สวัสดีครับพี่ๆเพื่อนๆทุกท่าน... วันนี้นานทีปีหนจะมาขออนุญาติตั้งกระทู้ขอคำปรึกษาครับครับ
..... ขอเกริ่นนำก่อนครับ ผมและแฟนคบกันมาราวๆปีที่ 3 แล้ว เรียนคณะเดียวกันที่ ม.เกษตร ชลบุรี ปี 1-3 ก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับ ก็เพื่อนกัน พื้นฐานเป็นคน กทม. ครับ แต่สอบติดวิศวะที่นั้นเลยต้องไปไกลบ้าน
..... ส่วนตัวแฟนเองเป็นคนนครปฐมครับ มาเรียนที่นี่ (ชลบุรี) เพราะครั้งแรกติดคณะบริหาร แต่ยอมซิ่ว 1 ปี เพื่อมาเข้าวิศวะ (เหตุผลคือเห็นแล้วชอบคณะนี้ตอนมาเรียนคณะบริหาร) เท่ากับแฟนผมอายุมากกว่าผม แต่แก่เดือนครับ ผมเกิดเดือน 10 เธอเกิดเดือน 2 เลยทำให้ผมเรียนช้ากว่า 1 ปี
ขอบอกตรงๆว่าสิ่งที่ทำให้ผมรักแฟนคนนี้มากๆ เพราะเป็นที่จิตใจของเธอครับ อาจจะดูนำ้เน่าไปหน่อย แต่ด้วยความที่เธอเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น รักคนอื่นมากกว่าตัวเองในหลายๆเรื่อง ดูเธอเป็นเหมือนผ้าสีขาวมากๆในสายตาผม
ไม่เคยคิดอะไรด้วยเลย เพราะเธอไม่ได้สวย ไม่ได้ดูเด่นกว่าใครด้านไหนเท่าไร ก็แค่คนเรียนคณะเดียวกันเท่านั้น
ด้วยความที่เราเริ่มสนิทกันเรื่อยๆหลังปีที่ 2 เราคบกันแบบงงๆ เพราะผมมีบ้านอยู่ที่นครปฐมด้วย เลยทำให้บางครั้งเวลาแม่เธอมารับที่นี่ก็มักจะรับผมกลับด้วยทุกที
ด้วยความที่ตัวผมค่อนข้างชอบจีบ ผญ (ยังไม่มีแฟน) ทำให้ผมถูกมองว่าเป็นเพลย์บอยในสายตาเธอและครอบครัว แต่เราก็ยังคบกันแบบเพื่อนเรื่อยมา ปรึกษาเรื่องต่างๆ คุยเรื่องที่บางเรื่องไม่สามารถคุยกับใครได้ ความสัมพันธ์แบบเพื่อนเราเริ่มแน่นแฟ้นกันจน ปี 4
ในปี 4 นั้น วิศวะจะต้องทำโปรเจค ซึ่งผมได้จับกลุ่มกับเธอกับเพื่อนอีกคนหนึ่งครับ การคบกันเป็นเพื่อนของเราก็มักจะไปไหนกันหลายคนเสมอนะครับ ไมไ่ด้ไปสองต่อสองซะทีเดียว แต่ก็ยังโดนแซวในเรื่องชู้สาวเสมอๆ
โปรเจคเราโดนหนักมากครับ จนคิดว่าจะไม่ผ่าน (เรียนไม่จบ ติดโปรเจค) วันสุดท้ายของการเกรดออก ผมก็ยังไม่ผ่านเนื่องจากชิ้นงานยังไม่สามารถใช้งานได้ เธอก็ยังอยู่กับผม เรียกว่าเหน็ดเหนื่อยด้วยกัน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน แต่ผมดื้อครับ ทำทุกทางที่จะทำให้เราจบได้ จนคิดว่ายังไงเราก็จะไม่จบ (แต่สุดท้ายก็เอาจนจบ กัดฟันทำตั้งแต่ 10 โมงเช้ายัน ตี 4-5 ทุกวัน)
