เกรินนำ
ข้อมูลพื้นฐาน
ผมเป็นชายไทยอายุสามสิบนิดๆ ทำงานเป็นยอดมนุษย์เงินเดือน แล้ววันหนึ่งก็ป่วยเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกระยะ 4b (Nasopharyngeal carcinoma Stage 4b )
ถ้าอยากอ่าน ฉบับเต็มเชิญที่
http://pantip.com/topic/32137686
เริ่มจากก่อนหน้านั้นผมมีอาการต่อมน้ำเหลืองที่คอบวมขึ้นมา จึงได้ไปทำการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โดยทางคุณหมอได้ทำการผ่าตัดเอาต่อมน้ำเหลืองไปตรวจทางแลปจำนวนหนึ่งก้อน เพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร หลังจากนั้นประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็ค่อยไปฟังผล
และเมื่อถึงวันที่ต้องไปรับผลตรวจตามวันนัด
เรื่องราวก็เป็นดังที่เล่าต่อไปนี้ครับ
เช้าวันนั้นเป็นเช้าปกติมากๆวันหนึ่งแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากวันอื่นๆเลย
ผมตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุกเหมือนเช่นทุกวันในอดีต
ลืมตามาดูนาฬิกาพร้อมบอกกับตัวเองด้วยคำพูดสุดคลาสสิคของตัวเอง
“”ขออีก 5 นาทีเถอะ!! “”
แล้วจัดแจงกดเลื่อนเวลาปลุกออกไป....และหลังจากเลื่อนไปได้ 3 รอบ (ตื่นยากมาก =,= )
แล้วจึงตัดสินใจอันแสนยากเย็นลุกขึ้นไป ทำกิจวัตรประจำวันปกติ ดังเช่น ยอดมนุษย์เงินเดือน แห่งมหานคร อันวุ่นวาย
วันนั้นไม่ได้แวะทานข้าวดังเช่นทุกวันเนื่องจากต้องออกนอก เส้นทาง กะว่า รับผลตรวจเสร็จแล้วค่อยไปทานที่ออฟฟิต (คิดผิดมาก T_T )
ณ ตอนนั้นในหัว วันนี้ คือวันธรรมดาวันหนึ่ง ที่ไม่ต้องทำงานช่วงเช้า “”””ช่างเป็นเช้าที่สุดแสนจะสบายยยยย
วันนั้นกลัวไปไม่ทันเลยนั่งแท็กซี่ไป....และเนื่องจากเส้นที่ไปรถไม่ติดมาก.....เลยไปถึงโรงพยาบาลเร็วกว่าที่คิดไว้
โดยผมมาถึงโรงพยาบาล ก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เดินตรงไปที่ แผนก หู คอ จมูก ทันที
ยืนบัตรนัดให้ทางคุณ พยาบาล ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน ตามขั้นตอนปกติ ( ผลก็ปกติทั่วๆไปไม่มีอะไรน่ากังกล)
เสร็จแล้วนั่งรอหมอเรียกเข้าห้องตรวจเพื่อแจ้งผล (ปฐมบทแห่งการเดินทางกำลังเริ่มต้น T_T )
พอถึงคิวผม พยาบาลก็เรียกชื่อผมเข้าไปที่ห้องตรวจ ในห้องตรวจจะมี คุณหมอสูงวัยท่านหนึ่ง ที่เป็นคนผ่าต่อมน้ำเหลืองออกไปตรวจนั่งรออยู่.........คุณ
หมอแกเป็นหมอสไตร์ที่ค่อนข้างดุหน่อยๆ คำพูดแกจะสั้นและกระชับตลอด ( เคยเจอก่อนหน้านั้น 2-3 ครั้ง )
