[CR] เมื่อยัยอ้วนลากกระเป๋า ตะลุยเดี่ยวไชน่าแลนด์ Can’t Speak Chinese7

19 พ.ค 57 เช้าวันที่ 7 อากาศสดใสมากๆ ค่ะ ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า อาบน้ำ อาบท่า จากนั้นก็เอากระเป๋าไปฝากที่ ล็อบบี้และเช็คเอาท์ วันนี้ตั้งใจว่าจะนั่งแท๊กซี่ออกไปขึ้นกระเป๋า เพราะ 2 วันที่นั่งรถไปอู่หลิงหยวนระหว่างทางที่รถผ่านก็เห็นอยู่ว่าไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่ นั่งรถไปก็น่าจะประมาณ 10 หยวน เลยตั้งใจว่าไม่เดินดีกว่า จะได้ทำเวลาด้วย แต่ที่ไหนได้คุณเจ้าของโรงแรม Mr.Shi ใจดีค่ะ เดินไปส่งถึงที่(เล่นเอาเหนื่อยเลยค่ะ เพราะคุณเขาเดินเร็วมากๆ เราก็ต้องทำเวลาตามเขาสรุปถึงที่หมายแบบแหงื่อโชกทั้งๆที่อากาศตอนเช้าดีมากๆ ) คิดในใจเฮ้อ....ถึงซะที รีบจ้ำเข้าไปข้างในเลยค่ะ เพราะอยากที่จะขึ้นไปข้างบนเร็วๆ แต่ระหว่างทางเห็นนักท่องเที่ยวซื้อร่ม ซื้อเสื้อกันฝน กันใหญ่ ในใจก็สงสัยเอ๊..ฝนก็ไม่ตกอากาศก็ดี ซื้อกันทำไม แต่ก็ไม่สนใจอะไรรีบเข้าไปซื้อตั๋ว เพราะเห็นแว้บๆ ว่าคนเยอะมาก สรุปเยอะค่ะ คนเยอะจริงๆ แถมมีแซงกันด้วย เราก็ได้แต่ภาวนาเมื่อไหร่เขาจะเลิกแซงกันซะ สุดท้ายก็ไม่ได้ผลเอาวะ แซงมาก็ต้องแทรกกลับ โชคดีค่ะ ที่ตัดสินใจแบบนั้นไม่งั้นอย่าหวังว่าจะได้ตั๋ว

เมื่อได้นั่งกระเช้าขึ้นมาสักพัก ก็ถึงบางอ้อ....อ๋อมันเป็นแบบนี้นี่เองว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงได้แย่งกันซื้อเสื้อกันฝน เพราะฝนตกลงมาโครมใหญ่เล่นเอากระเช้าโอนเอนกันที่เดียว นั่งไปภาวนาไป โอ๊ยถึงซะที..สุดท้ายก็ถึงจุดหมายปลายทาง ลงจากกระเช้าได้รีบวิ่งไปห้องน้ำ อากาศหนาว...ฝนตกซู่ๆ ต่อมน้ำในร่างกายก็เริ่มทำงานต้องการปลดปล่อยอย่างแรง ยืนบิดไป บิดมาพักใหญ่กว่าจะได้เข้า โอ้แม่จ้าว....ค่อยยังชั่ว ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็ต้องลุยภารกิจพิชิตยอดเขากันต่อ อันดับแรกซื้อเสื้อฝนก่อนเลย (ทริปนี้เปลืองเสื้อกันฝนมาก เพราะถอดแล้วลืมเก็บกลับที่พักด้วย ตั้งแต่เฟิ่งหวงจนถึงเทียนเหมินซานซื้อเสื้อฝนไปแล้ว 3 ตัว) ทริคง่ายๆ สำหรับการเดินเที่ยวนะคะ กระเช้าจะไปจอดที่จุดสูงสุด จากนั้นเราก็จะเดินเรียบทางเดินโดยจะผ่านจุดสำคัญๆ ไปเรื่อยๆ ไต่ขอบหน้าผาแบบเสียวไปตลอดทาง แต่มันจ๊าบมาก(ศัพท์โบราณม๊าก มาก 555)


