คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ไม่มีอะไรที่ ขายง่าย ครับ
ถ้าสินค้าอะไรที่ขายง่ายๆ สินค้านั้นไม่ต้องมีเซลล์แมนครับ ไม่ต้องใช้นักขายมืออาชีพครับ เพราะแสดงว่า สินค้านั้นใครๆก็ขายได้
สำหรับการคิดหาสิ่งที่"อยากจะเป็น" วิธีการคิด ผมว่าคุณมาถูกทางแล้วครับ
เพราะตอนที่ผมค้นหาตัวเอง ผมก็คิด,ค้นหาตัวเองคล้ายๆแบบนี้เหมือนกัน
สิ่งต่อมาที่คุณควรทำคือ ค้นหาสิ่งที่ตนเองสนใจ เช่น คุณชอบอะไร ,ไลฟ์สไตล์เป็นแบบไหน
ขอยกตัวอย่าง ตัวผมเองล่ะกันนะครับ
ตอนนั้น ..ผมก็สรุปในใจได้แล้วว่า "กรูนี่แหล่ะ เหมาะกับเซลล์"
จากนั้น ผมก็ถามตัวเองว่า แล้วจะเป็นเซลล์อะไรล่ะ ...
1- ในใจลึกๆ ผมชอบการเป็น"ช่าง" มาตลอด เวลาเดินในโฮมโปร อยากซื้อเลื่อยไฟฟ้า,อยากได้คีมใหม่ๆ,อยากได้สว่านใหม่ๆเอี่ยมๆ ... ก็ไม่ได้ซ่อมอะไรบ่อยหรอก ตอกตะปูยังเบี้ยวเลย(แต่เดี๋ยวนี้ไม่เบี้ยวแล้วนะ) แต่รู้ตัวว่าสนใจทางด้านงานช่าง
2- บางครั้งในชีวิต ที่มีโอกาสได้เห็นแบบแปลนบ้าน ,แปลนก่อสร้าง ผมชอบเอามาดู ว่ามันคืออะไรตรงไหน ,ไหนท่อน้ำ ,ไหนประตู แล้วก็จินตนาการภาพเสมือนจริงในสมอง จากการมองภาพแบบนั้น .. นี่คือสิ่งที่ผมสนใจ (นี่ถ้าผมนั่งค้นหาตัวเองเจอตั้งแต่วัยรุ่น ผมคงเลือกทางด้านวิศวะไปแล้ว)
3- ผมสนใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ .. ไม่ได้สนใจในแง่ว่าตัวเองอยากจะเป็นเจ้าของโครงการนะ(แต่ถ้าเป็นได้ก็ดี แหะๆๆ) แต่สนใจว่า บ้านแบรนด์ไหนสวย ..อุ๊ยมีโครงการขึ้นใหม่ตรงนั้น ตรงนี้ ... และผมมองว่า อสังหาริมทรัพย์ - บ้าน ,ที่อยู่อาศัย คือ 1ในปัจจัย4 ที่ทุกคนไขว่คว้า .. แต่ไม่จำเป็นต้องขายบ้านก็ได้นิ !!!! .. แต่ขายสินค้าที่ทำให้กลายเป็นบ้าน
4- ศึกษาหาข้อมูลตำแหน่งงาน ต่างๆ ฯลฯ
สรุปเลยล่ะกัน ผมก็เลยมาจบตัวเอง ในงาน "เซลล์โปรเจค" ทางด้านวัสดุก่อสร้าง
- เซลล์โปรเจค จะเจอกับแบบบ้านต่างๆมากมาย ,ได้ดิลงานกับ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ , อยู่ทั้งออฟฟิศ และออฟฟิศลูกค้า และหน้างานก่อสร้าง(บ่อยครั้งก็นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน),