และนี้คือเหตุการณ์ในห้องตรวจวันนั้น (จำได้แม่นเลย T_T )
หมอ : กำลังนั่งอ่านผลตรวจ....พร้อมบอก นั่งก่อนๆ
ผม : ยกมือไหว้ แล้ว นั่งลงบนเก้าอี้ตรวจ (ชิลมากๆตอนนั้น อารมณ์มาฟังว่าเป็นหวัด รับยาแล้วกลับบ้านได้ )
หมอ : อืมๆ (พร้อมสีหน้าไม่สู้ดีนัก) หลังจากนั้นเอื้อม มือสองข้างมาจับ ต่อมน้ำเหลือง ใต้คางทั้งสองข้าง
ผม : ผลเป็นไงมั่งครับคุณหมอ ( ยังไม่ รู้ชะตากรรม T_T )
หมอ : อ้า ปากกว้างๆแล้วแลบลิ้น
ผม : ทำตามหมอบอก ( เริ่มสงสัยทำไมยังไม่บอกผล )
หมอ : เปิดไฟที่หน้าผาก อีกมือจับลิ้นผม เอากระจกคล้ายของหมอฟัน สอดเข้าไปทางช่องปาก พร้อมบอกให้ร้อง อี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ผม : อี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (นานมากกกกกกกกกกกกกก)
หมอ : อืมๆ ก็ดูปกตินะ แล้วเอาเครื่องมือออก
ผม : อี้ๆๆๆ ....... ผลแลปเป็นไงมั่งครับหมอ
หมอ : เป็นเนื้องอก
ผม : เนื้องอก ???? ( ยังไม่รู้ว่ามันคือมะเร็ง )
หมอ : อืมมมม ชนิดร้าย
ผม : เนื้องอกชนิดร้าย !!!! ( มันมีแบบพระเอกด้วยหรือไงฟร่ะ)
หมอ : อืมมม.... ผลมันว่าอย่างนั้น ( หมอ อืมทั้งวัน )
ผม : ทำท่าเหมือนจะขอดูด้วย (อยากรู้อ่ะ)
หมอ : จะดูเหรอ พร้อมยื่นผลแลป เป็นกระดาษ มาให้
ผม : หยิบมา ก้มลงอ่าน นิ่งไปซักแป๊ป แล้วส่งคืนหมอ
หมอ : อืม..... รับผลคืน
ผม : แปลไม่ออกครับ !!! (น้ำตาจะไหล ศัพท์หมอทั้งนั้น T_T )
หมอ : ผลมันว่ากระจายมาจาก ส่วน Nasopharynx ( อะไรคือ Nasopharynx ฟร่ะ!! เกิดมาภาษาอังกฤษแปลกสุดที่เคยได้ยินก็แค่ McDonald )
ผม : เนื้องอกชนิดร้าย !!! นี้คือ มะเร็งหรือเปล่าครับ ???? ( เริ่มคุยคนละทางล่ะ .....)
หมอ : ก็แล้วแต่จะเรียก ( งั้นเรียกเจ้าขุนทองได้ไหมครับ T_T..... เวลาเพื่อนถามว่าป่วยเป็นอะไร จะได้บอกไป...........เป็นเจ้าขุนทองว่ะ !! ……… มันดูไม่รุนแรงดี T_T )
ผม : แล้วต้องยังไงต่อครับ
หมอ : ต้องส่งตรวจพิเศษเพิ่ม จะได้รู้ว่า primary มาจากไหน ( ตอนนั้นยังไม่รู้ต้นกำเนิดมากจากไหน ทำให้บอกชนิดของมะเร็งที่เป็นไม่ได้ รู้แต่เพียงเชื้อที่ตรวจเจอมาจากส่วนอื่น ......)
ผม : ครับ ...นานมั้ยครับ ( เริ่มเร่ง )
หมอ : ประมาณอาทิตย์หนึ่ง ..... (นิ่งมาก T_T )
ผม : แล้วเนื้องอกชนิดร้ายนี้รักษายังไงครับ ( ตอนนั้นก็ใช้เนื้องอกชนิดร้ายตามหมอเนอะ =,= )
หมอ : เดี๋ยวรอผมตรวจพิเศษเพิ่มแล้วมาว่ากัน.....
