ทุกวันนี้ คนที่ใช้อินเทอร์เน็ต เล่นเว็บบอร์ดไรต่างๆ เป็นประจำ จะรู้ว่า การโต้เถียง ด่าทอ สาดข้อความเจ็บแสบให้แก่ฝ่ายตรงข้ามที่ไม่เห็นด้วย คิดไม่เหมือนกัน เชื่อคนละอย่าง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยมาก และถ้อยคำก็ดูจะรุนแรง ก้าวร้าวขึ้นทุกวัน
ยิ่งถ้ามีฝ่ายหนึ่งเริ่มก่อน ก็ยิ่งไม่มีใครอยากยอมใคร อาจเพราะด้วยการเล่นเน็ต เราสามารถพิมพ์คุยโดยที่ไม่เห็นหน้าค่าตา คนเราก็ยิ่งพิมพ์โดยไม่ต้องเกรงใจกันมากขึ้น หรืออาจเป็นเพราะเราได้เสรีภาพมากเกินไป เราเลยเริ่มไม่ชินกับการที่จะโดนใครขัดแย้งความคิดไรต่างๆ ก็เลยเป็นต้นเหตุให้รู้สึกว่าอยากโพสธรรมะ รวมถึงนำแง่คิด ประสบการณ์ของตัวเองมาเป็นแบบอย่างเพื่อเตือนใจกับการเสพข่าวดารา บันเทิง
อยากจะเล่าประวัติ วีรกรรมของตัวเองสักหน่อย
สมัยก่อนก็อยู่ในวังวนการด่าทอมาก่อนเช่นกัน คือเคยเป็นทั้ง ผู้ด่าคนอื่น และผู้ถูกด่า
ด่าคนอื่นยังไงมาบ้าง
- ดาราคนไหนที่ไม่ชอบ ขัดกับความคิด มาตรฐานของตัวเอง เช่นแต่งตัวโป๊ ก็จะด่า
(ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเค้า โดยมักจะอ้างว่า นี่แหละคือตัวอย่างที่ไม่ดีของสังคม ซึ่งถ้าทำกันมากๆ ก็จะส่งอิทธิพลให้คนเคยชินกับอะไรพวกนี้ แต่ ถ้าเป็นฝั่งดาราที่ชอบถูกด่า ก็จะบอกว่า คนในสังคมควรจะแยกแยะให้เป็น หรือ ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยู่ใกล้กว่ายังดูแลลูกหลานไม่ได้ แล้วจะมาโทษตัว ดาราได้อย่างไร... เป็นต้น)
- ดาราคนไหนไม่ชอบอคติ แค่หน้าตาไม่ถูกชะโลก หรือไม่ถูกใจ ก็ด่าแล้ว โดยที่ไม่มีเหตุผลสมควร เหตุผลน้อยกว่าในข้อแรกด้วยซ้ำ
- เวลาเกิดเกาเหลา คนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม คิดไม่เหมือนกัน เชื่อไม่เหมือนกัน ก็จะด่า (ทั้งที่ความจริงเป็นยังไงก็ไม่ได้รู้ดีนัก แต่แค่เลือกจะเชื่อในสิ่งที่อยากจะเชื่อ)
- ตั้งกระทู้แล้วคนเข้ามาตอบขัดแย้ง ไม่เห็นด้วย ติเตียนดาราที่ชอบ สิ่งที่ชอบ รายการที่ชอบก็จะด่า ทั้งๆที่ความชอบคนเรามันก็ไม่เหมือนกัน และถ้าเราไม่เปิดใจรับฟังคำติเตียน หรือความคิดเห็นต่าง แบบนั้นก็ไม่รู้จะตั้งกระทู้ไปทำไม
เคยด่าคนอื่นมาขนาดนั้น วันหนึ่งคิดได้ ก็รู้สึกกลัวบาปมาก และคิดว่านี่แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง เรายังต้องเถียงกันเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น แล้วอีกหน่อยถ้าเจอเรื่องใหญ่ๆในชีวิต เราจะให้อภัยคนอื่นได้หรอ
แล้วบอกเลยว่า ยิ่งด่าคนอื่นมากเท่าไร เสียงด่ามันก็จะสะท้อนก้องอยู่ในหัว มันจะตามหลอกหลอนคุณไปอย่างยากที่จะสลัดทิ้ง ยิ่งทำคนอื่นไว้เจ็บแสบเผ็ดร้อนเท่าไร วันที่คิดได้ก็จะยิ่งเสียใจ หวาดกลัวมากเท่านั้น แล้วที่สุด คุณก็จะถูกด่าคืน แล้ววันนั้นแหละ คุณจะรู้ซึ้งว่า การด่าคนอื่นน่ะมันเป็นเรื่องง่าย แต่การถูกคนอื่นด่าแล้วทำใจให้ลืมๆไปเนี่ยมันเป็นเรื่องยากนัก....