- แต่เซลล์โปรเจค ก็มีข้อเสียนะ คือ นานนนนนน กว่าจะปิดได้ซักโปรเจคนึง ต้องใช้ความอดทนสูงกว่า เซลล์ร้านค้า ,ต้องใช้ทักษะการดิลงาน ทันเลห์เหลี่ยม พวกผู้รับเหมา, เข้าหาสถาปนิก-วิศวะกรให้ถูกจังหวะ ,โครงการส่วนใหญ่จะเครดิตยาว นั่นหมายความว่า คอมมิสชั่นของเราก็จะออกช้าเช่นกัน ฯลฯ (มาพบข้อเสียส่วนใหญ่ หลังจากที่ได้เข้ามาทำงานทางสายนี้แล้ว ... แต่ก็ หลวมตัวมาแล้ว และก็สนุกดี อิอิ .. ก็...โอเค)
เมื่อผมรู้ตัวว่า สิ่งที่ผมต้องการคือ "เซลล์โปรเจค" ผมเริ่มหางาน เซลล์โปรเจค ทันที จ้องตำแหน่งนี้ตำแหน่งเดียว ไม่สนใจตำแหน่งอื่น หางานนี้อยู่ 2-3เดือน ก็ได้เริ่มที่แรก
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ ..เป็นเวลา2ปีนิดๆ .. เปลี่ยนมา5บริษัท .. อัพเงินเดือนจาก1.2หมื่น มาเป็น3หมื่น (ยังไม่รวมคอมมิสชั่น) .. พร้อมกับฐานลูกค้าที่รู้จักมากมาย
จันทร์หน้า (23/6/57) มีอีกบริษัท เรียกไปสัมภาษณ์ จะให้เข้าทำงานทันที (เฮ้ยๆๆ พูดคุยกันก่อนสิเฟ้ย ทำความรู้จักกันก่อนดิ๊...) (พวก Head Hunter ไปเอาชื่อ/เบอร์ผมมาจากไหนก็ไม่รู้ เหอๆ)
โปรดอย่ามองว่า ผมอวดตัวเองเลยนะครับ
แต่ที่เอามาเล่านี้ ก็เพื่อเป็นแนวทางให้ จขกท.ลองพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็น ความสนใจส่วนตัว,ไลฟ์สไตล์
เจาะลงไปให้ลึก
เป็นเซลล์ เซลล์ขายอะไร เซลล์ขายใคร,ระดับไหน
เช่น เซลล์ขายโฆษณา โฆษณาอะไร วิทยุ,โทรทัศน์,นิตยสาร,หนังสือพิมพ์ ฯลฯ ...สมมุติว่าเป็น AE นิตยสาร (พนง.ขายสื่อโฆษณา เรียกอีกอย่างว่า AE) นิตยสารประเภทไหน หนังสือรถ,หนังสือบ้าน,นิตยสารบันเทิง,หนังสือพระเครื่อง ? .. สมมุติว่า เป็น นิตยสารรถ หนังสือรถกระบะ,มอไซค์,รถเก๋ง เน้นรถมือ1 หรือมือ2 ??? (วางเป็นเป้าหมายไว้ก่อน ส่วนจะได้มาถึงขนาดนี้หรือเปล่าก็ค่อยว่ากันอีกที .. บางทีจะได้เป็นAEนิตยสารบันเทิง ก็ได้ใครจะรู้) ... แล้วมองให้เลยเถิดไปอีก สมมุติว่าเลือกเป็น AE นิตยสารรถกระบะ แล้วใครกันล่ะจะลงโฆษณา เพราะนั่นคือกลุ่มลูกค้าของเรา เป็นต้น (นี่แค่เป็นต้นนะเนี่ย ....ฟู่ว์)
หรือ สนใจ จะไปขายยา ยาอะไร ประเภทไหน เป็นยาสามัญทั่วๆไป หรือยาเฉพาะทาง ยาเฉพาะโรค ?? เป้นเซลล์ไหน เซลล์ร้านขายยา,เซลล์โรงพยาบาล ,เซลล์ยาคลินิก ...... ฯลฯ
เจาะให้ลึก ถึงตำแหน่งงานที่คิดว่าเหมาะกับตัวเอง วางไว้เป็นเป้าหมาย ... แต่ถ้าสุดท้ายไม่ได้เป็นไปตามเป้า เอาใกล้เคียงก็ยังดี