จนสุดท้ายผมก็ลงใจเป็นแฟนกับเธอครับ ด้วยความที่เราคบกันแบบเพื่อนมาก่อนจึงทำให้เราสนิทกันมากกว่าแฟนทั่วไป เพราะเราคบกันด้วยนิสัยจริงๆมาก่อน ไม่มีเฟค ไม่มีเมคสวย หล่อมาคุยกัน ทุกๆการกระทำเรารู้ใจกันว่าเราชอบอะไรไม่ชอบอะไร
เรียนจบก็ทำงานครับ แต่ปีแรกที่เธอทำงาน ผมไปบวช (1 พรรษา ถ้วน)
ด้วยบุญที่ผมทำมากับเธอ เราได้ทำงานที่เดียวกัน (อู่เรือ) โดยเธออยู่แผนกประเมินราคา ผมอยู่แผนกวิศวกรรม เธอทำได้ 1 ปี กับอีก 3 เดือนก็ลาออกเนื่องจากคิดจะไปเรียนต่อ
ผมก็ยังทำงานงกๆๆๆ ไปอย่างเคย ซึ่งเราก็ได้อยู่ด้วยกันโดยที่พ่อแม่ของเราไม่รุ้เลยสักนิดว่าเราเป็นแฟนกันอยู่ เช่าคนละหอ แต่ความจริงตัวเธอมาอยู่หอผมซะส่วนใหญ่ (ซึ่งตรงนี้ผมเห็นว่าไม่ถูกต้อง เคยจะไปบอกพ่อแม่ของเธอและผมซึ่งยังเข้าใจว่าเป็นเพื่อนกัน แต่เธอเหมือนจะไม่พร้อม เพราะคิดว่าเธอไม่สวยรูปร่างไม่ดีเสมอ ซึ่งผมบอกเธอทุกครั้งว่าผมรักเธอที่นิสัยการกระทำ) เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเห็นหน้ากันเช้า-กลางวัน-เย็นปีกว่าเลยนะ (เธอเคยถามว่าเบื่อไหม ผมและเธอก็ตอบพร้อมกันว่า "ไม่เบื่อ")
เรายิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งรักกันครับ เรียกว่าชีวิตของเรามีกันและกันจริงๆ หลังจากเธอลาออกมาเตรียมตัวไปเรียนต่อนั้นจำเป้นต้องใช้ ielt 6.5 คะแนน
ซึ่งเธอาอบสามครั้ง "ไม่ผ่านครับ" ที่สอบได้สามครั้งเพราะมีเวลาเท่านี้ เกินกว่านี้ก็ต้องไปปีหน้า ครั้งงแรก-สองได้ 5 คะแนน ครั้งที่สามได้ 5.5 คะแนน ซึ่ง criteria ที่ ม.สก๊อตแลนด์นั้นได้บอกเธอคือ 5.5 และ แต่ละวิชาต้องได้อย่างน้อย 5 คะแนน แต่ต้องไปเรียนปรับภาษา 3 เดือน ซึ่งไอ้เจ้า 5.5 คะแนนที่ได้หลังสุดนั้น ไม่ได้ 5 ทุกตัว บางตัว 6 บางตัว 4.5
สุดท้ายเธอก็จะไม่ไปครับเพราะคิดว่าไปไม่ได้ ด้วยความรัก ผมทนเห็นเธอเศร้าไม่ได้ครับเป็นผมเองบอกให้เธอลองปรึกษาเอเจนซี่ดู ซึ่งใช้วิถี "เสียเท่าไหร่ก็จ่าย" ซึ่งผลคือ ม. ที่นั้น accept ครับ (หลายๆท่านคงรู้ว่า ม. ที่นั้นค่อนข้างแนว business ด้านการเรียนอยู่แล้ว การตอบรับจึงไม่ยากและไม่เกินความคิดผมครับ)