เสียดายค่ะ อุตส่าห์เดินทางไปหมื่นลี้ แต่ไม่ได้เดินบนสะพานแก้ว เพราะฝนตกหนักมาก อีกอย่างเจ้าหน้าที่ก็เอาป้ายมากั้นปิดทางเดิน ทำให้เดินเข้าไปไม่ได้ เสียดายค่ะ ตั้งใจสุดๆ ก็จะเดินให้ได้ สุดท้ายได้มาแต่นี้แหละค่ะ อย่างที่เห็นตามรูป



เดินมาสักพัก ก็ถึงจุดพัก แวะดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ และจากที่เห็นในรูปจะมีนักร้อง นักดนตรีพื้นบ้าน เขาจะมาร้องเพลง และบรรเลงดนตรีให้กับนักท่องเที่ยวฟังค่ะ ลักษณะน่าจะเหมือนลำตัดบ้านเรา เราฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่เข้าใจว่าน่าจะร้องชมนักท่องเที่ยวท่านหนึ่ง เพราะชี้ไปที่เขา ส่วนนักท่องเที่ยวท่านอื่นๆ ก็ปรบมือเฮอากันใหญ่ ใครถูกใจก็ให้ทริปไป เราเห็นมีคนให้เป็นร้อยหยวนเชียว (แอบนอกเรื่องเห็นผู้ชายที่เป่าขลุ่ยมั๊ยค่ะ พูดภาษาอังกฤษเก่งค่ะ เขาอธิบายทางให้เราฟังอย่างละเอียด บอกด้วยว่าเดินไปข้างหน้าจะเจอจุดท่องเที่ยวไหนบ้าง เชี่ย เชี่ย หนี่ค่ะ) เดินมาเรื่อยๆ จนถึงวัดแห่งนี้ค่ะ วัดเทียนเหมินซาน บรรยากาศดีค่ะ ฝนก็หยุดตกแล้วด้วย หมอกเต็มฟ้า แทบจะมองอะไรไม่เห็นเลยค่ะ แต่โชคดีสักพักก็จางหาย

หลังจากทำจิตใจให้สงบอยู่พักใหญ่ ฝนก็หยุดตก หมอกก็จางหาย ได้เวลาไปจุดเสียวสุดของทริปนี้แล้วค่ะ มินิเคเบิ้ลคาร์ โอย...แค่เห็นเสียวแล้วค่ะ เวลาที่เราจะขึ้น ต้องไปยืนตรงจุดที่เขาเตรียมไว้ให้ พอกระเช้าวนมาถึงเราก็เขยิบขึ้นไปนั่งได้เลย เจ้าหน้าที่เขาก็จะยกเหล็กมากั้นให้เรา และก็เพื่อล็อคไปในตัว บอกได้คำเดียวค่ะ เสียวสุดๆ และยิ่งระหว่างเสาแต่ละตัว เวลาเคเบิ้ลวิ่งผ่าน โอ๊ย...มือจิกราวเหล็กซะแน่นเพราะล้อเลื่อนจะสั่นกึกๆ ค่อยไหลไปอย่างช้าๆ เหมือนกับใจเราจะหยุดเต้นตาม แต่ผ่านไปสักพักเริ่มสนุกค่ะ ควักโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปใหญ่ (ไม่กล้าเอากล้องออกมาบอกตรงๆ มือสั่นค่ะ แค่โทรศัพท์ก็จิกซะแน่นค่ะ)


นั่งกระเช้าขึ้นไปถึงที่หมาย ก็มาถึงที่นี่ค่ะ วิวรอบๆ สวยมากๆ ค่ะ

ถ่ายรูปจนหนำใจ(สวยไม่สวยช่างมัน ขอให้ได้ถ่าย 555 ชอบอ่ะ) ท้องก็เริ่มร้องจ้อกๆ เคยอ่านรีวิวที่หลายท่านบอกไว้อาหารข้างบนราคาจะแพงหน่อยนึงให้พก อาหารขึ้นไปทานน่าจะดีกว่า แต่เราถือว่าเออไม่เป็นไรตัวคนเดียวกินง่ายๆ เอาแล้วกัน เลิยเดินลงไปห้องอาหารข้างล่าง เป็นจุดพักสำหรับนักท่องเที่ยว และแล้วก็ได้จานนี้มาค่ะ