ผม : ครับ (เสียงอ่อยๆ.....อันนี้เริ่มเศร้าจริง T_T )
หมอ : เนี้ยเหมือนที่ผมเคยวินิจฉัยไว้ .......ชี้ไปมุมล่างซ้ายมีเขียน R/O lymphoma
ผม : ครับ....... (แต่ที่ตรวจครั้งก่อนหมอบอกว่าไม่น่าจะเป็นมะเร็งนะครับ ผมยังบอกที่บ้านอยู่เลยว่าไม่มีอะไรหรอก …. ผมจำได้ T_T )
หมอ : เดี๋ยวออกไปนั่งรอใบนัดข้างนอกก่อนนะ
ผม : ครับ.....เดินงงๆออกมาจากห้อง ( เพลงเศร้าสไตร์เกาหลีลอยเข้ามาในหัวเบาๆ T_T )
เสร็จแล้วก็นั่งรอ รับบัตรนัด มีเรื่องกับการใช้สิทธิประกันสังคมเล็กน้อย.....แต่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญของวันนี้ขอข้ามไปก่อน
หลังจากออกมาจากโรงบาลต้องนั่งรถไฟฟ้ากลับไปทำงานต่อช่วงบ่าย (พนักงานดีเด่นจริงๆ

)
ระหว่างทางบนรถไฟฟ้าอารมณ์ตอนนั้นนี้ ประมาณ พระเอกต้องหนีนางเอกไปแต่งงานกับคนอื่นเพื่อปกป้องหมู่บ้านอะไรแบบนั้นเลยครับ T_T ....... มองคนบนรถไฟฟ้าแล้วแบบ น่าอิจฉาอ่ะ ดูเป็นคนปกติกัน ( อารมณ์แบกโลกมาเต็ม คิดว่าจบกันแล้วชีวิตนี้ )
พอมาถึงตึกสวนกับคนที่ออฟฟิตพอดี เขาเลยถามว่าจะไปกินข้าวด้วยกันไหม .....ก็บอกปฎิเสธไป....คือ ไม่ไหวอารมณ์ตอนนั้นขออยู่คนเดียวซักแป๊ป ( สติยังไม่เข้าที )
เดินใจลอยๆไปแคนทีนใต้ตึก แลกคูปอง และแน่นอน อาหารก็หนีไม่พ้น
"แกงจืด กับผัดผัก !!!!"
( เหมือนมีคนมากรอกหูย้ำๆ เจ เจ เจ เจ เจ เจ เจ เจ เจ เจ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผัก ผัก ผักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ห้ามกินเนื้อสัตว์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นระบบอัตโนมัติมาก )
กินไปได้นิดนึงก็ไม่ไหวกินไม่ค่อยลงจริงๆ คือก็ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้านะ แต่มันแน่นๆ ชาๆ ยังไงบอกไม่ถูก เลยขึ้นไปออฟฟิต
พอถึงโต๊ะที่ออฟฟิต ด้วยความที่เป็นคนรับผิดชอบงานมาก สิ่งแรกที่ทำเลย
เข้ากูเกิล พิมพ์คำว่า
“
Lymphoma ” ทันที!!!! .....
