http://www.peopleunitynews.com/web02/2014/%E0%B9%82%E0%B8%9F%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%AA-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B8%8A/
สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ - ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วันเดียว หากย้อนดูการทำงานของ คสช. ตั้งแต่ยึดอำนาจมาจนถึงวันนี้เกือบ 1 เดือนเต็ม ทำงานกันมือเป็นระวิงทุกด้าน
ทำทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องใหญ่จนถึงเรื่องที่บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่ คสช. กลับเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องเล็ก
วันนี้เราจึงได้เห็นภาพการจัดระเบียบสังคมกันบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคิวรถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ หวย บ่อนการพนัน ผู้มีอิทธิพล แท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หรือแม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้า รวมทั้งเรื่องที่ถูกอกถูกใจคนไทยผู้รักชาติรักแผ่นดินอย่างมากคือ การมอบนโยบายให้สถานศึกษาบรรจุวิชาประวัติศาสตร์ไทย และวิชาหน้าที่พลเมือง เข้าไปในการเรียนการสอนอย่างจริงจัง
เชื่อว่าหลังจากนี้ การจัดระเบียบสังคมของ คสช. คงเข้มข้นยิ่งขึ้น ไม่มีการลูบหน้าปะจมูกอย่างแน่นอนแม้กับคนสีเดียวกันประเภท “นอกแถว” เพราะนายทหารแต่ละคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ส่งเข้าไปคุมการจัดระเบียบเรื่องต่างๆนั้นล้วนเป็นประเภทพร้อมลุยและไม่มีนอกไม่มีในกับใครทั้งสิ้น
สังคมคงเป็นสุขขึ้นเยอะ
ส่วนเรื่องใหญ่ๆด้านต่างๆ คสช. ก็ขับเคลื่อนเดินหน้าไปพร้อมๆกัน ไม่มีอะไรตกหล่นหรือล่าช้ากว่ากัน เรียกว่าขับเคลื่อนทุกองคาพยพของประเทศ
เริ่มจากด้านเศรษฐกิจ ด้วยการตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆขึ้นมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ระดมสมองจากทุกภาคส่วนมาทำงานร่วมกัน ทั้งด้านส่งเสริมการลงทุน เรื่องพลังงาน เรื่องเอสเอ็มอี ด้านความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชน พร้อมทั้งเร่งจัดทำงบประมาณปี 2558 ขณะที่ก็พิจารณาทบทวนโครงการและการลงทุนในส่วนของภาครัฐกันใหม่ทั้งหมด
ด้านต่างประเทศ ก็เร่งเดินหน้าชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างประเทศ จนขณะนี้ถือว่าได้ผลน่าพอใจ เพราะนานาประเทศส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทยและความจำเป็นของการยึดอำนาจครั้งนี้มากขึ้น การกดดันจึงลดลง
ในด้านความมั่นคงภายใน มีคำสั่งเรียกแกนนำและเครือข่ายของกลุ่มอำนาจเก่ามารายงานตัวและ “วิวัฒน์พลเมือง” กันอย่างถ้วนหน้า แทบไม่มีใครตกหล่น พร้อมเอาจริงกับบางคนที่ยังไม่มารายงานตัวหรือแสดงพฤติกรรมต่อต้าน คสช.
