรียมผ้าเช็ดตัวไป 2 ผืนดีกว่าค่ะ ของเราผ้าเช็ดตัวเหม็นตั้งแต่วันที่ 4-5 ของการปฎิบัติ อาจจะเพราะฝนตกแทบจะตลอดเวลาทำให้อากาศชื้น ผ้าเช็ดตัวก็เลยเหม็นอับๆ
6. กฎ ระเบียบ
ห้ามพูดกัน ห้ามส่งสัญญาณเพื่อการสื่อสารใดๆในช่วงระหว่างเข้ารับการอบรม เหตุผลเพื่อเป็นการรักษาศีล เพื่อขจัดความอยากรู้อยากเห็น ไม่ให้เกิดการเปรียบเทียบ เมื่อตอนก่อนเข้ารับการอบรมจะมีข้อสงสัยมากมาย แต่เค้าจะค่อยๆบอกระหว่างการอบรมค่ะ มันจะมีเหตุผลรองรับว่าทำไมถึงต้องห้าม แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อการปฏิบัติให้ได้ผลดีที่สุด
7. การอบรมและห้องปฏิบัติรวม
อาจารย์โกเอ็นก้าเป็นชาวอินเดียค่ะ การอบรมจะมีเปิดเสียงบรรยายของอาจารย์ ภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดียที่ฟังยากมากสำหรับเรา แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เค้าจะมีเปิดเวอร์ชั่นแปลภาษาไทยสลับกันไป ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รู้เรื่อง ที่นี่จะไม่มีการสวดมนต์และการเดินจงกลม เน้นเฉพาะการนั่งอย่างเดียวค่ะ ผู้ปฏิบัติทุกคนจะต้องเข้าห้องปฏิบัติรวม ธรรมบริกรจะจัดที่นั่งประจำไว้ให้ เราจะได้นั่งที่เดิมตลอดการอบรมค่ะ 3-4 วันแรกจะเป็นการสอนทำอานาปานสติ วันที่เหลือก็จะเป็นการสอนทำวิปัสสนาค่ะ ถ้าปฏิบัติตรงไหนติดขัดทำไม่ได้ แนะนำให้เข้าพบอาจารย์ค่ะ
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องเข่า นั่งที่พื้นไม่ได้ สามารถลงชื่อแจ้งขอเก้าอี้ได้นะคะ เก้าอี้พิเศษ ทางศูนย์น่าจะทำเอง สามารถนั่งขัดสมาธิได้อย่างสบาย สำหรับผู้มีปัญหาเรื่องปวดหลัง สามารถขอพนักพิงหลังได้ค่ะ สำหรับเบาะรองนั่ง หมอนรองเข่า หมอนรองขา หมอนรองหลัง หยิบเองได้ตามจำนวนที่จะใช้ค่ะ
8. การเตรียมใจ
สำหรับเรื่องอยู่ เรื่องกิน – ด้วยความที่เราไม่มีข้อมูลอะไรเลย ก็เตรียมใจพบเจอความไม่สะดวกสบายไว้ล่วงหน้า พอมาเจอว่าได้นอนคนเดียว อาหารไม่ต้องแย่งใคร มีที่นั่งปฏิบัติประจำตัว มีอุปกรณ์การนั่งเพื่อเสริมความสบายช่วยให้นั่งได้นานขึ้น เหล่านี้เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายมาก เราเลยโอเคมากค่ะ
สำหรับการปฏิบัติ - วันแรกของการปฏิบัติ เราจะรู้สึกขัดๆบ้าง เพราะไม่เคยคุ้นกับวิธีการ ว่าเคยทำแบบนี้แบบนั้นมา ปฏิบัติแบบนี้ไม่คุ้ยชิน เช่นว่าทำไมถึงไม่มีการสวดมนต์ ไม่มีการเดินจงกลม อยากจะขอกลับก่อน เราก็เป็นค่ะ จึงอยากให้เปิดใจ อย่าเพิ่งต่อต้าน สิ่งที่เราทำคือตั้งสติและลองเปิดใจ ไม่ยึดติดกับวิธีการที่เคยทำ คิดแต่ว่าถ้าจบคอร์สแล้วยังไม่ถูกจริตกับการปฏิบัติแบบนี้แล้วค่อยว่ากัน พอคิดได้แล้วใจก็มา ลองอยู่ ลองทำตามที่อาจารย์สอน แต่พอจบคอร์ส เรารู้สึกโอเคนะ