มันคืออะไรรรรรรรร เจ้า Lymphoma เนี้ย!!!!!! (คืออึดอัดมาตลอดทาง อยากรู้ จะถามหมอก็คนไข้เยอะอีก บร๊ะ!!! )
( คือตอนนั้นใจจดจ่อแต่ Lymphoma ที่หมอชี้ตอนท้ายอย่างเดียว ไม่ได้สนใจเจ้า Nasopharynx เท่าไร)
ทำให้วันนั้นทั้งวันผมคิดว่าผมเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนะทั้งที่จริงๆเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก คนละตัวกัน รักษาไม่เหมือนกัน
นั่งหาข้อมูลอยู่ซักพักก็จบหลักสูตร หมอกูเกิ้ล ขั้นหนึ่งทันที ( เริ่ม มโน และกังวลเกินจริง 555 ) ทุกอย่างมันดูแย่มาก ตรูต้องตายชัวร์ๆๆๆๆๆๆ (แค่ชนิด

ก็ผิดตัวแล้ว

จะรอดได้อย่างไร 555 )
(มีต่อๆ)
วันแรกที่หมอบอกว่าผมเป็นมะเร็ง
ข้อมูลพื้นฐาน
ผมเป็นชายไทยอายุสามสิบนิดๆ ทำงานเป็นยอดมนุษย์เงินเดือน แล้ววันหนึ่งก็ป่วยเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกระยะ 4b (Nasopharyngeal carcinoma Stage 4b )
ถ้าอยากอ่าน ฉบับเต็มเชิญที่ http://pantip.com/topic/32137686
เริ่มจากก่อนหน้านั้นผมมีอาการต่อมน้ำเหลืองที่คอบวมขึ้นมา จึงได้ไปทำการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โดยทางคุณหมอได้ทำการผ่าตัดเอาต่อมน้ำเหลืองไปตรวจทางแลปจำนวนหนึ่งก้อน เพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร หลังจากนั้นประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็ค่อยไปฟังผล
และเมื่อถึงวันที่ต้องไปรับผลตรวจตามวันนัด
เรื่องราวก็เป็นดังที่เล่าต่อไปนี้ครับ
เช้าวันนั้นเป็นเช้าปกติมากๆวันหนึ่งแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากวันอื่นๆเลย
ผมตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุกเหมือนเช่นทุกวันในอดีต
ลืมตามาดูนาฬิกาพร้อมบอกกับตัวเองด้วยคำพูดสุดคลาสสิคของตัวเอง
“”ขออีก 5 นาทีเถอะ!! “”
แล้วจัดแจงกดเลื่อนเวลาปลุกออกไป....และหลังจากเลื่อนไปได้ 3 รอบ (ตื่นยากมาก =,= )
แล้วจึงตัดสินใจอันแสนยากเย็นลุกขึ้นไป ทำกิจวัตรประจำวันปกติ ดังเช่น ยอดมนุษย์เงินเดือน แห่งมหานคร อันวุ่นวาย
วันนั้นไม่ได้แวะทานข้าวดังเช่นทุกวันเนื่องจากต้องออกนอก เส้นทาง กะว่า รับผลตรวจเสร็จแล้วค่อยไปทานที่ออฟฟิต (คิดผิดมาก T_T )
ณ ตอนนั้นในหัว วันนี้ คือวันธรรมดาวันหนึ่ง ที่ไม่ต้องทำงานช่วงเช้า “”””ช่างเป็นเช้าที่สุดแสนจะสบายยยยย
วันนั้นกลัวไปไม่ทันเลยนั่งแท็กซี่ไป....และเนื่องจากเส้นที่ไปรถไม่ติดมาก.....เลยไปถึงโรงพยาบาลเร็วกว่าที่คิดไว้
โดยผมมาถึงโรงพยาบาล ก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เดินตรงไปที่ แผนก หู คอ จมูก ทันที
ยืนบัตรนัดให้ทางคุณ พยาบาล ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน ตามขั้นตอนปกติ ( ผลก็ปกติทั่วๆไปไม่มีอะไรน่ากังกล)