แล้วเถียง ด่า โต้ตอบอย่างรุนแรง แม้อีกฝ่ายจะย่อยยับแพ้พ่าย เราได้ความสะใจกลับมา แต่สุดท้าย เราควรจะถามตัวเองต่อว่า
“ชีวิตเรามันดีขึ้นตรงไหน” !!!!! โกรธเกลียดกันไปมา แล้ว “ชีวิตเรามันดีขึ้นตรงไหน” !!!!! คนที่เรามองเป็นศัตรูตกต่ำ ล่มจมสมใจเรา แล้ว “ชีวิตเรามันดีขึ้นตรงไหน” !!!!!
เคยได้ยินคำพูดที่ว่า ถ้ามีคนหนึ่งเริ่มเรื่อง อีกคนต้องอย่าสานต่อ
ถ้าเขาเป็นไฟ เราอย่าเป็นลม พัดโหมให้ไฟมันลาม
ถ้าเขาเป็นไฟ เราอย่าเป็นฟืน เติมเชื้อให้ไฟมันไม่ดับ
ถ้าเขาเป็นไฟ เราอย่าเป็นไฟ เพราะจะลุกไหม้ลามบานปลายไปใหญ่
ถ้าเขาเป็นไฟ ให้เราจงเป็นน้ำ ใช้ความเย็นดับไฟ
สิ่งที่ควรทำเวลาเสพข่าว
1. มีสติคิดให้รอบครอบว่าข่าวนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ อย่าพึ่งรีบเชื่อ เพราะข่าวมันง่ายที่ลอยมาทางนู้นทีทางนี้ที อย่ารีบด่วนตัดสินดาราคนนั้นคนนี้ว่าเป็นอย่างงั้นอย่างงี้ เพราะเราไม่ได้รู้จักเค้าจริงๆ
2. ถ้าความคิดเห็นไม่ตรงกัน ควรแลกเปลี่ยนความคิด ด้วยการติเพื่อก่อ ไม่ใช่ติเพื่อทำลาย กำจัดฝ่ายตรงข้ามให้หมดไป การพูดตรง พูดความจริงเป็นสิ่งดี แต่เราควรเลือกวิธีการพูด เลือกเฟ้นคำให้มันฟังแล้วนุ่มนวล ไม่ถากถางกันจะดีกว่า
3.ถ้าได้ยินข่าวดาราเสียๆหายๆ แล้วรู้สึกสะใจ กับการรับรู้ความไม่ดีของคนอื่น (อันนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคน ที่ชอบรู้เรื่องไม่ดีคนอื่น เพราะทำให้รู้สึกว่า ดาราก็เป็นคนธรรมดาคนนึง ไม่ได้ดีวิเศษไปกว่าเรา หรือมันจะเป็นความชอบอยากรู้เรื่องคนอื่นอะไรก็ตาม) ให้รีบรู้ตัวเร็วๆ แล้วรีบตั้งสติ แล้วถามตัวเองว่า แล้ว “มันทำให้ชีวิตเราดีขึ้นอย่างไร” กับการที่ชีวิตคนอื่นแย่ลง
***4.พยายามมองด้วย”ความเข้าใจ” ว่าดาราก็คน การทำผิดพลาดในเรื่องต่างๆเป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้นเราจะไม่รู้สึกผิดหวังแบบรุนแรงเกินไป รวมถึงไม่โกรธแค้นจนเกินไป ทั้งนี้ไม่ได้ให้เราละเลยคนทำผิด คนผิดก็ว่ากันไปตามผิด อาจตำหนิติเตือน หรือลงโทษตามสมควร แต่ไม่ควรซ้ำซาก เช่น เจอไอ้ดาราคนนี้ที่ไหนก็เอาความผิดเดิมๆมาแปะที่หน้าผากเค้า และถ้าให้อภัยได้ก็ควรจะให้อภัยกัน โดยเฉพาะถ้าดาราหรือแม้กระทั่งศัตรูทั้งหลายในชีวิตจริงทำผิดแล้วสำนึกผิดต่อสิ่งที่ทำลงไปแล้วจริงๆ
5.อย่าจริงจังกับข่าวมาก รวมถึงเข้าใจว่า ข่าวอะไรก็ตามผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
เครดิตภาพประกอบ : เพจ Dungtrin,ธนาคารความสุข
ธรรมะกับการเสพข่าวดารา บันเทิง
