มีจิตวิทยาอะไรไหมที่จะทำให้พ่อเราเลิกเป็นคนดีเที่ยวให้เงินคนอื่นในขณะที่ตัวเองยังลำบาก!

จริงๆแล้วนี่กำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ในครอบครัว รู้ว่าเรื่องบางเรื่องควรจะหาทางแก้กันเองและทำความเข้าใจกัน แต่ในบางครั้งมันก็เกินกว่าสมาชิกจะช่วยกันแก้ไขได้ เราเหนื่อยและจนปัญญามาก อยากจะช่วยสถานะการเงินในบ้านแต่จะทำยังไง เมื่อพ่อยังมองเราเป็นเด็กและไม่ฟังความเห็นใครในบ้านทั้งนั้น เราอยากขอคำปรึกษาและแนวทาง เราไม่อยากยืมล็อกอินใครมาใช้ เราเลยสมัครเอง และนี่เป็นเรื่องจริงล้านเปอร์เซนต์ ไม่ใช่นิยายค่ะ รับฟังเราหน่อยนะคะ...

  พ่อเราเป็นคนขี้สงสาร เป็นคนใจดีและรักพี่น้องมาก ครอบครัวเราเป็นครอบครัวแบบกงสี เป็นธุรกิจสืบทอดจากรุ่นปู่ ปู่มีลูกชาย4คน ลูกชายคนโตสองคนแยกตัวออกไปเปิดกิจการตัวเอง ธุรกิจนี้เลยเป็นของพ่อกับพี่ชายพ่อคือลุงเรา หารครึ่งกัน ทุกสิ่งอย่างไปได้ดีแม้หลังปู่เราเสีย แม่และป้าเราแต่งเข้าและมาช่วยดูแลกิจการ เนื่องจากพ่อกับลุงเราไม่ได้จบปริญญา ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานหนักมากนัก เนื่องจากตลอดชีวิตของพวกเขาเกิดบนความสบายระดับนึง ไม่เคยต้องมาลำบากมาก่อนแบบพวกแม่เรา พูดง่ายๆว่า ลุงกับพ่อเรามีหน้าที่คือเป็นเจ้าของอย่างเดียว เลยทำให้การบริหารงานส่วนใหญ่เป็นงานของแม่เราแทบทั้งหมด แต่เรื่องการเบิกค่าใช้จ่ายต่างๆในบ้าน คนที่มีสิทธินี้ก็คือพ่อกับลุงเราเท่านั้น  ...
  
  ปัญหามันเริ่มต้นจากพี่ชายคนโตที่แยกตัวออกไปเปิดกิจการ เขากลับมายืมเงินพ่อเรา2ล้าน ขอเกริ่นนิดนึงว่าลุงเราคนนี้จริงๆแล้วรวยมากๆ ปัจจุบันแกก็ยังส่งลูกๆแกเรียนเมืองนอก แกเริ่มล้มละลายเนื่องจากการลงทุนในตลาดหุ้นที่ผิดพลาด เราเองก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้มากนัก เลยไม่รู้ว่าแกขาดทุนจากอะไร แต่ถึงขาดทุนยังไง ก็มั่นใจได้ว่าลุงเราคนนี้ก็ยังมีเงินเก็บอีกมาก แต่เพราะไม่อยากฟักเนื้อตัวเอง เลยต้องมาทำดีกับพ่อเราทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคย เราจำได้ว่าพ่อเราเคยป่วยหนักเข้า รพ อาการ50 50 เชื่อไหมคะว่าในห้องนั้น มีแต่แม่เรา เราและอาม่า ก็คือแม่ของพ่อ ที่เป็นคนหมั่นไปดูแลเฝ้าไข้และสวดภาวนาตลอด ทั้งที่พี่น้องแสนดีของเขามากมาย ไม่เคยเลย... ไม่มีใครมาเยี่ยมพ่อเราเลยสักคนเดียว...
  
    สุดท้ายพ่อเราก็เซ็นต์เช็คเงินของที่บ้านไปให้ลุงคนนี้ยืม หลังจากนั้นพี่น้องบางคนก้มีแวะเวียนมาขอยืมที่ยืมเงิน ยืมโกดังบ้าง พ่อกับลุงด้วยความขี้เกรงใจ ด้วยความรักพี่ หรือจะยังไงก็แล้วแต่ ก็ให้ยืมไปทุกครั้ง   ...และไม่เคยเลย ไม่เคยแม้แต่จะหยุดคิด หรือปรึกษาหารือกับแม่เรา กับสมาชิกคนอื่นๆในครอบครัว เพราะทุกครั้งที่มีใครสักคนห้าม จากผู้ชายใจดีจะเริ่มขึ้นเสียงใส่ และต่อว่า ว่านี่เป็นเงินของเขา เขาคือเจ้าของ และนั่นคือพี่ชาย เขาจะให้เท่าไรก็ได้ "เพราะความเป็นพี่น้อง"

