🌧️ ทำไมฝนถึงไป “กระหน่ำ” ที่หาดใหญ่?
1) หาดใหญ่รับอิทธิพลจาก
มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
ช่วงปลายปี–ปลายฤดูฝน
- ลมเย็นจากจีนพัดลงมา
- ผ่านอ่าวไทยที่มีไอน้ำจำนวนมาก
- ไอน้ำถูกยกตัว → กลายเป็นเมฆฝน
ผลคือ
ฝนกระจุกหนักที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะฝั่งอ่าวไทย
2) มีแนว
ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคใต้
ร่องฝนเป็นเหมือน “ถนนลม” ที่ดึงเอาเมฆฝนให้มาตกในเส้นนั้น
ถ้าร่องฝนขยับมาภาคใต้เมื่อไร → ภาคใต้โดนหนักที่สุดทันที ปีนี้ร่องฝนมาตรงพิกัดหาดใหญ่พอดี
3) อิทธิพลจาก
หย่อมความกดอากาศต่ำ / พายุหมุนเขตร้อน
พายุที่ก่อตัวในทะเลจีนใต้หรืออ่าวไทย แม้จะไม่เข้าไทยโดยตรง แต่
- ส่งลม
- ส่งไอน้ำ
ทำให้เกิด “ฝนเทเป็นผืนยาวหลายวัน” หาดใหญ่จึงอยู่บนเส้นทางของความชื้นในลักษณะนี้
4) ภูเขาล้อมรอบ → เกิดฝนแบบ “ยกตัวตามภูเขา”
หาดใหญ่ถูกล้อมด้วยภูเขาหลายด้าน เช่น เขาคอหงส์ เมื่อ
ลมอ่าวไทยพัดเข้ามาเจอภูเขา
- อากาศถูกยกตัว
- เมฆหนาขึ้น
- ตกหนักเฉพาะจุด (orographic rain)
นี่คือเหตุผลว่าทำไมฝนบางรอบตกหนักมาก “เฉพาะหาดใหญ่–สงขลา”
สรุป ฝนไปตกที่หาดใหญ่ เพราะ
-
มรสุม + ร่องฝน + ความชื้นจากอ่าวไทย + ภูเขา + ภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง ทำให้ “ฝนเทลงหาดใหญ่มากกว่าหลายจังหวัดอื่นในไทย” เป็นเรื่องเกิดเป็นประจำทุกปี แต่ปีนี้หนักเพราะความชื้นสะสมสูงและระบบมรสุมแรงเป็นพิเศษ
1. ภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ปัจจุบัน
- หาดใหญ่ประกาศ
เตือน “ธงแดง (red-flag)” น้ำท่วม เนื่องจากฝนตกหนักสะสมเป็นเวลาหลายวัน ปริมาณฝนย้อนหลัง 3 วัน สูงถึง
595 มม. ซึ่งถือเป็นระดับที่ “วิกฤต” และสูงกว่าภาวะน้ำท่วมใหญ่ในอดีตหลายปี
- พื้นที่เสี่ยงถูกกำหนดถึง
103 ชุมชนที่ควรเตรียมอพยพหรือย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง
- เส้นทางบางจุดและถนนสำคัญในเมือง (เช่น Saeng Sri Road, เขตตลาด Kim Yong) ถูกน้ำท่วม การจราจรได้รับผลกระทบอย่างหนัก
- ระดับน้ำใน “คลอง” บางสาย (เช่น Khlong Hwa) พุ่งสูง — ส่วนพื้นที่เก็บน้ำ (retention area) บางแห่ง “เต็มแล้ว” ต้องปล่อยน้ำออกเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้าง
- เขตพาณิชย์ของหาดใหญ่ได้รับผลกระทบหนัก — งานสัมมนาของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยถูกยกเลิกโดยประเมินความเสียหายอาจสูงถึง
500 ล้านบาท
