การปฏิบัติธรรมของพระภิกษุไม่เพียงแต่เจริญสติเจริญสมาธิ ยังต้องกำกับด้วยศีลคือวินัยอีกด้วย
การเจริญสติสมาธิ ด้วยหวังว่าเป็นทางบรรลุมรรคผลอย่างเดียว แต่ไม่สนใจในวินัยนั้น ไม่ต่างกับการหลอกตัวเอง
เพราะปัญญาที่แท้ มิใช่เกิดจากการปรุงแต่งแบบคิดเอา แต่ย่อมต้องมีผลในทางปฏิบัติ ด้วยการแสดงออกทางวินัยให้ปรากฎเห็นได้
เช่น ปฏิบัติธรรมแล้วหลอกตัวเองว่าจิตมีเมตตาหรือไม่ ย่อมสังเกตได้ที่วินัยว่างดการฆ่าสัตว์ได้หรือยัง
จิตบอกว่าสิ่งทั้งหลายเป็นอนิจจัง แต่ยังห่วงตัวเองกักตุนทรัพย์สะสมปัจจัยเงินทองละเมิดอาบัติอยู่นั้น
ย่อมมิใช่ปัญญาแท้ที่เกิดแก่จิตเพราะเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นอนิจจังแน่
จิตบอกว่าไม่ยินดีในวัฏฏะ แต่ว่าในการกระทำกลับยังลุ่มหลงในความงามในเพศตรงข้าม
ยังยินดีพูดเกี้ยวสตรีหรือดูรูปแห่งหญิงอยู่
จิตบอกว่าเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นอนัตตา แต่กลับกลัวตายยอมผิดวินัยเพื่อห่วงแหนชีวิตอยู่
ปัญญาที่แท้ จะแสดงออกที่ศีลว่ายังรักษาวินัยได้อยู่หรือไม่
ถ้ายังรักษาวินัยมิได้ ย่อมเป็นเพียงสังขารที่ปรุงแต่งตามสัญญาเก่าที่เคยเล่าเรียนมาเท่านั้น มิใช่ปัญญาจริงแท้ที่เกิดแก่จิต
เพราะผู้เจริญจิตภาวนาจนปัญญาเกิดจริงๆ ย่อมรักษาวินัยได้อย่างดี ย่อมเห็นแก่วินัยมากกว่าเห็นแก่ตัวเอง
ความสำคัญของวินัย คือ การประคองรักษาปัญญาที่แท้ให้ดำรงอยู่ ด้วยการรักษาพระวินัยนั้นเอง
ดังนั้น ปัญญาธรรมที่เกิดขึ้นย่อมเสื่อมได้จากการไม่พยายามรักษาพระวินัยด้วยนั่นเอง
จะกล่าวว่า พระวินัยเป็นเครื่องประกันรักษาไว้ซึ่งปัญญาธรรมก็ไม่ผิด
ผู้เจริญสติจิตภาวนาโดยไม่สนใจรักษาวินัยจึงถือว่าเดินทางผิดอยู่
ดังนั้นเราพึงพิจารณาศึกษาสิกขาทั้ง ๓ คือ ศีล_สมาธิ_ปัญญา
๐ เพื่อคลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความกำหนัด
๐ เพื่อไม่ประกอบทุกข์ ไม่เป็นไปเพื่อประกอบทุกข์
๐ เพื่อไม่สั่งสมกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส
๐ เพื่อความเป็นผู้มักน้อย ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักมาก
๐ เพื่อสันโดษไม่เป็นไปเพื่อไม่สันโดษ
๐ เพื่อความสงัด ไม่เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
๐ เพื่อปรารภความเพียร ไม่เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน
๐ เพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงยาก
คณะสงฆ์วัตรหนองป่าพง จึงมีธรรมเนียมที่รักษาแม้แต่อาบัติที่เล็กที่สุด คือ ทุพภาษิต
คือการพูดเล่นไร้ประโยชน์ โดยจะหลีกเลี่ยงการพูดเรื่องสัพเพเหระทั้งหลาย จะพูดคุยกันเพียงเรื่อง ทั้ง 10 นี้ คือ