9. การเตรียมตัว
เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว ยาประจำตัว อะไรก็เตรียมไปตามปกตินั่นแหละค่ะ แต่เราอยากจะเสริมนิดนึง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราอยากจะได้มากตอนปฏิบัติ เพราะมันเป็นสิ่งที่นึกไม่ถึงจริงๆตอนจัดกระเป๋า จะไปขอหยิบยืมจากผู้ปฏิบัติคนอื่นก็ไม่ได้เพราะเค้าห้ามพูดคุยกัน
• ที่คาดผม กิ๊บติดผม ยางรัดผม อุปกรณ์การเก็บลูกผม ไรผมต่างๆ เอาไปเถอะค่ะ เราผมสั้นมาก ปกติไม่ได้ใช้สิ่งเหล่านี้ แต่ตอนปฏิบัติ การที่คุณต้องนั่งนิ่งๆ ขยับร่างกายให้น้อยที่สุด ลูกผมไรผมพวกนี้จะรบกวนสมาธิคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ
• สำลีก้าน เวทนาลงหูหรืออย่างไรไม่ทราบ ตอนนั่งนั้นช่องหูจะเป็นอะไรที่คันมาก อยากจะเกาเป็นที่สุด แต่พอเลิกนั่งสมาธิก็จะไม่รู้สึก เราเลยเตรียมตัวเช็ดแคะแกะเกาเท่าที่สามารถทำได้ก่อนจะเข้าห้องปฏิบัติรวมค่ะ
• mouth spray ยาอมแก้ไข ลูกอมให้ชุ่มคอ เตรียมไปด้วยนะคะ เสียงกระแอม เสียงไอ เสียงอะไรก็ตามเพียงเล็กน้อย มันรบกวนผู้อื่นจริงๆค่ะ ปกติไม่ได้ใช้แต่อาจจะด้วยความที่ไม่ได้พูดหลายวันอาจจะมีอาการระคายคอ ของพวกนี้ช่วยนี้ได้มาก
• ยานวดคลายกล้ามเนื้อ คลายเส้น การนั่งทั้งวันเป็นความทรมานอย่างหนึ่งค่ะ ยิ่งวันหลังๆกล้ามเนื้อปวดเมื่อยเกินจินตนาการ พกไว้เถอะค่ะ ได้ใช้แน่นอน
• ก่อนไป เตรียมตัวออกกำลังกายที่หลัง ยืดเส้นยืดสายไว้ก็ดีนะคะ อันนี้เราคิดเอาเองว่าถ้าร่างกายเราพร้อม มีกล้ามเนื้อหลังแข็งแรง ยืดเส้นขา เข่า สะโพก และหลังไว้ การนั่งสมาธิคงเป็นสุขกว่านี้มาก
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์นะคะ ส่วนการปฏิบัติของอาจารย์โกเอ็นก้าจะเป็นการเฝ้าดูเวทนาที่เกิดขึ้นด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาค่ะ สำหรับวิธีการดูนั้นแนะนำว่าควรเข้ารับการอบรมดีกว่าค่ะ
สำหรับผู้ที่สนใจ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thaidhamma.net/
ข้อมูล(จิปาถะ) เพื่อการเตรียมตัว สำหรับผู้ที่จะเข้ารับการอบรมในการปฎิบัติตามแนวทางของอาจารย์โกเอ็นก้า 10 วัน
เราอยากจะเอาข้อมูลมาแชร์กัน ด้วยความที่ก่อนไป..เรามีคำถามมากมายเกี่ยวกับการอยู่ การกิน การเดินทาง การเตรียมตัว มีสิ่งที่สงสัยมากมาย แต่เป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติเลย เริ่ม!!!