เสร็จแล้วนั่งรอหมอเรียกเข้าห้องตรวจเพื่อแจ้งผล (ปฐมบทแห่งการเดินทางกำลังเริ่มต้น T_T )
พอถึงคิวผม พยาบาลก็เรียกชื่อผมเข้าไปที่ห้องตรวจ ในห้องตรวจจะมี คุณหมอสูงวัยท่านหนึ่ง ที่เป็นคนผ่าต่อมน้ำเหลืองออกไปตรวจนั่งรออยู่.........คุณ
หมอแกเป็นหมอสไตร์ที่ค่อนข้างดุหน่อยๆ คำพูดแกจะสั้นและกระชับตลอด ( เคยเจอก่อนหน้านั้น 2-3 ครั้ง )
และนี้คือเหตุการณ์ในห้องตรวจวันนั้น (จำได้แม่นเลย T_T )
หมอ : กำลังนั่งอ่านผลตรวจ....พร้อมบอก นั่งก่อนๆ
ผม : ยกมือไหว้ แล้ว นั่งลงบนเก้าอี้ตรวจ (ชิลมากๆตอนนั้น อารมณ์มาฟังว่าเป็นหวัด รับยาแล้วกลับบ้านได้ )
หมอ : อืมๆ (พร้อมสีหน้าไม่สู้ดีนัก) หลังจากนั้นเอื้อม มือสองข้างมาจับ ต่อมน้ำเหลือง ใต้คางทั้งสองข้าง
ผม : ผลเป็นไงมั่งครับคุณหมอ ( ยังไม่ รู้ชะตากรรม T_T )
หมอ : อ้า ปากกว้างๆแล้วแลบลิ้น
ผม : ทำตามหมอบอก ( เริ่มสงสัยทำไมยังไม่บอกผล )
หมอ : เปิดไฟที่หน้าผาก อีกมือจับลิ้นผม เอากระจกคล้ายของหมอฟัน สอดเข้าไปทางช่องปาก พร้อมบอกให้ร้อง อี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ผม : อี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (นานมากกกกกกกกกกกกกก)
หมอ : อืมๆ ก็ดูปกตินะ แล้วเอาเครื่องมือออก
ผม : อี้ๆๆๆ ....... ผลแลปเป็นไงมั่งครับหมอ
หมอ : เป็นเนื้องอก
ผม : เนื้องอก ???? ( ยังไม่รู้ว่ามันคือมะเร็ง )
หมอ : อืมมมม ชนิดร้าย
ผม : เนื้องอกชนิดร้าย !!!! ( มันมีแบบพระเอกด้วยหรือไงฟร่ะ)
หมอ : อืมมม.... ผลมันว่าอย่างนั้น ( หมอ อืมทั้งวัน )
ผม : ทำท่าเหมือนจะขอดูด้วย (อยากรู้อ่ะ)
หมอ : จะดูเหรอ พร้อมยื่นผลแลป เป็นกระดาษ มาให้
ผม : หยิบมา ก้มลงอ่าน นิ่งไปซักแป๊ป แล้วส่งคืนหมอ
หมอ : อืม..... รับผลคืน
ผม : แปลไม่ออกครับ !!! (น้ำตาจะไหล ศัพท์หมอทั้งนั้น T_T )
หมอ : ผลมันว่ากระจายมาจาก ส่วน Nasopharynx ( อะไรคือ Nasopharynx ฟร่ะ!! เกิดมาภาษาอังกฤษแปลกสุดที่เคยได้ยินก็แค่ McDonald )
ผม : เนื้องอกชนิดร้าย !!! นี้คือ มะเร็งหรือเปล่าครับ ???? ( เริ่มคุยคนละทางล่ะ .....)
หมอ : ก็แล้วแต่จะเรียก ( งั้นเรียกเจ้าขุนทองได้ไหมครับ T_T..... เวลาเพื่อนถามว่าป่วยเป็นอะไร จะได้บอกไป...........เป็นเจ้าขุนทองว่ะ !! ……… มันดูไม่รุนแรงดี T_T )
ผม : แล้วต้องยังไงต่อครับ
หมอ : ต้องส่งตรวจพิเศษเพิ่ม จะได้รู้ว่า primary มาจากไหน ( ตอนนั้นยังไม่รู้ต้นกำเนิดมากจากไหน ทำให้บอกชนิดของมะเร็งที่เป็นไม่ได้ รู้แต่เพียงเชื้อที่ตรวจเจอมาจากส่วนอื่น ......)
ผม : ครับ ...นานมั้ยครับ ( เริ่มเร่ง )
หมอ : ประมาณอาทิตย์หนึ่ง ..... (นิ่งมาก T_T )
ผม : แล้วเนื้องอกชนิดร้ายนี้รักษายังไงครับ ( ตอนนั้นก็ใช้เนื้องอกชนิดร้ายตามหมอเนอะ =,= )
หมอ : เดี๋ยวรอผมตรวจพิเศษเพิ่มแล้วมาว่ากัน.....