- มีการอพยพประชาชนบางส่วน โดยเจ้าหน้าที่สั่งให้เคลื่อนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง
- ทั้งนี้ สนามบินหาดใหญ่
ยังเปิดให้บริการได้ตามปกติ แม้เส้นทางรางรถไฟถูกระงับบางส่วน เนื่องจากน้ำท่วมบนรางรถไฟ
2. วิเคราะห์สาเหตุและจุดเสี่ยง
- ฝนตกหนักต่อเนื่อง: ปริมาณฝนที่ตกสะสมนานหลายวันเป็นตัวขับหลักให้เกิดน้ำท่วม (595 มม. ภายใน 3 วัน) ซึ่งเป็นระดับ “เกินระบาย”ตามความสามารถของโครงสร้างระบายน้ำบางส่วน
- โครงสร้างระบายน้ำจำกัด: บางแอ่งน้ำ (basin) อย่างเช่น Khlong Plo, Khlong Rian ไม่มีระบบระบายน้ำขนาดใหญ่เพียงพอ ทำให้รองรับน้ำฝนได้จำกัด
- พื้นที่อุดมด้วยชุมชนเมือง: เมื่อระบายน้ำไม่ทัน น้ำก็ไหลเข้าสู่เขตชุมชนเมืองและเขตพาณิชย์อย่างรวดเร็ว กลายเป็น “แฟลชฟลัด” (flash flooding) ในบางจุด
- ความจุของอ่างเก็บน้ำ (retention area) ถูกใช้งานเต็ม: ทำให้ต้องปล่อยน้ำเข้าไปยังคลองอื่น ๆ ซึ่งเพิ่มภาระให้ระบบระบายน้ำภายในเมือง
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจ: เขตเศรษฐกิจ-ธุรกิจอย่างตลาดและโรงแรมได้รับผลกระทบรุนแรง ประชาชน-นักธุรกิจ-นักท่องเที่ยวลำบาก น้ำท่วมอาจส่งผลต่อต้นทุนการเสียโอกาสทางธุรกิจมาก.
“เปิดสาเหตุ น้ำท่วมหาดใหญ่ปีนี้หนักเป็นพิเศษ เกิดจากอะไร?”
1) หาดใหญ่รับอิทธิพลจาก มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
ช่วงปลายปี–ปลายฤดูฝน
- ลมเย็นจากจีนพัดลงมา
- ผ่านอ่าวไทยที่มีไอน้ำจำนวนมาก
- ไอน้ำถูกยกตัว → กลายเป็นเมฆฝน
ผลคือ ฝนกระจุกหนักที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะฝั่งอ่าวไทย
2) มีแนว ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคใต้
ร่องฝนเป็นเหมือน “ถนนลม” ที่ดึงเอาเมฆฝนให้มาตกในเส้นนั้น
ถ้าร่องฝนขยับมาภาคใต้เมื่อไร → ภาคใต้โดนหนักที่สุดทันที ปีนี้ร่องฝนมาตรงพิกัดหาดใหญ่พอดี
3) อิทธิพลจาก หย่อมความกดอากาศต่ำ / พายุหมุนเขตร้อน
พายุที่ก่อตัวในทะเลจีนใต้หรืออ่าวไทย แม้จะไม่เข้าไทยโดยตรง แต่
- ส่งลม
- ส่งไอน้ำ
ทำให้เกิด “ฝนเทเป็นผืนยาวหลายวัน” หาดใหญ่จึงอยู่บนเส้นทางของความชื้นในลักษณะนี้
4) ภูเขาล้อมรอบ → เกิดฝนแบบ “ยกตัวตามภูเขา”
หาดใหญ่ถูกล้อมด้วยภูเขาหลายด้าน เช่น เขาคอหงส์ เมื่อ ลมอ่าวไทยพัดเข้ามาเจอภูเขา
- อากาศถูกยกตัว
- เมฆหนาขึ้น
- ตกหนักเฉพาะจุด (orographic rain)
นี่คือเหตุผลว่าทำไมฝนบางรอบตกหนักมาก “เฉพาะหาดใหญ่–สงขลา”
สรุป ฝนไปตกที่หาดใหญ่ เพราะ
