ประสบการณ์โดยตรงจากคนเป็นลูก ก่อนอื่นต้องขอเล่าประวัติของแม่ตั้งแต่ตอนเริ่มเป็นครูซักเล็กน้อย
แม่เราเป็นครูบรรจุตอนอายุ26 ปี ปัจจุบัน 53 ปี บรรจุครั้งแรกที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนใต้ซึ่งอยู่ในชนบท และย้ายกลับมาเรื่อยๆจนตอนนี้สอนอยู่ในโรงเรียนใกล้บ้านในจังหวัดบ้านเกิดมา20 กว่าปี แม่ไม่เคยลาโดยไม่มีเหตุจำเป็น ไม่เคยขาดสอนเพราะกลัวว่าจะสอนไม่ทันกับเนื้อหาที่มีมากมายในการสอนแต่ละเทอม ดังนั้นในประวัติการลาของแม่จึงมีลาคลอด ซึ่งเมื่อก่อนอนุญาตให้ลาได้แค่ 1 เดือน และเดือนที่ลาก็เป็นเดือนพฤษภาคนซึ่งเป็นช่วงปิดเทอม กับลาป่วยเพราะเป็นไข้ต้องเข้าโรงพยาบาล รวม 2 ครั้ง
แต่ก่อนแม่ก็เป็นครูเหมือนครูคนอื่นทั่วไปที่ไปเช้า เย็นกลับ ทำงานไปเรื่อยๆ (ต้องขอบอกก่อนเลยนะค่ะว่าแม่ไม่ได้จบวุฒิครูมา ซึ่งเมื่อก่อนเขาสามารถใช้วุฒิอื่นสอบได้ แต่แม่มาเรียนครูเพิ่มเติมในตอนหลังและจบด้วยเกรดเฉลี่ยสูงสุด แอบปลื้มแทน) จนเมื่อครูฝ่ายวิชาการคนเก่าเขาเกษียณอายุราชการ ผอ.โรงเรียนตอนนั้นก็เลยให้แม่มาเป็นหัวหน้าฝ่ายวิชาการแทน
ด้วยนิสัของแม่เป็นคนเอาจริงเอาจังกับงาน ทุกอย่างต้องดีที่สุด เลิศที่สุด ทำให้แม่ทุ่มเทกับงานมาก ตอนนั้นเรายังอยู่ประถมก็ไม่ได้เข้าใจอะไรแม่มากมาว่าทำไมต้องขนงานกลับมาทำที่บ้าน ทำไมเสาร์ อาทิตย์ต้องไปทำงานที่โรงเรียนอีก ทั้งที่เมื่อก่อนเวลาเสาร์ อาทิตย์พ่อ แม่ และเราจะเข้าไปดูสวน แต่คราวนี้พ่อเราต้องไปสวนคนเดียว บางครั้งก็ต้องใส่ปุ๋ยยางพาราเองคนเดียว ซึ่งแต่ละสวนก็ใส่ไม่ต่ำกว่า15กระสอบ พ่อต้องใส่คนเดียว แต่พ่อก็ไม่เคยบ่นนะ เพราะเวลากลับจากสวนแม่เราก็จะทำกับข้าว ซื้อน้ำมาให้ตลอด
ปัญหาจริงๆมันเริ่มที่แม่เห็นอาจารย์คนอื่นๆในโรงเรียนทำ คศ.3 แม่ก็เลยอยากทำบ้าง โดยเสาร์อาทิตย์ก็มีไปอบรมโน่น นี่ นั่น นัดกันเข้ากลุ่มของเพื่อนอาจารย์ที่เขามันมีอบรมกันเป็นประจำ ตอนนั้นเราอยู่ม.