ผม : ครับ (เสียงอ่อยๆ.....อันนี้เริ่มเศร้าจริง T_T )
หมอ : เนี้ยเหมือนที่ผมเคยวินิจฉัยไว้ .......ชี้ไปมุมล่างซ้ายมีเขียน R/O lymphoma
ผม : ครับ....... (แต่ที่ตรวจครั้งก่อนหมอบอกว่าไม่น่าจะเป็นมะเร็งนะครับ ผมยังบอกที่บ้านอยู่เลยว่าไม่มีอะไรหรอก …. ผมจำได้ T_T )
หมอ : เดี๋ยวออกไปนั่งรอใบนัดข้างนอกก่อนนะ
ผม : ครับ.....เดินงงๆออกมาจากห้อง ( เพลงเศร้าสไตร์เกาหลีลอยเข้ามาในหัวเบาๆ T_T )
เสร็จแล้วก็นั่งรอ รับบัตรนัด มีเรื่องกับการใช้สิทธิประกันสังคมเล็กน้อย.....แต่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญของวันนี้ขอข้ามไปก่อน
หลังจากออกมาจากโรงบาลต้องนั่งรถไฟฟ้ากลับไปทำงานต่อช่วงบ่าย (พนักงานดีเด่นจริงๆ
ระหว่างทางบนรถไฟฟ้าอารมณ์ตอนนั้นนี้ ประมาณ พระเอกต้องหนีนางเอกไปแต่งงานกับคนอื่นเพื่อปกป้องหมู่บ้านอะไรแบบนั้นเลยครับ T_T ....... มองคนบนรถไฟฟ้าแล้วแบบ น่าอิจฉาอ่ะ ดูเป็นคนปกติกัน ( อารมณ์แบกโลกมาเต็ม คิดว่าจบกันแล้วชีวิตนี้ )
พอมาถึงตึกสวนกับคนที่ออฟฟิตพอดี เขาเลยถามว่าจะไปกินข้าวด้วยกันไหม .....ก็บอกปฎิเสธไป....คือ ไม่ไหวอารมณ์ตอนนั้นขออยู่คนเดียวซักแป๊ป ( สติยังไม่เข้าที )
เดินใจลอยๆไปแคนทีนใต้ตึก แลกคูปอง และแน่นอน อาหารก็หนีไม่พ้น
"แกงจืด กับผัดผัก !!!!"
( เหมือนมีคนมากรอกหูย้ำๆ เจ เจ เจ เจ เจ เจ เจ เจ เจ เจ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผัก ผัก ผักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ห้ามกินเนื้อสัตว์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นระบบอัตโนมัติมาก )
กินไปได้นิดนึงก็ไม่ไหวกินไม่ค่อยลงจริงๆ คือก็ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้านะ แต่มันแน่นๆ ชาๆ ยังไงบอกไม่ถูก เลยขึ้นไปออฟฟิต
พอถึงโต๊ะที่ออฟฟิต ด้วยความที่เป็นคนรับผิดชอบงานมาก สิ่งแรกที่ทำเลย
เข้ากูเกิล พิมพ์คำว่า
“ Lymphoma ” ทันที!!!! .....
มันคืออะไรรรรรรรร เจ้า Lymphoma เนี้ย!!!!!! (คืออึดอัดมาตลอดทาง อยากรู้ จะถามหมอก็คนไข้เยอะอีก บร๊ะ!!! )
( คือตอนนั้นใจจดจ่อแต่ Lymphoma ที่หมอชี้ตอนท้ายอย่างเดียว ไม่ได้สนใจเจ้า Nasopharynx เท่าไร)
ทำให้วันนั้นทั้งวันผมคิดว่าผมเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนะทั้งที่จริงๆเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก คนละตัวกัน รักษาไม่เหมือนกัน
นั่งหาข้อมูลอยู่ซักพักก็จบหลักสูตร หมอกูเกิ้ล ขั้นหนึ่งทันที ( เริ่ม มโน และกังวลเกินจริง 555 ) ทุกอย่างมันดูแย่มาก ตรูต้องตายชัวร์ๆๆๆๆๆๆ (แค่ชนิด
(มีต่อๆ)