ตั้งแต่วันที่
1มิถุนายน2557 เป็นต้นไป ทางกรมการขนส่งได้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขของการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถ เกี่ยวกับการสอบภาคทฤษฎีคือการสอบข้อเขียนจากเดิมที่มีข้อสอบ 30ข้อ และต้องตอบถูกตั้งแต่ 23ข้อขึ้นไป ตอนนี้ได้เปลี่ยนให้ข้อสอบมี 50ข้อ และต้องตอบถูกตั้งแต่ 45ข้อขึ้นไป (คิดเป็น 90%เลยทีเดียว) ทั้งนี้
การปรับเปลี่ยนชั่วโมงการอบรมจากเดิม 4ชม.เป็น 12ชม.นั้น เป็นเพียงแค่ข่าวลือนะครับ ซึ่งทางกรมการขนส่งได้ออกมายืนยันเรียบร้อยแล้ว (ลิงค์ข่าว
http://www.thairath.co.th/content/426329)
ผมเป็น 1ในหลายๆคนที่โชคดีครับที่ได้มาเจอกับการเปลี่ยนแปลงอันนี้
ซึ่งผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ รวมทั้งให้เทคนิคเกี่ยวกับการทดสอบ
เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาสอบซ่อมอีกหลายๆวันครับ
การขอรับใบอนุญาตขับขี่ทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราวนั้น มีขั้นตอนที่เหมือนกัน แบ่งเป็น 6ขั้นตอน
1. ยื่นเอกสาร อันได้แก่
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมบัตรตัวจริง
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ใบรับรองแพทย์
2. ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย อันได้แก่
- ทดสอบการมองเห็นสีหรือตาบอดสี ทั้งสีเขียว แดง และเหลือง
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฏิกิริยาเท้า
3. อบรมทฤษฎีและความรู้เกี่ยวกับการขับขี่
4. ทดสอบภาคทฤษฎีคือการสอบข้อเขียน
5. ทดสอบภาคปฏิบัติคือการสอบขับขี่
6. ชำระเงินและรอรับใบอนุญาตขับขี่
*** ทุกขั้นตอนจะกระทำข้ามมิได้ หมายความว่าคุณจะต้องผ่านขั้นตอนแรกก่อนจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปได้ เช่น หากคุณไม่ผ่านการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย คุณก็ไม่มีสิทธิ์เข้ารับการอบรม
***** ปัจจุบันปรับเปลี่ยนให้ขั้นตอนที่ 1-4 ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันแรก หากไม่ผ่านในขั้นตอนนี้ให้มาดำเนินการใหม่ภายในวันรุ่งขึ้นได้ทันที ส่วนขั้นตอนที่ 5-6 ให้ดำเนินการได้ในวันถัดไป หากไม่ผ่านการทดสอบภาคปฏิบัติให้มาสอบซ่อมได้ตั้งแต่อีก 3วันให้หลังเป็นต้นไป เช่น มาสอบขับรถวันที่ 5 แต่ไม่ผ่าน คุณจะมาสอบซ่อมได้ตั้งแต่วันที่ 8 เป็นต้นไป จะมาวันที่ 9,10,11 ก็ย่อมได้ แต่มีกำหนดว่าจะต้องไม่เกิน 90วันจากการทดสอบครั้งแรก
ตัวอย่างการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย
ทดสอบการมองเห็นสี

เพื่อทดสอบความปกติในการแยกแยะสีเขียว แดง และเหลือง โดยการตอบชื่อสีตามที่ปราฎ
ทดสอบสายตาทางลึก

เพื่อทดสอบการกะระยะในทางลึกโดยให้ผู้ทดสอบใช้ปุ่มบังคับใหัสลักไม้ในกล่องเลื่อนมาตรงกัน
ทดสอบสายตาทางกว้าง

เพื่อทดสอบการมองเห็นในระยะกว้างโดยผู้ทดสอบจะต้องมองไปยังจุดกึ่งกลางสีเหลืองแล้วตอบชื่อสีที่ปราฎเป็นวงกลมทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ห้ามเหลือบตาไปด้านใดด้านหนึ่งเด็ดขาด
ทดสอบปฏิกิริยาเท้า