ปลาย แม่ก็ส่งเงินให้ทุกสัปดาห์เพราะเราต้องไปอยู่หอเนื่องจากโรงเรียนประจำจังหวัดที่เรียนอยู่ไกลบ้าน ต้องเดินทางประมาณ 60 กิโลเมตร ตอนนั้นเราก็ไม่รู้สึกอะไรนะ เพราะว่าจะกลับมาบ้านแค่ช่วงเสาร์ อาทิต์เท่านั้น และทุกครั้งที่กลับมาบ้านคือแม่จะอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วนั่งพิมพ์งาน แม่เราจะเป็นคนที่กลับจากโรงเรียนแล้วต้องนอนก่อนแล้วจะตื่นมาอาบน้ำประมาณสี่ทุ่ม จากนั้นก็จะนั่งทำงานต่อจนประมาณตีสองหรือบางครั้งก็ตีสี่แล้วจะตื่นประมาณตีห้าอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน
เวลาที่เรากลับมาบ้านแม่ก็จะให้เราช่วยแก้ผลงานที่เป็นสื่อการสอน แต่เนื่องจากมันมีรูปเยอะมาก อ้อ ลืมบอกไป แม่เราทำผลงานในวิชาภาษาไทยเรื่องชนิดของคำและจะมีสื่อการเรียนการสอนเยอะมาก เราเองก็แก้ได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วเวลาที่กำหนดส่งผลงานก็ใกล้มาถึงแต่เหมือนงานของแม่ยังไม่คืบหน้า คืนนั้นเรานอนกับพ่อที่หน้าโทรทัศน์โดยปูฟูกนอนกัน แล้วแม่ก็กรี๊ด เราสะดุ้งตื่นกลางดึก แม่ทุบคืบอดร์และคลิกเมาท์รัวๆแบบคนอารมณ์โมโห และได้ยินเสียงแม่บ่นว่าคอมค้าง ก็คงเป็นเพราะแม่ใช้งานมาอย่างหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง เรากับพ่อมองหน้ากัน พ่อเองส่ายหน้าว่าไม่ให้เข้าไปยุ่งเพราะแม่กำลังโมโหเดี๋ยวจะโดนเหวี่ยง เราเลยข่มตานอนต่อ
คศ.3 ชีวิตที่ต้องแลกมากับอะไรหลายๆอย่าง
แม่เราเป็นครูบรรจุตอนอายุ26 ปี ปัจจุบัน 53 ปี บรรจุครั้งแรกที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนใต้ซึ่งอยู่ในชนบท และย้ายกลับมาเรื่อยๆจนตอนนี้สอนอยู่ในโรงเรียนใกล้บ้านในจังหวัดบ้านเกิดมา20 กว่าปี แม่ไม่เคยลาโดยไม่มีเหตุจำเป็น ไม่เคยขาดสอนเพราะกลัวว่าจะสอนไม่ทันกับเนื้อหาที่มีมากมายในการสอนแต่ละเทอม ดังนั้นในประวัติการลาของแม่จึงมีลาคลอด ซึ่งเมื่อก่อนอนุญาตให้ลาได้แค่ 1 เดือน และเดือนที่ลาก็เป็นเดือนพฤษภาคนซึ่งเป็นช่วงปิดเทอม กับลาป่วยเพราะเป็นไข้ต้องเข้าโรงพยาบาล รวม 2 ครั้ง
แต่ก่อนแม่ก็เป็นครูเหมือนครูคนอื่นทั่วไปที่ไปเช้า เย็นกลับ ทำงานไปเรื่อยๆ (ต้องขอบอกก่อนเลยนะค่ะว่าแม่ไม่ได้จบวุฒิครูมา ซึ่งเมื่อก่อนเขาสามารถใช้วุฒิอื่นสอบได้ แต่แม่มาเรียนครูเพิ่มเติมในตอนหลังและจบด้วยเกรดเฉลี่ยสูงสุด แอบปลื้มแทน) จนเมื่อครูฝ่ายวิชาการคนเก่าเขาเกษียณอายุราชการ ผอ.โรงเรียนตอนนั้นก็เลยให้แม่มาเป็นหัวหน้าฝ่ายวิชาการแทน