1. ที่พัก
ศูนย์ธรรมกาญจนา ที่พักมี 2 แบบคือ เป็นห้องพักในตัวตึก และเป็นกระท่อม 1 หลังแบ่งเป็น 2 ห้อง เรามาของอาจารย์โกเอ็นก้าครั้งแรก เลยไม่รู้ว่าที่พักของศูนย์อื่นเป็นยังไง แต่เท่าที่ถามผู้ปฎิบัติคนอื่น เค้าก็ว่าแต่ละศูนย์จะสร้างที่พักให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมค่ะ
ผู้ปฎิบัติแต่ละคนจะได้ห้องพักส่วนตัว ห้องพักจะมีพัดลมให้คนละตัวแต่ตอนเราไปฝนตกทุกวันแทบจะทั้งวันทั้งคืน ตอนกลางคืนอากาศเย็นช่วงให้หลับสบาย ในห้องพักจะมีห้องน้ำในตัวและมีน้ำอุ่นให้อาบ (อันนี้แม่เราถามและเพื่อนเราก็ถาม เลยคิดว่าอาจจะมีหลายคนที่อยากรู้) ดูแลทำความสะอาดห้องพักได้ตามความชอบค่ะ จะขัดห้องน้ำทุกวันก็ได้หรือจะไม่ทำเลย ไม่มีใครมาตรวจความสะอาดหรอกค่ะ เพียงแต่ตอนจบการอบรมต้องทำความสะอาดสำหรับผู้เข้ารับการอบรมรุ่นต่อไป
สำหรับเราได้อยู่ตัวตึก ผนังห้องฝั่งประตูจะเป็นบานเกล็ดความสูงเท่าประตู และตอนกลางคืนจะเปิดไฟทางเดินไว้ตลอดทั้งคืน ซึ่งแสงไฟทางเดินจะลอดเข้ามาในห้องได้ค่ะ ห้องเราตำแหน่งที่นอนไฟจะแยงตาพอดี เราจะใช้วิธีเอาเสื้อมาแขวนบังแสงไว้ ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องนอนในที่มืดควรจะเตรียมผ้าปิดตาไปค่ะ หรืออาจจะเป็นผ้าพันคอผืนหนาทึบหน่อยเพื่อประยุกต์ใช้เป็นผ้าม่านแต่อย่าลืมเตรียมไม้หนีบผ้าไปนะคะ
สำหรับกระท่อมให้ข้อมูลไม่ได้จริงๆ ไว้ไปคราวหน้าถ้าได้อยู่กระท่อมจะเอามาเล่าให้ฟัง
2. อาหาร
อาหารเป็นมังสวิรัติค่ะ มื้อเช้าตอนหกโมงครึ่ง และมื้อกลางวันตอนสิบเอ็ดโมง (อันนี้เราไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะรอบที่เราไปมีพระเข้าร่วมปฏิบัติด้วย เวลาอาหารเลยต้องเลื่อนให้เร็วขึ้นเพื่อให้ทันพระฉันเพล หรือว่าเป็นเวลาทานอาหารปกติสำหรับทุกคอร์ส)
สำหรับอาหารเย็น ผู้ปฏิบัติใหม่ทานข้าวเย็นได้ ตอนลงทะเบียนก็ลงชื่อแจ้งความประสงค์จะทานอาหารเย็น ผู้ปฏิบัติเก่าถ้าต้องทานยาหรือสูงอายุแล้วอดข้าวไม่ได้ จะทานข้าวเย็นก็ได้ไม่ว่ากันค่ะ ลงชื่อไว้เช่นกัน
อาหารเหลือทานทุกมื้อ ย้ำว่าเหลือจริงๆ ไม่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันตัก คุณจะตักเยอะเท่าไหนก็ได้แค่ต้องทานให้หมดค่ะ สองวันแรกเราหิวตั้งแต่ 3 โมง เราก็ทานอาหารเย็นนะคะ ด้วยความที่ไม่ได้แจ้งชื่อไว้เลยรอให้คนอื่นตักกันให้เสร็จก่อน ตอนเราไปตัก อาหารก็ยังมีเพียงพอได้อีกหลายคนเลย