- มรสุม + ร่องฝน + ความชื้นจากอ่าวไทย + ภูเขา + ภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง ทำให้ “ฝนเทลงหาดใหญ่มากกว่าหลายจังหวัดอื่นในไทย” เป็นเรื่องเกิดเป็นประจำทุกปี แต่ปีนี้หนักเพราะความชื้นสะสมสูงและระบบมรสุมแรงเป็นพิเศษ
1. ภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ปัจจุบัน
- หาดใหญ่ประกาศ เตือน “ธงแดง (red-flag)” น้ำท่วม เนื่องจากฝนตกหนักสะสมเป็นเวลาหลายวัน ปริมาณฝนย้อนหลัง 3 วัน สูงถึง 595 มม. ซึ่งถือเป็นระดับที่ “วิกฤต” และสูงกว่าภาวะน้ำท่วมใหญ่ในอดีตหลายปี
- พื้นที่เสี่ยงถูกกำหนดถึง 103 ชุมชนที่ควรเตรียมอพยพหรือย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง
- เส้นทางบางจุดและถนนสำคัญในเมือง (เช่น Saeng Sri Road, เขตตลาด Kim Yong) ถูกน้ำท่วม การจราจรได้รับผลกระทบอย่างหนัก
- ระดับน้ำใน “คลอง” บางสาย (เช่น Khlong Hwa) พุ่งสูง — ส่วนพื้นที่เก็บน้ำ (retention area) บางแห่ง “เต็มแล้ว” ต้องปล่อยน้ำออกเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้าง
- เขตพาณิชย์ของหาดใหญ่ได้รับผลกระทบหนัก — งานสัมมนาของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยถูกยกเลิกโดยประเมินความเสียหายอาจสูงถึง 500 ล้านบาท
- มีการอพยพประชาชนบางส่วน โดยเจ้าหน้าที่สั่งให้เคลื่อนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง
- ทั้งนี้ สนามบินหาดใหญ่ ยังเปิดให้บริการได้ตามปกติ แม้เส้นทางรางรถไฟถูกระงับบางส่วน เนื่องจากน้ำท่วมบนรางรถไฟ
2. วิเคราะห์สาเหตุและจุดเสี่ยง
- ฝนตกหนักต่อเนื่อง: ปริมาณฝนที่ตกสะสมนานหลายวันเป็นตัวขับหลักให้เกิดน้ำท่วม (595 มม. ภายใน 3 วัน) ซึ่งเป็นระดับ “เกินระบาย”ตามความสามารถของโครงสร้างระบายน้ำบางส่วน
- โครงสร้างระบายน้ำจำกัด: บางแอ่งน้ำ (basin) อย่างเช่น Khlong Plo, Khlong Rian ไม่มีระบบระบายน้ำขนาดใหญ่เพียงพอ ทำให้รองรับน้ำฝนได้จำกัด
- พื้นที่อุดมด้วยชุมชนเมือง: เมื่อระบายน้ำไม่ทัน น้ำก็ไหลเข้าสู่เขตชุมชนเมืองและเขตพาณิชย์อย่างรวดเร็ว กลายเป็น “แฟลชฟลัด” (flash flooding) ในบางจุด
- ความจุของอ่างเก็บน้ำ (retention area) ถูกใช้งานเต็ม: ทำให้ต้องปล่อยน้ำเข้าไปยังคลองอื่น ๆ ซึ่งเพิ่มภาระให้ระบบระบายน้ำภายในเมือง
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจ: เขตเศรษฐกิจ-ธุรกิจอย่างตลาดและโรงแรมได้รับผลกระทบรุนแรง ประชาชน-นักธุรกิจ-นักท่องเที่ยวลำบาก น้ำท่วมอาจส่งผลต่อต้นทุนการเสียโอกาสทางธุรกิจมาก.