ด้วยนิสัของแม่เป็นคนเอาจริงเอาจังกับงาน ทุกอย่างต้องดีที่สุด เลิศที่สุด ทำให้แม่ทุ่มเทกับงานมาก ตอนนั้นเรายังอยู่ประถมก็ไม่ได้เข้าใจอะไรแม่มากมาว่าทำไมต้องขนงานกลับมาทำที่บ้าน ทำไมเสาร์ อาทิตย์ต้องไปทำงานที่โรงเรียนอีก ทั้งที่เมื่อก่อนเวลาเสาร์ อาทิตย์พ่อ แม่ และเราจะเข้าไปดูสวน แต่คราวนี้พ่อเราต้องไปสวนคนเดียว บางครั้งก็ต้องใส่ปุ๋ยยางพาราเองคนเดียว ซึ่งแต่ละสวนก็ใส่ไม่ต่ำกว่า15กระสอบ พ่อต้องใส่คนเดียว แต่พ่อก็ไม่เคยบ่นนะ เพราะเวลากลับจากสวนแม่เราก็จะทำกับข้าว ซื้อน้ำมาให้ตลอด
ปัญหาจริงๆมันเริ่มที่แม่เห็นอาจารย์คนอื่นๆในโรงเรียนทำ คศ.3 แม่ก็เลยอยากทำบ้าง โดยเสาร์อาทิตย์ก็มีไปอบรมโน่น นี่ นั่น นัดกันเข้ากลุ่มของเพื่อนอาจารย์ที่เขามันมีอบรมกันเป็นประจำ ตอนนั้นเราอยู่ม.ปลาย แม่ก็ส่งเงินให้ทุกสัปดาห์เพราะเราต้องไปอยู่หอเนื่องจากโรงเรียนประจำจังหวัดที่เรียนอยู่ไกลบ้าน ต้องเดินทางประมาณ 60 กิโลเมตร ตอนนั้นเราก็ไม่รู้สึกอะไรนะ เพราะว่าจะกลับมาบ้านแค่ช่วงเสาร์ อาทิต์เท่านั้น และทุกครั้งที่กลับมาบ้านคือแม่จะอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วนั่งพิมพ์งาน แม่เราจะเป็นคนที่กลับจากโรงเรียนแล้วต้องนอนก่อนแล้วจะตื่นมาอาบน้ำประมาณสี่ทุ่ม จากนั้นก็จะนั่งทำงานต่อจนประมาณตีสองหรือบางครั้งก็ตีสี่แล้วจะตื่นประมาณตีห้าอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน
เวลาที่เรากลับมาบ้านแม่ก็จะให้เราช่วยแก้ผลงานที่เป็นสื่อการสอน แต่เนื่องจากมันมีรูปเยอะมาก อ้อ ลืมบอกไป แม่เราทำผลงานในวิชาภาษาไทยเรื่องชนิดของคำและจะมีสื่อการเรียนการสอนเยอะมาก เราเองก็แก้ได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วเวลาที่กำหนดส่งผลงานก็ใกล้มาถึงแต่เหมือนงานของแม่ยังไม่คืบหน้า คืนนั้นเรานอนกับพ่อที่หน้าโทรทัศน์โดยปูฟูกนอนกัน แล้วแม่ก็กรี๊ด เราสะดุ้งตื่นกลางดึก แม่ทุบคืบอดร์และคลิกเมาท์รัวๆแบบคนอารมณ์โมโห และได้ยินเสียงแม่บ่นว่าคอมค้าง ก็คงเป็นเพราะแม่ใช้งานมาอย่างหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง เรากับพ่อมองหน้ากัน พ่อเองส่ายหน้าว่าไม่ให้เข้าไปยุ่งเพราะแม่กำลังโมโหเดี๋ยวจะโดนเหวี่ยง เราเลยข่มตานอนต่อ