ยิ่งถ้ามีฝ่ายหนึ่งเริ่มก่อน ก็ยิ่งไม่มีใครอยากยอมใคร อาจเพราะด้วยการเล่นเน็ต เราสามารถพิมพ์คุยโดยที่ไม่เห็นหน้าค่าตา คนเราก็ยิ่งพิมพ์โดยไม่ต้องเกรงใจกันมากขึ้น หรืออาจเป็นเพราะเราได้เสรีภาพมากเกินไป เราเลยเริ่มไม่ชินกับการที่จะโดนใครขัดแย้งความคิดไรต่างๆ ก็เลยเป็นต้นเหตุให้รู้สึกว่าอยากโพสธรรมะ รวมถึงนำแง่คิด ประสบการณ์ของตัวเองมาเป็นแบบอย่างเพื่อเตือนใจกับการเสพข่าวดารา บันเทิง
อยากจะเล่าประวัติ วีรกรรมของตัวเองสักหน่อย
สมัยก่อนก็อยู่ในวังวนการด่าทอมาก่อนเช่นกัน คือเคยเป็นทั้ง ผู้ด่าคนอื่น และผู้ถูกด่า
ด่าคนอื่นยังไงมาบ้าง
- ดาราคนไหนที่ไม่ชอบ ขัดกับความคิด มาตรฐานของตัวเอง เช่นแต่งตัวโป๊ ก็จะด่า
(ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเค้า โดยมักจะอ้างว่า นี่แหละคือตัวอย่างที่ไม่ดีของสังคม ซึ่งถ้าทำกันมากๆ ก็จะส่งอิทธิพลให้คนเคยชินกับอะไรพวกนี้ แต่ ถ้าเป็นฝั่งดาราที่ชอบถูกด่า ก็จะบอกว่า คนในสังคมควรจะแยกแยะให้เป็น หรือ ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยู่ใกล้กว่ายังดูแลลูกหลานไม่ได้ แล้วจะมาโทษตัว ดาราได้อย่างไร... เป็นต้น)
- ดาราคนไหนไม่ชอบอคติ แค่หน้าตาไม่ถูกชะโลก หรือไม่ถูกใจ ก็ด่าแล้ว โดยที่ไม่มีเหตุผลสมควร เหตุผลน้อยกว่าในข้อแรกด้วยซ้ำ
- เวลาเกิดเกาเหลา คนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม คิดไม่เหมือนกัน เชื่อไม่เหมือนกัน ก็จะด่า (ทั้งที่ความจริงเป็นยังไงก็ไม่ได้รู้ดีนัก แต่แค่เลือกจะเชื่อในสิ่งที่อยากจะเชื่อ)
- ตั้งกระทู้แล้วคนเข้ามาตอบขัดแย้ง ไม่เห็นด้วย ติเตียนดาราที่ชอบ สิ่งที่ชอบ รายการที่ชอบก็จะด่า ทั้งๆที่ความชอบคนเรามันก็ไม่เหมือนกัน และถ้าเราไม่เปิดใจรับฟังคำติเตียน หรือความคิดเห็นต่าง แบบนั้นก็ไม่รู้จะตั้งกระทู้ไปทำไม
เคยด่าคนอื่นมาขนาดนั้น วันหนึ่งคิดได้ ก็รู้สึกกลัวบาปมาก และคิดว่านี่แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง เรายังต้องเถียงกันเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น แล้วอีกหน่อยถ้าเจอเรื่องใหญ่ๆในชีวิต เราจะให้อภัยคนอื่นได้หรอ
แล้วบอกเลยว่า ยิ่งด่าคนอื่นมากเท่าไร เสียงด่ามันก็จะสะท้อนก้องอยู่ในหัว มันจะตามหลอกหลอนคุณไปอย่างยากที่จะสลัดทิ้ง ยิ่งทำคนอื่นไว้เจ็บแสบเผ็ดร้อนเท่าไร วันที่คิดได้ก็จะยิ่งเสียใจ หวาดกลัวมากเท่านั้น แล้วที่สุด คุณก็จะถูกด่าคืน แล้ววันนั้นแหละ คุณจะรู้ซึ้งว่า การด่าคนอื่นน่ะมันเป็นเรื่องง่าย แต่การถูกคนอื่นด่าแล้วทำใจให้ลืมๆไปเนี่ยมันเป็นเรื่องยากนัก....