ส่วนเรื่องกำลังใจการขาย
.. ถ้าคุณริจะเป็นเซลล์ คุณจงจำไว้เลยว่า "เซลล์มือใหม่ ขายของไม่ได้ 2-3เดือนแรก เป็นเรื่องปกติ"
กว่าจะเป็นเซลล์ ที่ห้างร้านต่างๆสั่งซื้อของ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
1- คุณต้องสร้างความคุ้นเคย และแสดงศักยภาพการประสานงานต่างๆ ให้ทางลูกค้าเชื่อว่า "ถ้าสั่งของจากคุณแล้วจะไม่มีปัญหา" หรือ "ทำให้เขาเชื่อว่า ถ้ามีปัญหาใดๆ คุณจะสามารถแก้ปัญหานั้นให้เขาได้" ไม่ว่าฝั่งลูกค้าจะเป็น อาเฮีย,อาซ้อ หรือ พนง.จัดซื้อ ก็ตาม ... การสร้างคอนเน็คชั่น มันต้องใช้เวลาครับ ไม่มีทางที่คุณจะมีคอนเน็คชั่นเยอะแยะมากมายในชั่วข้ามคืน
2- ในช่วงแรกๆของการทำงาน คุณต้องเชื่อ "กฏการเฉลี่ย" ...กฏการเฉลี่ย แต่ละที่ไม่เหมือนกัน สินค้าแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน แต่ละคนไม่เหมือนกัน คุณต้องหาจุดของตัวเองให้เจอ .... กฏการเฉลี่ย เช่น (ยกตัวอย่าง ตัวผมเลยนี่แหล่ะ แรกๆทีทำงาน) ติดต่อลูกค้า 50ราย มีฟีตแบคส่งแบบ,ขอราคา ประมาณ3 ราย นั่นหมายความว่า ถ้าผมต้องการให้ลูกค้ามีฟีดแบคกลับมา 15รายในเดือนนั้น ผมต้องติดต่อหาลูกค้า 250 ราย (แต่ในความเป็นจริง จะไม่ถึง250รายหรอก เพราะในระหว่างที่ติดต่อลูกค้าไปเรื่อยๆ เราก็จะพัฒนาทักษะการเจรจาต่างๆไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ)
ลูกค้ามีฟีดแบคกลับมา 15ราย แต่มีเพียง4 รายที่มีโอกาสชนะประมูล เป็นต้น
ฉะนั้น ถ้าหากเริ่มงานเซลล์ใหม่ๆ จำผมไว้ให้ดี "กฏการเฉลี่ย"มีจริง ... ไม่ต้องท้อ หาจุดตัวเองให้เจอ
แค่นั้น
(โหย...พิมพ์ซะยาวเลย พอดีว่างๆ อิอิ)
ถ้าสินค้าอะไรที่ขายง่ายๆ สินค้านั้นไม่ต้องมีเซลล์แมนครับ ไม่ต้องใช้นักขายมืออาชีพครับ เพราะแสดงว่า สินค้านั้นใครๆก็ขายได้
สำหรับการคิดหาสิ่งที่"อยากจะเป็น" วิธีการคิด ผมว่าคุณมาถูกทางแล้วครับ
เพราะตอนที่ผมค้นหาตัวเอง ผมก็คิด,ค้นหาตัวเองคล้ายๆแบบนี้เหมือนกัน
สิ่งต่อมาที่คุณควรทำคือ ค้นหาสิ่งที่ตนเองสนใจ เช่น คุณชอบอะไร ,ไลฟ์สไตล์เป็นแบบไหน
ขอยกตัวอย่าง ตัวผมเองล่ะกันนะครับ
ตอนนั้น ..ผมก็สรุปในใจได้แล้วว่า "กรูนี่แหล่ะ เหมาะกับเซลล์"
จากนั้น ผมก็ถามตัวเองว่า แล้วจะเป็นเซลล์อะไรล่ะ ...