เวลาที่เธอมีก่อนไปคือ 2 สัปดาห์ คือทำวีซ่า ต่อพาสปอร์ต เตรียมของ โอนเงินค่าเรียน แลกเงินสารพัดที่จะวุ่นวายได้ ไอ้ตัวผมก็ยังทำงาน จ-ศ ที่ชลบุรี จะมีแค่วัน เสาร์-อา ที่ผมสามารถเทคแครเธอได้ แต่แม่เธอก็เหมือนจะเริ่มรู้เรื่องเรามากขึ้นครับ เธอจะมาหาผมเพื่อเจอกันก่อนไปในวันธรรมดา แม่เธอไม่อนุญาติซึ่งเธอเป้นเด็กหัวอ่อนครับ ก็เหมือนโดนกีดกันในๆล่ะนะ
จนวันสุดท้ายที่เราเจอกันที่สนามบิน ผมไปส่งเธอ เธอร้องไห้ เราจากกันด้วยท่าทีที่ผมมีให้เธอวันนั้นแค่เพื่อนสนิท
เธอไปแล้ว 2 วัน แต่ผมเหมือนจะขาดใจตาย
เธอเหมือน O2 ที่ร่างกายขาดไม่ได้ เหมือน H2O ที่จำเป็นต่อร่างกาย
ผมมีความทุกข์ คิดถึง เป็นห่วง หวงเธอมาก ผมเป็นคนนำ้เน่าครับ แค่โทรหรือ line มันไม่เพียงพอกับผมจริงๆ
ผมบอกรักเธอทุกวัน ผมไม่อยากทำอะไรแล้ว ผมอยากอยู่กับเธอครับ
อาจจะดูบ้าๆบอๆ ไม่มีสาระอะไร ผมเล่าเรื่องไม่ค่อยเป็น นึกอะไรก็พิมพ์ๆไป ขออภัยที่ทำให้เสียเวลา และขอบคุณที่อ่านครับ
ขณะนี้ผมก็ยังคิดถึงเธอ....
ขอคำปรึกษาคนมีประสปการณ์แฟนไปเรียนเมืองนอกทีครับ ผมทนไม่ไหวแล้ว คิดถึงเธอมากๆ
..... ขอเกริ่นนำก่อนครับ ผมและแฟนคบกันมาราวๆปีที่ 3 แล้ว เรียนคณะเดียวกันที่ ม.เกษตร ชลบุรี ปี 1-3 ก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับ ก็เพื่อนกัน พื้นฐานเป็นคน กทม. ครับ แต่สอบติดวิศวะที่นั้นเลยต้องไปไกลบ้าน
..... ส่วนตัวแฟนเองเป็นคนนครปฐมครับ มาเรียนที่นี่ (ชลบุรี) เพราะครั้งแรกติดคณะบริหาร แต่ยอมซิ่ว 1 ปี เพื่อมาเข้าวิศวะ (เหตุผลคือเห็นแล้วชอบคณะนี้ตอนมาเรียนคณะบริหาร) เท่ากับแฟนผมอายุมากกว่าผม แต่แก่เดือนครับ ผมเกิดเดือน 10 เธอเกิดเดือน 2 เลยทำให้ผมเรียนช้ากว่า 1 ปี
ขอบอกตรงๆว่าสิ่งที่ทำให้ผมรักแฟนคนนี้มากๆ เพราะเป็นที่จิตใจของเธอครับ อาจจะดูนำ้เน่าไปหน่อย แต่ด้วยความที่เธอเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น รักคนอื่นมากกว่าตัวเองในหลายๆเรื่อง ดูเธอเป็นเหมือนผ้าสีขาวมากๆในสายตาผม
ไม่เคยคิดอะไรด้วยเลย เพราะเธอไม่ได้สวย ไม่ได้ดูเด่นกว่าใครด้านไหนเท่าไร ก็แค่คนเรียนคณะเดียวกันเท่านั้น