แล้วเถียง ด่า โต้ตอบอย่างรุนแรง แม้อีกฝ่ายจะย่อยยับแพ้พ่าย เราได้ความสะใจกลับมา แต่สุดท้าย เราควรจะถามตัวเองต่อว่า
“ชีวิตเรามันดีขึ้นตรงไหน” !!!!! โกรธเกลียดกันไปมา แล้ว “ชีวิตเรามันดีขึ้นตรงไหน” !!!!! คนที่เรามองเป็นศัตรูตกต่ำ ล่มจมสมใจเรา แล้ว “ชีวิตเรามันดีขึ้นตรงไหน” !!!!!
เคยได้ยินคำพูดที่ว่า ถ้ามีคนหนึ่งเริ่มเรื่อง อีกคนต้องอย่าสานต่อ
ถ้าเขาเป็นไฟ เราอย่าเป็นลม พัดโหมให้ไฟมันลาม
ถ้าเขาเป็นไฟ เราอย่าเป็นฟืน เติมเชื้อให้ไฟมันไม่ดับ
ถ้าเขาเป็นไฟ เราอย่าเป็นไฟ เพราะจะลุกไหม้ลามบานปลายไปใหญ่
ถ้าเขาเป็นไฟ ให้เราจงเป็นน้ำ ใช้ความเย็นดับไฟ
สิ่งที่ควรทำเวลาเสพข่าว
1. มีสติคิดให้รอบครอบว่าข่าวนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ อย่าพึ่งรีบเชื่อ เพราะข่าวมันง่ายที่ลอยมาทางนู้นทีทางนี้ที อย่ารีบด่วนตัดสินดาราคนนั้นคนนี้ว่าเป็นอย่างงั้นอย่างงี้ เพราะเราไม่ได้รู้จักเค้าจริงๆ
2. ถ้าความคิดเห็นไม่ตรงกัน ควรแลกเปลี่ยนความคิด ด้วยการติเพื่อก่อ ไม่ใช่ติเพื่อทำลาย กำจัดฝ่ายตรงข้ามให้หมดไป การพูดตรง พูดความจริงเป็นสิ่งดี แต่เราควรเลือกวิธีการพูด เลือกเฟ้นคำให้มันฟังแล้วนุ่มนวล ไม่ถากถางกันจะดีกว่า
3.ถ้าได้ยินข่าวดาราเสียๆหายๆ แล้วรู้สึกสะใจ กับการรับรู้ความไม่ดีของคนอื่น (อันนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคน ที่ชอบรู้เรื่องไม่ดีคนอื่น เพราะทำให้รู้สึกว่า ดาราก็เป็นคนธรรมดาคนนึง ไม่ได้ดีวิเศษไปกว่าเรา หรือมันจะเป็นความชอบอยากรู้เรื่องคนอื่นอะไรก็ตาม) ให้รีบรู้ตัวเร็วๆ แล้วรีบตั้งสติ แล้วถามตัวเองว่า แล้ว “มันทำให้ชีวิตเราดีขึ้นอย่างไร” กับการที่ชีวิตคนอื่นแย่ลง
***4.พยายามมองด้วย”ความเข้าใจ” ว่าดาราก็คน การทำผิดพลาดในเรื่องต่างๆเป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้นเราจะไม่รู้สึกผิดหวังแบบรุนแรงเกินไป รวมถึงไม่โกรธแค้นจนเกินไป ทั้งนี้ไม่ได้ให้เราละเลยคนทำผิด คนผิดก็ว่ากันไปตามผิด อาจตำหนิติเตือน หรือลงโทษตามสมควร แต่ไม่ควรซ้ำซาก เช่น เจอไอ้ดาราคนนี้ที่ไหนก็เอาความผิดเดิมๆมาแปะที่หน้าผากเค้า และถ้าให้อภัยได้ก็ควรจะให้อภัยกัน โดยเฉพาะถ้าดาราหรือแม้กระทั่งศัตรูทั้งหลายในชีวิตจริงทำผิดแล้วสำนึกผิดต่อสิ่งที่ทำลงไปแล้วจริงๆ
5.อย่าจริงจังกับข่าวมาก รวมถึงเข้าใจว่า ข่าวอะไรก็ตามผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
เครดิตภาพประกอบ : เพจ Dungtrin,ธนาคารความสุข