กถาวัตถุ 10 หมายถึง เรื่องที่ควรพูดควรคุย เรื่องที่ควรนำมาสนทนากันในหมู่ภิกษุ ได้แก่
# อัปปิจฉกถา เรื่องความมักน้อย ถ้อยคำที่ชักชวนให้มีความปรารถนาน้อย
# สันตุฏฐิกถา เรื่องความสันโดษ ถ้อยคำที่ชักนำให้มีความสันโดษ ไม่ชอบฟุ้งเฟ้อหรือปรนปรือ
# ปวิเวกกถา เรื่องความสงัด ถ้อยคำที่ชักนำให้มีความสงบกายสงบใจ
# อสังสัคคกถา เรื่องความไม่คลุกคลี ถ้อยคำที่ชักนำให้ไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ
# วิริยารัมภกถา เรื่องการปรารภความเพียร ถ้อยคำที่ชักนำให้มุ่งมั่นทำความเพียร
# สีลกถา เรื่องศีล ถ้อยคำที่ชักนำให้ตั้งอยู่ในศีล
# สมาธิกถา เรื่องสมาธิ ถ้อยคำที่ชักนำให้ทำสมาธิ
# ปัญญากถา เรื่องปัญญา ถ้อยคำที่ชักนำให้เกิดปัญญา
# วิมุตติกถา เรื่องวิมุตติ ถ้อยคำที่ชักนำให้ทำใจให้พ้นจากกิเลสและความทุกข์
# วิมุตติญาณทัสสนกถา เรื่องความรู้ความเห็นในวิมุตติ ถ้อยคำที่ชักนำให้สนใจ และเข้าใจเรื่องความรู้ ความเห็นในภาวะที่หลุดพ้น
จากกิเลสและความทุกข์
อันทำให้บรรยากาศภายในหนองป่าพงเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งธรรมอันแท้จริง
การคุยแต่ในเรื่องเหล่านี้ แม้วินัยก็ถูกต้อง แม้จิตก็ถูกต้อง แม้ปัญญาก็ถูกต้อง
สาขาวัดหนองป่าพง
https://www.facebook.com/pages/สาขาวัดหนองป่าพง/182989118504002
การคุยแต่ในเรื่องเหล่านี้ แม้วินัยก็ถูกต้อง แม้จิตก็ถูกต้อง แม้ปัญญาก็ถูกต้อง
การเจริญสติสมาธิ ด้วยหวังว่าเป็นทางบรรลุมรรคผลอย่างเดียว แต่ไม่สนใจในวินัยนั้น ไม่ต่างกับการหลอกตัวเอง
เพราะปัญญาที่แท้ มิใช่เกิดจากการปรุงแต่งแบบคิดเอา แต่ย่อมต้องมีผลในทางปฏิบัติ ด้วยการแสดงออกทางวินัยให้ปรากฎเห็นได้
เช่น ปฏิบัติธรรมแล้วหลอกตัวเองว่าจิตมีเมตตาหรือไม่ ย่อมสังเกตได้ที่วินัยว่างดการฆ่าสัตว์ได้หรือยัง
จิตบอกว่าสิ่งทั้งหลายเป็นอนิจจัง แต่ยังห่วงตัวเองกักตุนทรัพย์สะสมปัจจัยเงินทองละเมิดอาบัติอยู่นั้น
ย่อมมิใช่ปัญญาแท้ที่เกิดแก่จิตเพราะเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นอนิจจังแน่
จิตบอกว่าไม่ยินดีในวัฏฏะ แต่ว่าในการกระทำกลับยังลุ่มหลงในความงามในเพศตรงข้าม
ยังยินดีพูดเกี้ยวสตรีหรือดูรูปแห่งหญิงอยู่
จิตบอกว่าเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นอนัตตา แต่กลับกลัวตายยอมผิดวินัยเพื่อห่วงแหนชีวิตอยู่
ปัญญาที่แท้ จะแสดงออกที่ศีลว่ายังรักษาวินัยได้อยู่หรือไม่
ถ้ายังรักษาวินัยมิได้ ย่อมเป็นเพียงสังขารที่ปรุงแต่งตามสัญญาเก่าที่เคยเล่าเรียนมาเท่านั้น มิใช่ปัญญาจริงแท้ที่เกิดแก่จิต
เพราะผู้เจริญจิตภาวนาจนปัญญาเกิดจริงๆ ย่อมรักษาวินัยได้อย่างดี ย่อมเห็นแก่วินัยมากกว่าเห็นแก่ตัวเอง