1- ในใจลึกๆ ผมชอบการเป็น"ช่าง" มาตลอด เวลาเดินในโฮมโปร อยากซื้อเลื่อยไฟฟ้า,อยากได้คีมใหม่ๆ,อยากได้สว่านใหม่ๆเอี่ยมๆ ... ก็ไม่ได้ซ่อมอะไรบ่อยหรอก ตอกตะปูยังเบี้ยวเลย(แต่เดี๋ยวนี้ไม่เบี้ยวแล้วนะ) แต่รู้ตัวว่าสนใจทางด้านงานช่าง
2- บางครั้งในชีวิต ที่มีโอกาสได้เห็นแบบแปลนบ้าน ,แปลนก่อสร้าง ผมชอบเอามาดู ว่ามันคืออะไรตรงไหน ,ไหนท่อน้ำ ,ไหนประตู แล้วก็จินตนาการภาพเสมือนจริงในสมอง จากการมองภาพแบบนั้น .. นี่คือสิ่งที่ผมสนใจ (นี่ถ้าผมนั่งค้นหาตัวเองเจอตั้งแต่วัยรุ่น ผมคงเลือกทางด้านวิศวะไปแล้ว)
3- ผมสนใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ .. ไม่ได้สนใจในแง่ว่าตัวเองอยากจะเป็นเจ้าของโครงการนะ(แต่ถ้าเป็นได้ก็ดี แหะๆๆ) แต่สนใจว่า บ้านแบรนด์ไหนสวย ..อุ๊ยมีโครงการขึ้นใหม่ตรงนั้น ตรงนี้ ... และผมมองว่า อสังหาริมทรัพย์ - บ้าน ,ที่อยู่อาศัย คือ 1ในปัจจัย4 ที่ทุกคนไขว่คว้า .. แต่ไม่จำเป็นต้องขายบ้านก็ได้นิ !!!! .. แต่ขายสินค้าที่ทำให้กลายเป็นบ้าน
4- ศึกษาหาข้อมูลตำแหน่งงาน ต่างๆ ฯลฯ
สรุปเลยล่ะกัน ผมก็เลยมาจบตัวเอง ในงาน "เซลล์โปรเจค" ทางด้านวัสดุก่อสร้าง
- เซลล์โปรเจค จะเจอกับแบบบ้านต่างๆมากมาย ,ได้ดิลงานกับ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ , อยู่ทั้งออฟฟิศ และออฟฟิศลูกค้า และหน้างานก่อสร้าง(บ่อยครั้งก็นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน),
- แต่เซลล์โปรเจค ก็มีข้อเสียนะ คือ นานนนนนน กว่าจะปิดได้ซักโปรเจคนึง ต้องใช้ความอดทนสูงกว่า เซลล์ร้านค้า ,ต้องใช้ทักษะการดิลงาน ทันเลห์เหลี่ยม พวกผู้รับเหมา, เข้าหาสถาปนิก-วิศวะกรให้ถูกจังหวะ ,โครงการส่วนใหญ่จะเครดิตยาว นั่นหมายความว่า คอมมิสชั่นของเราก็จะออกช้าเช่นกัน ฯลฯ (มาพบข้อเสียส่วนใหญ่ หลังจากที่ได้เข้ามาทำงานทางสายนี้แล้ว ... แต่ก็ หลวมตัวมาแล้ว และก็สนุกดี อิอิ .. ก็...โอเค)
เมื่อผมรู้ตัวว่า สิ่งที่ผมต้องการคือ "เซลล์โปรเจค" ผมเริ่มหางาน เซลล์โปรเจค ทันที จ้องตำแหน่งนี้ตำแหน่งเดียว ไม่สนใจตำแหน่งอื่น หางานนี้อยู่ 2-3เดือน ก็ได้เริ่มที่แรก
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ ..เป็นเวลา2ปีนิดๆ .. เปลี่ยนมา5บริษัท .. อัพเงินเดือนจาก1.2หมื่น มาเป็น3หมื่น (ยังไม่รวมคอมมิสชั่น) .. พร้อมกับฐานลูกค้าที่รู้จักมากมาย