ทำให้จนถึงตอนนี้พูดได้ว่าสถานการณ์ต่อต้าน คสช. หมดห่วงไปเยอะ แต่อย่างไรก็ดียังไม่อาจวางใจได้ เพราะเครือข่ายของกลุ่มอำนาจเก่าบางส่วนยังไม่กลับตัวกลับใจและใช้กลยุทธ์ “ซุ่มซ่อนยาวนานเพื่อรอโอกาส”
อีกด้านหนึ่งที่ทำควบคู่ไปกับการเรียกบุคคลมารายงานตัวคือ การจัดกิจกรรมสร้างความปรองดองระหว่างประชาชนและระหว่างแกนนำขั้วต่างๆในระดับพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งลดความขัดแย้งและความเป็นปฏิปักษ์กันลงไปได้เยอะ อย่างไรก็ดี การทำให้ทุกฝ่ายปรองดองกันยังต้องใช้เวลาอีกมาก และต้องมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องต่อไป นอกจากนี้ ยังจะต้องไม่ปล่อยให้มีใครไปปลุกปั่นประชาชนขึ้นอีก
ส่วนทางด้านคนที่เป็นเครือข่ายของกลุ่มอำนาจเก่าในหน่วยงานภาคราชการและรัฐวิสาหกิจ คสช. ก็ไม่ปล่อยให้เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการทำงานของ คสช. ด้วยการปรับย้ายหัวๆไปแล้วหลายคน ส่วนที่เหลือคาดว่าจะไปปรับย้ายกันในช่วงเดือนกันยายนซึ่งเป็นฤดูแต่งตั้งโยกย้ายตามปกติ ขณะที่ในส่วนของบอร์ดรัฐวิสาหกิจ คสช. มีนโยบายที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพของบอร์ดรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ส่งผลทำให้บอร์ดรัฐวิสาหกิจหลายแห่งที่รู้ตัวว่าตนเองเข้ามาเป็นบอร์ดเพื่อทำงานสนองกลุ่มอำนาจเก่า เริ่มทยอยลาออกจากตำแหน่งกันแล้ว ส่วนพวกที่เหลือซึ่งยังไม่ลาออกเอง ก็จะต้องเจอกับการปลดออกในที่สุด
จากที่ฉายภาพคร่าวๆมาให้เห็น ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมดที่ คสช. ได้ลงมือทำไปแล้ว ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าคณะทหารในนาม คสช. ทำงานกันอย่างเอาจริงเอาจัง และมีความตั้งใจดีในการยึดอำนาจครั้งนี้ มิได้ยึดอำนาจเพื่อตัวเอง แต่ยึดอำนาจเพื่อสะสางปัญหาประเทศ และเดินหน้าประเทศไปสู่อนาคตใหม่ที่ดีกว่า
ดังนั้น คนไทยทั้งประเทศจึงควรต้องให้กำลังใจต่อคณะทหารชุดนี้ให้มากๆ
และอย่าลืมเป็นอันขาดว่า การยึดอำนาจครั้งนี้คือการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายของผู้ยึดอำนาจ ซึ่งไม่ใช่ว่าจะทำสำเร็จมาได้ง่ายๆ เพราะกลุ่มอำนาจเก่าก็เตรียมพร้อมรับมือและต่อสู้มาเช่นกัน โอกาสแพ้ชนะหรือเป็นตายเท่ากัน การยึดอำนาจในยุคปัจจุบันไม่ใช่เรื่อง่ายๆเหมือนในอดีต เพราะไหนจะต้องเผชิญหน้ากับการคัดค้านจากต่างประเทศ แล้วยังต้องมาเจอกับการต่อต้านของคนที่เสียประโยชน์อีกด้วย หากไม่มีความกล้าหาญและแน่วแน่ที่จะแก้ไขวิกฤตของประเทศเป็นที่ตั้ง ก็คงไม่มีใครยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมายึดอำนาจ
จึงต้องนับถือหัวจิตหัวใจของคณะทหารชุดนี้ไว้อย่างยิ่ง
คนไทยทุกคนนอกจากจะต้องเอาใจช่วย คสช.แล้ว ใครมีหน้าที่อะไรก็จะต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เป็นไปตามนโยบายหรือแนวทางของ คสช.อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาประเทศลุล่วงโดยเร็ว และนำประเทศเข้าสู่เส้นทางแห่งความเจริญรุ่งเรืองเสียที
ไอ้ประเภทที่หากินกับประชาธิปไตย ทั้งพวกรับเงินจากนักการเมือง หรือพวกรับเงินจากต่างชาติ มาเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. ก็ควรเลิกได้แล้ว
โฟกัส // หนึ่งเดือนของ คสช. : คุ้มค่ากับการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
โดย – พูลเดช กรรณิการ์
20 มิถุนายน 2557
10.41 น.