ความสำคัญของวินัย คือ การประคองรักษาปัญญาที่แท้ให้ดำรงอยู่ ด้วยการรักษาพระวินัยนั้นเอง
ดังนั้น ปัญญาธรรมที่เกิดขึ้นย่อมเสื่อมได้จากการไม่พยายามรักษาพระวินัยด้วยนั่นเอง
จะกล่าวว่า พระวินัยเป็นเครื่องประกันรักษาไว้ซึ่งปัญญาธรรมก็ไม่ผิด
ผู้เจริญสติจิตภาวนาโดยไม่สนใจรักษาวินัยจึงถือว่าเดินทางผิดอยู่
ดังนั้นเราพึงพิจารณาศึกษาสิกขาทั้ง ๓ คือ ศีล_สมาธิ_ปัญญา
๐ เพื่อคลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความกำหนัด
๐ เพื่อไม่ประกอบทุกข์ ไม่เป็นไปเพื่อประกอบทุกข์
๐ เพื่อไม่สั่งสมกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส
๐ เพื่อความเป็นผู้มักน้อย ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักมาก
๐ เพื่อสันโดษไม่เป็นไปเพื่อไม่สันโดษ
๐ เพื่อความสงัด ไม่เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
๐ เพื่อปรารภความเพียร ไม่เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน
๐ เพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงยาก
คณะสงฆ์วัตรหนองป่าพง จึงมีธรรมเนียมที่รักษาแม้แต่อาบัติที่เล็กที่สุด คือ ทุพภาษิต
คือการพูดเล่นไร้ประโยชน์ โดยจะหลีกเลี่ยงการพูดเรื่องสัพเพเหระทั้งหลาย จะพูดคุยกันเพียงเรื่อง ทั้ง 10 นี้ คือ
กถาวัตถุ 10 หมายถึง เรื่องที่ควรพูดควรคุย เรื่องที่ควรนำมาสนทนากันในหมู่ภิกษุ ได้แก่
# อัปปิจฉกถา เรื่องความมักน้อย ถ้อยคำที่ชักชวนให้มีความปรารถนาน้อย
# สันตุฏฐิกถา เรื่องความสันโดษ ถ้อยคำที่ชักนำให้มีความสันโดษ ไม่ชอบฟุ้งเฟ้อหรือปรนปรือ
# ปวิเวกกถา เรื่องความสงัด ถ้อยคำที่ชักนำให้มีความสงบกายสงบใจ
# อสังสัคคกถา เรื่องความไม่คลุกคลี ถ้อยคำที่ชักนำให้ไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ
# วิริยารัมภกถา เรื่องการปรารภความเพียร ถ้อยคำที่ชักนำให้มุ่งมั่นทำความเพียร
# สีลกถา เรื่องศีล ถ้อยคำที่ชักนำให้ตั้งอยู่ในศีล
# สมาธิกถา เรื่องสมาธิ ถ้อยคำที่ชักนำให้ทำสมาธิ
# ปัญญากถา เรื่องปัญญา ถ้อยคำที่ชักนำให้เกิดปัญญา
# วิมุตติกถา เรื่องวิมุตติ ถ้อยคำที่ชักนำให้ทำใจให้พ้นจากกิเลสและความทุกข์
# วิมุตติญาณทัสสนกถา เรื่องความรู้ความเห็นในวิมุตติ ถ้อยคำที่ชักนำให้สนใจ และเข้าใจเรื่องความรู้ ความเห็นในภาวะที่หลุดพ้น
จากกิเลสและความทุกข์
อันทำให้บรรยากาศภายในหนองป่าพงเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งธรรมอันแท้จริง
การคุยแต่ในเรื่องเหล่านี้ แม้วินัยก็ถูกต้อง แม้จิตก็ถูกต้อง แม้ปัญญาก็ถูกต้อง
สาขาวัดหนองป่าพง
https://www.facebook.com/pages/สาขาวัดหนองป่าพง/182989118504002