จันทร์หน้า (23/6/57) มีอีกบริษัท เรียกไปสัมภาษณ์ จะให้เข้าทำงานทันที (เฮ้ยๆๆ พูดคุยกันก่อนสิเฟ้ย ทำความรู้จักกันก่อนดิ๊...) (พวก Head Hunter ไปเอาชื่อ/เบอร์ผมมาจากไหนก็ไม่รู้ เหอๆ)
โปรดอย่ามองว่า ผมอวดตัวเองเลยนะครับ
แต่ที่เอามาเล่านี้ ก็เพื่อเป็นแนวทางให้ จขกท.ลองพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็น ความสนใจส่วนตัว,ไลฟ์สไตล์
เจาะลงไปให้ลึก
เป็นเซลล์ เซลล์ขายอะไร เซลล์ขายใคร,ระดับไหน
เช่น เซลล์ขายโฆษณา โฆษณาอะไร วิทยุ,โทรทัศน์,นิตยสาร,หนังสือพิมพ์ ฯลฯ ...สมมุติว่าเป็น AE นิตยสาร (พนง.ขายสื่อโฆษณา เรียกอีกอย่างว่า AE) นิตยสารประเภทไหน หนังสือรถ,หนังสือบ้าน,นิตยสารบันเทิง,หนังสือพระเครื่อง ? .. สมมุติว่า เป็น นิตยสารรถ หนังสือรถกระบะ,มอไซค์,รถเก๋ง เน้นรถมือ1 หรือมือ2 ??? (วางเป็นเป้าหมายไว้ก่อน ส่วนจะได้มาถึงขนาดนี้หรือเปล่าก็ค่อยว่ากันอีกที .. บางทีจะได้เป็นAEนิตยสารบันเทิง ก็ได้ใครจะรู้) ... แล้วมองให้เลยเถิดไปอีก สมมุติว่าเลือกเป็น AE นิตยสารรถกระบะ แล้วใครกันล่ะจะลงโฆษณา เพราะนั่นคือกลุ่มลูกค้าของเรา เป็นต้น (นี่แค่เป็นต้นนะเนี่ย ....ฟู่ว์)
หรือ สนใจ จะไปขายยา ยาอะไร ประเภทไหน เป็นยาสามัญทั่วๆไป หรือยาเฉพาะทาง ยาเฉพาะโรค ?? เป้นเซลล์ไหน เซลล์ร้านขายยา,เซลล์โรงพยาบาล ,เซลล์ยาคลินิก ...... ฯลฯ
เจาะให้ลึก ถึงตำแหน่งงานที่คิดว่าเหมาะกับตัวเอง วางไว้เป็นเป้าหมาย ... แต่ถ้าสุดท้ายไม่ได้เป็นไปตามเป้า เอาใกล้เคียงก็ยังดี
ส่วนเรื่องกำลังใจการขาย
.. ถ้าคุณริจะเป็นเซลล์ คุณจงจำไว้เลยว่า "เซลล์มือใหม่ ขายของไม่ได้ 2-3เดือนแรก เป็นเรื่องปกติ"
กว่าจะเป็นเซลล์ ที่ห้างร้านต่างๆสั่งซื้อของ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
1- คุณต้องสร้างความคุ้นเคย และแสดงศักยภาพการประสานงานต่างๆ ให้ทางลูกค้าเชื่อว่า "ถ้าสั่งของจากคุณแล้วจะไม่มีปัญหา" หรือ "ทำให้เขาเชื่อว่า ถ้ามีปัญหาใดๆ คุณจะสามารถแก้ปัญหานั้นให้เขาได้" ไม่ว่าฝั่งลูกค้าจะเป็น อาเฮีย,อาซ้อ หรือ พนง.จัดซื้อ ก็ตาม ... การสร้างคอนเน็คชั่น มันต้องใช้เวลาครับ ไม่มีทางที่คุณจะมีคอนเน็คชั่นเยอะแยะมากมายในชั่วข้ามคืน