อุปกรณ์การทานอาหารจะมีเตรียมไว้ให้ในห้องพัก เป็นอุปกรณ์ประจำตัวค่ะ ใช้เองล้างเอง ล้างเสร็จก็เช็ดแล้ววางไว้ตรงจุดที่เรานั่งทานอาหารค่ะ จุดที่เราต้องนั่งทานอาหารเค้าจะกำหนดให้ตามเบอร์ห้องของเราเลยค่ะ ดังนั้นเราก็จะได้เห็นหน้าเพื่อนห้องข้างเคียง พอถึงเวลาที่เค้าให้พูดคุยกันได้ก็จะไม่เขินอายกันค่ะ นั่งมองหน้ากันมาตั้งหลายวันทำให้รู้สึกสนิทชิดเชื้อระดับนึง
3. การเดินทาง
สามารถขับรถส่วนตัวไปเองได้ ที่จอดรถมีหลังคาอย่างดี รถไม่ต้องจอดกลางแดดค่ะ ตอนลงทะเบียนเค้าก็จะให้ฝากกุญแจรถไว้ค่ะ สำหรับเรานั่งรถบัสของศูนย์ไป ค่าใช้จ่ายไปกลับ 800 บาท ขึ้นรถที่ร้านอาหารข้างปั๊มคาลเท็กเลยขนส่งสายใต้ใหม่ เส้นพุทธมณฑลค่ะ จำชื่อร้านอาหารไม่ได้แต่อยู่ติดกับปั๊มเลย หาไม่ยาก
4. ค่าใช้จ่าย
นอกจากค่ารถ 800 บาท แล้วก็จะมีค่าอาหาร 2 มื้อ ระหว่างเดินทางไป-กลับค่ะ พอเข้าเมืองกาญรถบัสจะแวะให้ทานอาหารเที่ยงที่วุ้นเส้น (เค้าเรียกกันโรงงานวุ้นเส้น เราไม่ได้สังเกตว่าจริงๆแล้วชื่ออะไรค่ะ แต่จะเป็นเหมือนแหล่งขายของฝากแล้วมีขายอาหารด้วย) เมื่อถึงศูนย์ธรรมกาญจนาแล้วก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายแล้ว พออบรมเสร็จก็บริจาคเงินตามกำลังค่ะ
มีพี่คนนึงเค้าพกเงินมาหนึ่งพันเพราะคิดว่าไม่ได้ใช้จ่ายอะไรเพราะพอถึงกรุงเทพก็มีคนมารับ บัตรเครดิตก็ไม่ได้พกไป กรณีนี้สามารถโอนเงินตามมาได้นะคะ ขอเลขที่บัญชีกับธรรมบริกร และเราเห็นเครื่องรูดบัตรเครดิตด้วยค่ะ ถ้าไม่อยากพกเงินสดก็รูดปื้ดดดด แต่ที่นี่จะไม่รับบริจาคเงินจากคนที่ไม่เคยเข้ารับการอบรม
5. การแต่งตัว
ที่นี่ไม่บังคับใส่ชุดขาว ผู้หญิงสามารถใส่กางเกงได้ ทาครีมได้ ทาเล็บก็ได้ เลยคิดว่าน่าจะแต่งหน้าได้ คือตอนเราไปไม่มีใครแต่งหน้าค่ะ แต่เพื่อให้ดูเหมาะดูควรอาจจะแต่งแบบ make up no make up look ตามที่โมเมสอนน่าจะไม่ประเจิดประเจ้อจนเกินไป สิ่งที่ธรรมบริกรขอความร่วมมือไว้คือเรื่องกลิ่นค่ะ ห้ามฉีดน้ำหอม ทายาหม่อง ถูยานวด หรือสิ่งใดก็ตามที่จะส่งกลิ่นรบกวนผู้ปฏิบัติที่นั่งข้างๆ หอมของเราอาจจะเป็นสิ่งที่เหม็นของคนอื่น เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นความชอบของแต่ละบุคคล
ชุดที่แนะนำคือเสื้อที่ใส่สบาย มีแขน ไม่รัดรูป กางเกงที่ลุกนั่งสบายเพราะต้องนั่งกับพื้นเป็นเวลานาน ห้ามกางเกงขาสั้นหรือเสื้อที่ใส่แล้วดูโป๊ค่ะ