สองร้อยกว่าบาท ก็อร่อยดีค่ะ รสชาติดีค่ะ เขาเรียกว่า “ข้าวหมูตุ๋นไต้หวันสไตล์” ประมาณนี้แหละค่ะ เยอะมากๆ คุ้มราคาค่ะ หลังจากอิ่มแปร้ ก็มีแรงเดินกันอีกรอบ ลงลิฟท์ ไปขึ้นกระเช้าเพื่อลงไปจุดจอดเคเบิ้ล(จุดจอดกลาง) จากนั้นก็นั่งรถบัสไปที่ประตูสวรค์
                
สวยค่ะ และอากาศก็ดีมากๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้เดินขึ้นไปข้างบน เพราะเดินไม่ไหวจริงๆ งานนี้ขอบายค่ะ เก็บบรรยากาศรอบๆ เอาดีกว่า เดินไปก็สะดุดกับเจ้าจานนี้ค่ะ ขอลองชิมดูซะหน่อย ก็อร่อยดีค่ะ กินเล่นเพลินได้ดีค่ะ

เอาล่ะถึงเวลาต้องกลับซะที เพราะกังวลเผื่อมีเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจะไปขึ้นรถไฟไม่ทัน จริงๆ จะว่าไปรถไฟที่จะอู่ฮั่น ออกเวลา 17.55 น.พูดไปเราก็มีเวลานะ มองดูนาฬิกาก็เพิ่งจะบ่าย 3 โมงครึ่งเอง พิจารณาอยู่นานว่าจะเอายังไงจะลองเสี่ยงขึ้นบันไดดูมั๊ยครึ่งทางก็ยังดีสุดท้ายความขี้เกียจก็เป็นฝ่ายชนะ ตัดสินใจนั่งรถบัสลงไปข้างล่างเพื่อขึ้นกระเช้าลงไปที่อาคารทางออกค่ะ  เดินเรื่อยๆ ชิล หาข้าวกินตรงร้านอาหารใกล้ๆ โรงแรม จากนั้นก็กลับไปโรงแรมขอใช้ไฟเพื่อเสียบไดร์เป่าผม เพราะตอนที่เดินระหว่างทางฝนตก ทำเอารองเท้าชื้นๆ นิดหน่อยก็เลยอยากทำให้แห้งซะก่อนที่จะขึ้นรถไฟ ไม่งั้นคงจะเหม็นกันทั้งขบวนเป็นแน่

เจ้าของก็ใจดีอนุญาตให้ใช้ซ้ำยังชาร์จแบตโทรศัพท์ด้วย แถมยังชงชามาให้กินอีก จิบชาไป รอไป ก็ถึงเวลาต้องกันจริงๆ สักที กะว่าไปขึ้นแท๊กซี่เอาหน้าปากซอย วิ่งไปแป๊บเดียวก็ถึงสถานีรถไฟแล้ว แต่ที่ไหนเหมือนเดิมค่ะ Mr.Shi แบกกระเป๋าไปส่งถึงสถานีเหมือนเดิม เราประทับใจมากๆ ค่ะ ตัดสินใจเลยว่าหากใครมาเที่ยวจางเจียเจี้ยเราจะแนะนำให้เขามาพักที่นี่ เพราะเจ้าของและภรรยานิสัยดี ใจดี และมีน้ำใจมากๆ ว่าแล้วก็ต้องลงแล้วค่ะ หุบเขาอวตาร ประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน หากชะตาต้องกันสักวันคงได้กลับมาเยือนอีกครา

สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้ค่ะ  19 พ.ค. 57

1.    ค่ากระเช้า Tainmainshan 258 Y
2.    ค่า Mini cable car 25 Y
3.     ค่าอาหาร 102 Y (รวมทั้งวันค่ะ บนรถไฟด้วย)
4.     ค่าแท๊กซี่จากสถานีรถไฟไปโฮสเทล 20 Y
•    สรุปวันนี้จ่ายไป 405  Y = 2,102 บาท อัตราแลกเปลี่ยนตอนที่แลกเงินไป 5.19 บาท ต่อหยวน
ชื่อสินค้า:   กทม - ฉางซา – เฟิ่งหวง – จางเจี่ยเจี้ย (อู่หลิงหยวน) – อู่ฮั่น – กว่างโจว – กทม ตอนที่ 7
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่