2- ในช่วงแรกๆของการทำงาน คุณต้องเชื่อ "กฏการเฉลี่ย" ...กฏการเฉลี่ย แต่ละที่ไม่เหมือนกัน สินค้าแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน แต่ละคนไม่เหมือนกัน คุณต้องหาจุดของตัวเองให้เจอ .... กฏการเฉลี่ย เช่น (ยกตัวอย่าง ตัวผมเลยนี่แหล่ะ แรกๆทีทำงาน) ติดต่อลูกค้า 50ราย มีฟีตแบคส่งแบบ,ขอราคา ประมาณ3 ราย นั่นหมายความว่า ถ้าผมต้องการให้ลูกค้ามีฟีดแบคกลับมา 15รายในเดือนนั้น ผมต้องติดต่อหาลูกค้า 250 ราย (แต่ในความเป็นจริง จะไม่ถึง250รายหรอก เพราะในระหว่างที่ติดต่อลูกค้าไปเรื่อยๆ เราก็จะพัฒนาทักษะการเจรจาต่างๆไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ)
ลูกค้ามีฟีดแบคกลับมา 15ราย แต่มีเพียง4 รายที่มีโอกาสชนะประมูล เป็นต้น
ฉะนั้น ถ้าหากเริ่มงานเซลล์ใหม่ๆ จำผมไว้ให้ดี "กฏการเฉลี่ย"มีจริง ... ไม่ต้องท้อ หาจุดตัวเองให้เจอ
แค่นั้น
(โหย...พิมพ์ซะยาวเลย พอดีว่างๆ อิอิ)
แสดงความคิดเห็น
จับงาน Sales ขายอะไรก่อนดี แนะนำหน่อยครับ
ขอเกริ่นก่อนนะครับ เริ่มจาก ตอนฝึกงานเคยทำงานโรงแรมมาเป็นเด็กเสริฟและแนะนำสินค้าในโรงแรม ตอนนั้นคิดไว้เลยว่าจะเอางานออฟฟิศให้ได้
เพราะคิดว่าสบาย นั่งตากแอร์ เล่นคอม แต่พอตอนนี้ผมทำงานออฟฟิศมาเข้าปีที่ 3 รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวผมเอามากๆเลย นั่งเปื่อยๆเบื่อๆ รอเวลาเลิกงาน
ไม่มีสีสันในชีวิตเอาซะเลย ผิดจากที่คิดไว้มาก
เลยมานั่งคิดเอาดีๆว่าชอบทำอะไร เพราะถ้าทำออฟฟิศต่อไปคงไม่รุ่งแน่ ยอมเปลี่ยนซะตั้งแต่เนิ่นๆจะดีกว่า
ผมคิดว่าผมชอบคุย ชอบงานที่มันใช้ Service Mind เพราะตอนฝึกงานที่โรงแรมนี่มีความสุขครับ ได้คุย ได้แนะนำ
เห็นลูกค้าพอใจ เราก็ดีใจไปด้วย แต่ติดที่ว่าไม่ชอบเวลาทำงานแบบเป็นกะแค่นั้นเอง
วันนี้เลยมานั่งคิดดีๆงาน Sales น่าจะเหมาะกับผมที่สุด (มั้ง ??)
ถ้าผมตัดสินใจเปลี่ยนไปเป็นขายของ ผมควรเลือกขายอะไรก่อนดีที่ขายไม่ยากมากจะได้มีกำลังใจ
กลัวไปเลือกผิด เลือกของขายยาก ขายไม่ได้แล้วจะพาลหมดกำลังใจเอาอ่ะครับ
ตอนนี้กำลังมองพวกสื่อโฆษณาอยู่ เพราะน่าจะขายได้ ขายง่าย คิดว่าเป็นไงบ้างครับ แนะนำติชม ด่าได้ ไม่โกรธฮะ ^^