     เราได้ยินคำนี้มานานจนเริ่มรู่สึกว่า นี่ไม่ใช่แล้วนะ ปัญหาคือพี่ชายของพ่อคนนั้น "ไม่" เคยเลย แม้จะกลับมาคืนเงินครบ พ่อเราไม่เคยคิดดอก ได้แต่จ่ายๆๆ แถมยังต้องมานั่งแบบหน้าที่จ่ายดอกให้ธนาคารอีก แต่พ่อเราไม่เคยต้องมานั่งรับรู้คอยจัดการภาระเหล่านั้น แม่เราที่ทำบัญชี แม้จะบอก เตือนยังไงถึงผลเสียของการให้ยืมกับคนที่ไม่มีวันคืน พ่อเราก็ไม่เคยรับฟัง บางทีเราเสียใจมาก พอเราเข้าไปพูดบ้าง พ่อเราก็จะชอบบอกว่า "มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่" จนในวันนี้เราว่าเราก็โตพอจนไม่เด็กแล้ว พ่อเราก็ยังคงพูดย้ำๆแบบนั้น เขาไม่เคยเปิดใจรับฟังเราเลย

     แม่เราเคยบอกว่า พ่อกับลุงเราจบไม่สูง ไม่เคยออกไปทำงานหนัก ไม่เคยรู้ว่า ค่าของเงิน มันคืออะไร เลยกลายเป็นคนที่ใช้เงินไม่เป็น ลุงเราก็ชอบเอาเงินเที่ยวไปให้ชาวบ้าน คนแถวบ้านมากมายรักและป้อยอ สรรเสริญลุงเรา และ ลุงเราก็ยังคงมัวเมาไปกับฉากแสนหรูของคนมากมายที่หวังผลประโยชน์อยู่หลังหน้ากากสวยอันนั้น...

  "บางทีแม่ก็ไม่แน่ใจ ว่าพ่อแกรักพี่น้องเขาหรือครอบครัวเรามากกว่ากัน..."   นี่คือคำพูดจากปากแม่เรา ในวันนึง ที่กำลังเฝ้าไข้พ่อ เรายิ่งเจ็บปวด เพราะหลังจากวันนั้น พี่น้องคนนึงมาเยี่ยมพ่อ แต่ไม่ได้มาเพราะเป็นห่วงในฐานะพี่ชาย เขามาเพราะตอนนั้นหวังจะคุยเรื่องยืมโกดังจากพ่อเรา เราแย่มาก เรารู้ว่าด้วยวัยอย่างเรา เราไม่มีสิทธิไปจุ้นจ้านเรื่องการเงินในครอบครัวมากนัก แต่ทำไมเราต้องโดนห้าม ทำไมเราจะเข้าไปยุ่งไม่ได้ ทำไมต้องเป็นเรื่องของผู้ใหญ่! ในเมื่อมันก็คืออนาคตของเราด้วย ครอบครัวลุงจริงๆแล้วเขามีทุกอย่างมากมาย ลูกๆเขาก็โต จบมาทำงานดูแลตัวเองได้หมดแล้ว ก็มีแต่บ้านเราที่ยังเอาตัวกันไม่รู้จะรอดหรือเปล่า แต่ทำไมพ่อเราต้องตัดสินใจเรื่องนี้ทุกครั้งเพราะไอคำค้ำคอว่า "พี่น้อง" มากกว่า "อนาคตของครอบครัวด้วย"

  ปัจจุบันคนนั้นกำลังทำท่าจะมายืมเงินเพิ่มอีกล้านค่ะ เรารู้ว่าถ้ายังปล่อยไปแบบนี้ สุดท้ายก็จะต้องมาตกอีหรอบเดิมๆ จริงๆพอมาคิดเงินที่ได้หักลบรายจ่ายไป พวกเราก็ไม่ได้เป็นธุรกิจที่ร่ำรวยเลย มีหนี้ด้วยซ้ำ แถมพ่อเราก็ยังต้องใช้จ่ายอีกมาก เรากับน้องก็ยังเรียนไม่จบ แล้วทำไมเรายังต้องมาโดนเอาเปรียบแบบทำอะไรไม่ได้อย่างนี้ด้วย เราอยากจะหาสักวิธี เพื่อมาพูด มาเปลี่ยนความคิดที่ยึดติด เราอยากให้พ่อเราตาสว่างเรื่องนี้  แต่เราไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เราอยากจะช่วยแต่เราไม่รู้จะพูดยังไงกับพ่อเราดี มีใครพอจะมีวิธี จิตวิทยา หรืออะไรก็ได้ ในฐานะเด็ก20ปีคนนี้ที่พอจะช่วยดึงพ่อเขาออกจากบ่วงกรรมเดิมๆแบบนี้ซะที...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่