โฟกัส // หนึ่งเดือนของ คสช. : คุ้มค่ากับการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ - ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วันเดียว หากย้อนดูการทำงานของ คสช. ตั้งแต่ยึดอำนาจมาจนถึงวันนี้เกือบ 1 เดือนเต็ม ทำงานกันมือเป็นระวิงทุกด้าน
ทำทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องใหญ่จนถึงเรื่องที่บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่ คสช. กลับเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องเล็ก
วันนี้เราจึงได้เห็นภาพการจัดระเบียบสังคมกันบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคิวรถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ หวย บ่อนการพนัน ผู้มีอิทธิพล แท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หรือแม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้า รวมทั้งเรื่องที่ถูกอกถูกใจคนไทยผู้รักชาติรักแผ่นดินอย่างมากคือ การมอบนโยบายให้สถานศึกษาบรรจุวิชาประวัติศาสตร์ไทย และวิชาหน้าที่พลเมือง เข้าไปในการเรียนการสอนอย่างจริงจัง
เชื่อว่าหลังจากนี้ การจัดระเบียบสังคมของ คสช. คงเข้มข้นยิ่งขึ้น ไม่มีการลูบหน้าปะจมูกอย่างแน่นอนแม้กับคนสีเดียวกันประเภท “นอกแถว” เพราะนายทหารแต่ละคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ส่งเข้าไปคุมการจัดระเบียบเรื่องต่างๆนั้นล้วนเป็นประเภทพร้อมลุยและไม่มีนอกไม่มีในกับใครทั้งสิ้น
สังคมคงเป็นสุขขึ้นเยอะ
ส่วนเรื่องใหญ่ๆด้านต่างๆ คสช. ก็ขับเคลื่อนเดินหน้าไปพร้อมๆกัน ไม่มีอะไรตกหล่นหรือล่าช้ากว่ากัน เรียกว่าขับเคลื่อนทุกองคาพยพของประเทศ
เริ่มจากด้านเศรษฐกิจ ด้วยการตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆขึ้นมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ระดมสมองจากทุกภาคส่วนมาทำงานร่วมกัน ทั้งด้านส่งเสริมการลงทุน เรื่องพลังงาน เรื่องเอสเอ็มอี ด้านความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชน พร้อมทั้งเร่งจัดทำงบประมาณปี 2558 ขณะที่ก็พิจารณาทบทวนโครงการและการลงทุนในส่วนของภาครัฐกันใหม่ทั้งหมด
ด้านต่างประเทศ ก็เร่งเดินหน้าชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างประเทศ จนขณะนี้ถือว่าได้ผลน่าพอใจ เพราะนานาประเทศส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทยและความจำเป็นของการยึดอำนาจครั้งนี้มากขึ้น การกดดันจึงลดลง
ในด้านความมั่นคงภายใน มีคำสั่งเรียกแกนนำและเครือข่ายของกลุ่มอำนาจเก่ามารายงานตัวและ “วิวัฒน์พลเมือง” กันอย่างถ้วนหน้า แทบไม่มีใครตกหล่น พร้อมเอาจริงกับบางคนที่ยังไม่มารายงานตัวหรือแสดงพฤติกรรมต่อต้าน คสช.