ที่ศูนย์มีบริการซัก ชิ้นละ 5 บาท ดังนั้นอาจจะเตรียมไปแค่ 4-5 ชุดก็ได้ เราไม่รู้เตรียมชุดพอดีวัน กระเป๋าใหญ่ได้ใจเลยค่ะ เสื้อผ้าส่งซักได้ถึงวันที่ 8 ของการปฏิบัติ ส่งซักวันนี้ได้รับคืนวันรุ่งขึ้นค่ะ
ที่อยากจะแนะนำคือเตรียมผ้าเช็ดตัวไป 2 ผืนดีกว่าค่ะ ของเราผ้าเช็ดตัวเหม็นตั้งแต่วันที่ 4-5 ของการปฎิบัติ อาจจะเพราะฝนตกแทบจะตลอดเวลาทำให้อากาศชื้น ผ้าเช็ดตัวก็เลยเหม็นอับๆ
6. กฎ ระเบียบ
ห้ามพูดกัน ห้ามส่งสัญญาณเพื่อการสื่อสารใดๆในช่วงระหว่างเข้ารับการอบรม เหตุผลเพื่อเป็นการรักษาศีล เพื่อขจัดความอยากรู้อยากเห็น ไม่ให้เกิดการเปรียบเทียบ เมื่อตอนก่อนเข้ารับการอบรมจะมีข้อสงสัยมากมาย แต่เค้าจะค่อยๆบอกระหว่างการอบรมค่ะ มันจะมีเหตุผลรองรับว่าทำไมถึงต้องห้าม แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อการปฏิบัติให้ได้ผลดีที่สุด
7. การอบรมและห้องปฏิบัติรวม
อาจารย์โกเอ็นก้าเป็นชาวอินเดียค่ะ การอบรมจะมีเปิดเสียงบรรยายของอาจารย์ ภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดียที่ฟังยากมากสำหรับเรา แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เค้าจะมีเปิดเวอร์ชั่นแปลภาษาไทยสลับกันไป ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รู้เรื่อง ที่นี่จะไม่มีการสวดมนต์และการเดินจงกลม เน้นเฉพาะการนั่งอย่างเดียวค่ะ ผู้ปฏิบัติทุกคนจะต้องเข้าห้องปฏิบัติรวม ธรรมบริกรจะจัดที่นั่งประจำไว้ให้ เราจะได้นั่งที่เดิมตลอดการอบรมค่ะ 3-4 วันแรกจะเป็นการสอนทำอานาปานสติ วันที่เหลือก็จะเป็นการสอนทำวิปัสสนาค่ะ ถ้าปฏิบัติตรงไหนติดขัดทำไม่ได้ แนะนำให้เข้าพบอาจารย์ค่ะ
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องเข่า นั่งที่พื้นไม่ได้ สามารถลงชื่อแจ้งขอเก้าอี้ได้นะคะ เก้าอี้พิเศษ ทางศูนย์น่าจะทำเอง สามารถนั่งขัดสมาธิได้อย่างสบาย สำหรับผู้มีปัญหาเรื่องปวดหลัง สามารถขอพนักพิงหลังได้ค่ะ สำหรับเบาะรองนั่ง หมอนรองเข่า หมอนรองขา หมอนรองหลัง หยิบเองได้ตามจำนวนที่จะใช้ค่ะ
8. การเตรียมใจ
สำหรับเรื่องอยู่ เรื่องกิน – ด้วยความที่เราไม่มีข้อมูลอะไรเลย ก็เตรียมใจพบเจอความไม่สะดวกสบายไว้ล่วงหน้า พอมาเจอว่าได้นอนคนเดียว อาหารไม่ต้องแย่งใคร มีที่นั่งปฏิบัติประจำตัว มีอุปกรณ์การนั่งเพื่อเสริมความสบายช่วยให้นั่งได้นานขึ้น เหล่านี้เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายมาก เราเลยโอเคมากค่ะ