ด้วยความที่เราเริ่มสนิทกันเรื่อยๆหลังปีที่ 2 เราคบกันแบบงงๆ เพราะผมมีบ้านอยู่ที่นครปฐมด้วย เลยทำให้บางครั้งเวลาแม่เธอมารับที่นี่ก็มักจะรับผมกลับด้วยทุกที
ด้วยความที่ตัวผมค่อนข้างชอบจีบ ผญ (ยังไม่มีแฟน) ทำให้ผมถูกมองว่าเป็นเพลย์บอยในสายตาเธอและครอบครัว แต่เราก็ยังคบกันแบบเพื่อนเรื่อยมา ปรึกษาเรื่องต่างๆ คุยเรื่องที่บางเรื่องไม่สามารถคุยกับใครได้ ความสัมพันธ์แบบเพื่อนเราเริ่มแน่นแฟ้นกันจน ปี 4
ในปี 4 นั้น วิศวะจะต้องทำโปรเจค ซึ่งผมได้จับกลุ่มกับเธอกับเพื่อนอีกคนหนึ่งครับ การคบกันเป็นเพื่อนของเราก็มักจะไปไหนกันหลายคนเสมอนะครับ ไมไ่ด้ไปสองต่อสองซะทีเดียว แต่ก็ยังโดนแซวในเรื่องชู้สาวเสมอๆ
โปรเจคเราโดนหนักมากครับ จนคิดว่าจะไม่ผ่าน (เรียนไม่จบ ติดโปรเจค) วันสุดท้ายของการเกรดออก ผมก็ยังไม่ผ่านเนื่องจากชิ้นงานยังไม่สามารถใช้งานได้ เธอก็ยังอยู่กับผม เรียกว่าเหน็ดเหนื่อยด้วยกัน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน แต่ผมดื้อครับ ทำทุกทางที่จะทำให้เราจบได้ จนคิดว่ายังไงเราก็จะไม่จบ (แต่สุดท้ายก็เอาจนจบ กัดฟันทำตั้งแต่ 10 โมงเช้ายัน ตี 4-5 ทุกวัน)
จนสุดท้ายผมก็ลงใจเป็นแฟนกับเธอครับ ด้วยความที่เราคบกันแบบเพื่อนมาก่อนจึงทำให้เราสนิทกันมากกว่าแฟนทั่วไป เพราะเราคบกันด้วยนิสัยจริงๆมาก่อน ไม่มีเฟค ไม่มีเมคสวย หล่อมาคุยกัน ทุกๆการกระทำเรารู้ใจกันว่าเราชอบอะไรไม่ชอบอะไร
เรียนจบก็ทำงานครับ แต่ปีแรกที่เธอทำงาน ผมไปบวช (1 พรรษา ถ้วน)
ด้วยบุญที่ผมทำมากับเธอ เราได้ทำงานที่เดียวกัน (อู่เรือ) โดยเธออยู่แผนกประเมินราคา ผมอยู่แผนกวิศวกรรม เธอทำได้ 1 ปี กับอีก 3 เดือนก็ลาออกเนื่องจากคิดจะไปเรียนต่อ
ผมก็ยังทำงานงกๆๆๆ ไปอย่างเคย ซึ่งเราก็ได้อยู่ด้วยกันโดยที่พ่อแม่ของเราไม่รุ้เลยสักนิดว่าเราเป็นแฟนกันอยู่ เช่าคนละหอ แต่ความจริงตัวเธอมาอยู่หอผมซะส่วนใหญ่ (ซึ่งตรงนี้ผมเห็นว่าไม่ถูกต้อง เคยจะไปบอกพ่อแม่ของเธอและผมซึ่งยังเข้าใจว่าเป็นเพื่อนกัน แต่เธอเหมือนจะไม่พร้อม เพราะคิดว่าเธอไม่สวยรูปร่างไม่ดีเสมอ ซึ่งผมบอกเธอทุกครั้งว่าผมรักเธอที่นิสัยการกระทำ) เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเห็นหน้ากันเช้า-กลางวัน-เย็นปีกว่าเลยนะ (เธอเคยถามว่าเบื่อไหม ผมและเธอก็ตอบพร้อมกันว่า "ไม่เบื่อ")
เรายิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งรักกันครับ เรียกว่าชีวิตของเรามีกันและกันจริงๆ หลังจากเธอลาออกมาเตรียมตัวไปเรียนต่อนั้นจำเป้นต้องใช้ ielt 6.5 คะแนน
ซึ่งเธอาอบสามครั้ง "ไม่ผ่านครับ" ที่สอบได้สามครั้งเพราะมีเวลาเท่านี้ เกินกว่านี้ก็ต้องไปปีหน้า ครั้งงแรก-สองได้ 5 คะแนน ครั้งที่สามได้ 5.5 คะแนน ซึ่ง criteria ที่ ม.สก๊อตแลนด์นั้นได้บอกเธอคือ 5.5 และ แต่ละวิชาต้องได้อย่างน้อย 5 คะแนน แต่ต้องไปเรียนปรับภาษา 3 เดือน ซึ่งไอ้เจ้า 5.5 คะแนนที่ได้หลังสุดนั้น ไม่ได้ 5 ทุกตัว บางตัว 6 บางตัว 4.5
สุดท้ายเธอก็จะไม่ไปครับเพราะคิดว่าไปไม่ได้ ด้วยความรัก ผมทนเห็นเธอเศร้าไม่ได้ครับเป็นผมเองบอกให้เธอลองปรึกษาเอเจนซี่ดู ซึ่งใช้วิถี "เสียเท่าไหร่ก็จ่าย" ซึ่งผลคือ ม. ที่นั้น accept ครับ (หลายๆท่านคงรู้ว่า ม. ที่นั้นค่อนข้างแนว business ด้านการเรียนอยู่แล้ว การตอบรับจึงไม่ยากและไม่เกินความคิดผมครับ)
เวลาที่เธอมีก่อนไปคือ 2 สัปดาห์ คือทำวีซ่า ต่อพาสปอร์ต เตรียมของ โอนเงินค่าเรียน แลกเงินสารพัดที่จะวุ่นวายได้ ไอ้ตัวผมก็ยังทำงาน จ-ศ ที่ชลบุรี จะมีแค่วัน เสาร์-อา ที่ผมสามารถเทคแครเธอได้ แต่แม่เธอก็เหมือนจะเริ่มรู้เรื่องเรามากขึ้นครับ เธอจะมาหาผมเพื่อเจอกันก่อนไปในวันธรรมดา แม่เธอไม่อนุญาติซึ่งเธอเป้นเด็กหัวอ่อนครับ ก็เหมือนโดนกีดกันในๆล่ะนะ
จนวันสุดท้ายที่เราเจอกันที่สนามบิน ผมไปส่งเธอ เธอร้องไห้ เราจากกันด้วยท่าทีที่ผมมีให้เธอวันนั้นแค่เพื่อนสนิท
เธอไปแล้ว 2 วัน แต่ผมเหมือนจะขาดใจตาย
เธอเหมือน O2 ที่ร่างกายขาดไม่ได้ เหมือน H2O ที่จำเป็นต่อร่างกาย
ผมมีความทุกข์ คิดถึง เป็นห่วง หวงเธอมาก ผมเป็นคนนำ้เน่าครับ แค่โทรหรือ line มันไม่เพียงพอกับผมจริงๆ
ผมบอกรักเธอทุกวัน ผมไม่อยากทำอะไรแล้ว ผมอยากอยู่กับเธอครับ
อาจจะดูบ้าๆบอๆ ไม่มีสาระอะไร ผมเล่าเรื่องไม่ค่อยเป็น นึกอะไรก็พิมพ์ๆไป ขออภัยที่ทำให้เสียเวลา และขอบคุณที่อ่านครับ
ขณะนี้ผมก็ยังคิดถึงเธอ....