ทำให้จนถึงตอนนี้พูดได้ว่าสถานการณ์ต่อต้าน คสช. หมดห่วงไปเยอะ แต่อย่างไรก็ดียังไม่อาจวางใจได้ เพราะเครือข่ายของกลุ่มอำนาจเก่าบางส่วนยังไม่กลับตัวกลับใจและใช้กลยุทธ์ “ซุ่มซ่อนยาวนานเพื่อรอโอกาส”
อีกด้านหนึ่งที่ทำควบคู่ไปกับการเรียกบุคคลมารายงานตัวคือ การจัดกิจกรรมสร้างความปรองดองระหว่างประชาชนและระหว่างแกนนำขั้วต่างๆในระดับพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งลดความขัดแย้งและความเป็นปฏิปักษ์กันลงไปได้เยอะ อย่างไรก็ดี การทำให้ทุกฝ่ายปรองดองกันยังต้องใช้เวลาอีกมาก และต้องมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องต่อไป นอกจากนี้ ยังจะต้องไม่ปล่อยให้มีใครไปปลุกปั่นประชาชนขึ้นอีก
ส่วนทางด้านคนที่เป็นเครือข่ายของกลุ่มอำนาจเก่าในหน่วยงานภาคราชการและรัฐวิสาหกิจ คสช. ก็ไม่ปล่อยให้เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการทำงานของ คสช. ด้วยการปรับย้ายหัวๆไปแล้วหลายคน ส่วนที่เหลือคาดว่าจะไปปรับย้ายกันในช่วงเดือนกันยายนซึ่งเป็นฤดูแต่งตั้งโยกย้ายตามปกติ ขณะที่ในส่วนของบอร์ดรัฐวิสาหกิจ คสช. มีนโยบายที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพของบอร์ดรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ส่งผลทำให้บอร์ดรัฐวิสาหกิจหลายแห่งที่รู้ตัวว่าตนเองเข้ามาเป็นบอร์ดเพื่อทำงานสนองกลุ่มอำนาจเก่า เริ่มทยอยลาออกจากตำแหน่งกันแล้ว ส่วนพวกที่เหลือซึ่งยังไม่ลาออกเอง ก็จะต้องเจอกับการปลดออกในที่สุด
จากที่ฉายภาพคร่าวๆมาให้เห็น ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมดที่ คสช. ได้ลงมือทำไปแล้ว ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าคณะทหารในนาม คสช. ทำงานกันอย่างเอาจริงเอาจัง และมีความตั้งใจดีในการยึดอำนาจครั้งนี้ มิได้ยึดอำนาจเพื่อตัวเอง แต่ยึดอำนาจเพื่อสะสางปัญหาประเทศ และเดินหน้าประเทศไปสู่อนาคตใหม่ที่ดีกว่า
ดังนั้น คนไทยทั้งประเทศจึงควรต้องให้กำลังใจต่อคณะทหารชุดนี้ให้มากๆ
และอย่าลืมเป็นอันขาดว่า การยึดอำนาจครั้งนี้คือการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายของผู้ยึดอำนาจ ซึ่งไม่ใช่ว่าจะทำสำเร็จมาได้ง่ายๆ เพราะกลุ่มอำนาจเก่าก็เตรียมพร้อมรับมือและต่อสู้มาเช่นกัน โอกาสแพ้ชนะหรือเป็นตายเท่ากัน การยึดอำนาจในยุคปัจจุบันไม่ใช่เรื่อง่ายๆเหมือนในอดีต เพราะไหนจะต้องเผชิญหน้ากับการคัดค้านจากต่างประเทศ แล้วยังต้องมาเจอกับการต่อต้านของคนที่เสียประโยชน์อีกด้วย หากไม่มีความกล้าหาญและแน่วแน่ที่จะแก้ไขวิกฤตของประเทศเป็นที่ตั้ง ก็คงไม่มีใครยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมายึดอำนาจ
จึงต้องนับถือหัวจิตหัวใจของคณะทหารชุดนี้ไว้อย่างยิ่ง
คนไทยทุกคนนอกจากจะต้องเอาใจช่วย คสช.แล้ว ใครมีหน้าที่อะไรก็จะต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เป็นไปตามนโยบายหรือแนวทางของ คสช.อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาประเทศลุล่วงโดยเร็ว และนำประเทศเข้าสู่เส้นทางแห่งความเจริญรุ่งเรืองเสียที
ไอ้ประเภทที่หากินกับประชาธิปไตย ทั้งพวกรับเงินจากนักการเมือง หรือพวกรับเงินจากต่างชาติ มาเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. ก็ควรเลิกได้แล้ว
โฟกัส // หนึ่งเดือนของ คสช. : คุ้มค่ากับการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
โดย – พูลเดช กรรณิการ์
20 มิถุนายน 2557
10.41 น.