สำหรับการปฏิบัติ - วันแรกของการปฏิบัติ เราจะรู้สึกขัดๆบ้าง เพราะไม่เคยคุ้นกับวิธีการ ว่าเคยทำแบบนี้แบบนั้นมา ปฏิบัติแบบนี้ไม่คุ้ยชิน เช่นว่าทำไมถึงไม่มีการสวดมนต์ ไม่มีการเดินจงกลม อยากจะขอกลับก่อน เราก็เป็นค่ะ จึงอยากให้เปิดใจ อย่าเพิ่งต่อต้าน สิ่งที่เราทำคือตั้งสติและลองเปิดใจ ไม่ยึดติดกับวิธีการที่เคยทำ คิดแต่ว่าถ้าจบคอร์สแล้วยังไม่ถูกจริตกับการปฏิบัติแบบนี้แล้วค่อยว่ากัน พอคิดได้แล้วใจก็มา ลองอยู่ ลองทำตามที่อาจารย์สอน แต่พอจบคอร์ส เรารู้สึกโอเคนะ
9. การเตรียมตัว
เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว ยาประจำตัว อะไรก็เตรียมไปตามปกตินั่นแหละค่ะ แต่เราอยากจะเสริมนิดนึง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราอยากจะได้มากตอนปฏิบัติ เพราะมันเป็นสิ่งที่นึกไม่ถึงจริงๆตอนจัดกระเป๋า จะไปขอหยิบยืมจากผู้ปฏิบัติคนอื่นก็ไม่ได้เพราะเค้าห้ามพูดคุยกัน
• ที่คาดผม กิ๊บติดผม ยางรัดผม อุปกรณ์การเก็บลูกผม ไรผมต่างๆ เอาไปเถอะค่ะ เราผมสั้นมาก ปกติไม่ได้ใช้สิ่งเหล่านี้ แต่ตอนปฏิบัติ การที่คุณต้องนั่งนิ่งๆ ขยับร่างกายให้น้อยที่สุด ลูกผมไรผมพวกนี้จะรบกวนสมาธิคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ
• สำลีก้าน เวทนาลงหูหรืออย่างไรไม่ทราบ ตอนนั่งนั้นช่องหูจะเป็นอะไรที่คันมาก อยากจะเกาเป็นที่สุด แต่พอเลิกนั่งสมาธิก็จะไม่รู้สึก เราเลยเตรียมตัวเช็ดแคะแกะเกาเท่าที่สามารถทำได้ก่อนจะเข้าห้องปฏิบัติรวมค่ะ
• mouth spray ยาอมแก้ไข ลูกอมให้ชุ่มคอ เตรียมไปด้วยนะคะ เสียงกระแอม เสียงไอ เสียงอะไรก็ตามเพียงเล็กน้อย มันรบกวนผู้อื่นจริงๆค่ะ ปกติไม่ได้ใช้แต่อาจจะด้วยความที่ไม่ได้พูดหลายวันอาจจะมีอาการระคายคอ ของพวกนี้ช่วยนี้ได้มาก
• ยานวดคลายกล้ามเนื้อ คลายเส้น การนั่งทั้งวันเป็นความทรมานอย่างหนึ่งค่ะ ยิ่งวันหลังๆกล้ามเนื้อปวดเมื่อยเกินจินตนาการ พกไว้เถอะค่ะ ได้ใช้แน่นอน
• ก่อนไป เตรียมตัวออกกำลังกายที่หลัง ยืดเส้นยืดสายไว้ก็ดีนะคะ อันนี้เราคิดเอาเองว่าถ้าร่างกายเราพร้อม มีกล้ามเนื้อหลังแข็งแรง ยืดเส้นขา เข่า สะโพก และหลังไว้ การนั่งสมาธิคงเป็นสุขกว่านี้มาก
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์นะคะ ส่วนการปฏิบัติของอาจารย์โกเอ็นก้าจะเป็นการเฝ้าดูเวทนาที่เกิดขึ้นด้วยจิตที่เป็นอุเบกขาค่ะ สำหรับวิธีการดูนั้นแนะนำว่าควรเข้ารับการอบรมดีกว่าค่ะ
สำหรับผู้ที่สนใจ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thaidhamma.net/