เพื่อทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองของเท้าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยผู้ทดสอบจะต้องเหยียบเบรกเมื่อปุ่มสีเขียวเริ่มวิ่งไล่ระดับ หากปุ่มสีเขียววิ่งไล่ระดับไปจนถึงจุดสีแดง จะถือว่าสอบตก
จริงๆแล้วการทดสอบหลักๆของการขอรับใบขับขี่ (ขอเรียกย่อๆนะครับ)
มีอยู่แค่ 2ขั้นตอนเท่านั้น คือการสอบข้อเขียนและสอบปฏิบัติ
ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าเราจะมีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรไม่ให้สอบตกครับ
1. การสอบภาคทฤษฎีหรือการสอบข้อเขียน
ถ้าเป็นแต่ก่อน คุณแทบจะไม่ต้องเตรียมตัวด้วยซ้ำ ไปนั่งจำป้ายจราจรต่างๆหน้าห้องสอบ บางข้อก้เดามั่วสุ่มๆ แค่นี้ก้ผ่านแล้วครับ แต่ในปัจจุบันเราทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะโอกาสผ่านจะน้อยมาก เนื่องจากเราต้องตอบให้ถูกคิดเป็น 90%
วิธีการไม่ได้ยากอะไรเลยครับเราก้แค่หาอ่านเหมือนการติวข้อสอบอย่างหนึ่งแค่นั้นเอง แล้วจะไปหาอ่านได้จากไหนล่ะ? ที่นี่เลยครับเชิญ
http://apps.dlt.go.th/e_exam/
จริงๆผมไม่อยากจะมักง่ายเพียงแค่เอาลิ้งมาแปะ แต่มันง่ายแบบนั้นจริงๆครับ
เพียงแค่คุณอ่านและจำ มันไม่ได้ยากอะไรเลย
คำแนะนำจากผมก้คือ ให้คุณหาสมุดมาซักเล่มแล้วโน้ตข้อที่คุณจะต้องจำครับ
นั่นก้คือข้อที่มีตัวเลขต่างๆ ดูเหมือนมันจะเยอะก้จริง แต่ตอนที่คุณจำไปแล้วมันก้จะจำได้เองครับ ค่อยๆจำทีละข้อไม่ต้องรีบเลยครับ
ในหมวด มารยาทและจิตสำนึก และเทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย จริงไม่ต้องอ่านก้ได้ครับ มันเป็นสามัญสำนึกที่คนปกติทั่วไปที่จิตไม่ฟั่นเฟืองจะต้องตอบถูก
คือทั้ง 3ข้อ จะเป็นข้อที่ผิด อีก1ข้อจะเป็นข้อที่ถูก ยกตัวอย่างเช่น
การขับรถถอยหลังควรใช้ความเร็วระดับใด
ก ถอยช้าๆ แล้วใช้ความระมัดระวัง
ข ถอยแบบไหนก็ได้
ค ถอยเหมือนกับเดินหน้า
ง ใช้ความเร็วตามสภาพของรถ
ถ้าคุณจิตปกติก้จะต้องตอบข้อ ก. อย่างแน่นอนครับ
ในการทดสอบขั้นตอนนี้ไม่มีใครช่วยคุณได้เลยครับ คุณจะต้องช่วยตัวเองด้วยการจำล้วนๆ คนอื่นอาจจะช่วยติวให้คุณได้ แต่ตอนทำแบบทดสอบคุณก้ต้องพึ่งความจำคุณเองละครับ ซึ่งถ้าคุณอ่านครบทุกข้อ มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คุณจะได้คะแนน 50เต็มแบบผม

ใช่ครับผมอวด แต่อวดด้วยความภูมิใจครับ ผมสังเกตคนแต่ละคนที่มาเข้าอบรมครับ ดูไม่ยากเลยว่าพวกเขาไม่ได้เตรียมตัวกันมา ซึ่งหากจะหวังมาพึ่งวิทยากรที่มาให้ความรู้มันก้เสี่ยงดวงอยู่ดีครับ บางที่ก้ติวข้อสอบให้เยอะมาก บางที่ก้เปิดวิดีโอให้ดู หาหนังสือให้อ่านกันเอง เพราะฉะนั้นการจะผ่านขั้นตอนนี้มันก้อยู่ที่ตัวคุณเองแล้วละครับว่าจะขี้เกียจอ่านขี้เกียจจำไหม ฝีมือในการขับรถมันไม่ได้ใช้ในขั้นตอนนี้ แต่เก็บไว้ใช้ในขั้นตอนหน้าครับ
2. การทดสอบภาคปฏิบัติหรือการสอบขับขี่
ผมไม่ทราบว่าเขตจังหวัดแต่ละเขตมีด่านการทดสอบที่เหมือนกันหรือไม่
แต่วันนี้ผมจะมาแนะนำเทคนิคการทดสอบขับขี่ 3ท่ามาตรฐานนะครับได้แก่
2.1 ท่าเดินหน้าถอยหลังตรง

ท่าเบสิคสุดในการขับรถทุกชนิด ไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายครับ แค่คุณตั้งลำตัวของรถให้ตรง เดินหน้าสุดถอยหลังสุด แค่นี้ก้ผ่านแล้วครับ
2.2 ท่าถอยหลังเข้าจอด

ท่านี้จะมีเสา กรวย หรือไม้ค้ำอะไรก้ว่ากันไป มาตั้งจำกัดพื้นที่ให้เราถอยหลังเข้าจอดไปในบริเวณนั้น โดยจะต้องทับเส้นสีเหลืองที่ตีเอาไว้ใกล้ๆกับเสาต้นในและห้ามตัวรถชนกับเสาต้นใดต้นหนึ่งเป็นอันขาดมิฉะนั้นจะถือว่าสอบตก ข้อห้ามอีกประการก้คือห้ามคุณใช้เกิน 7เกียร์ในการถอยหลังเข้าจอด เช่นเมื่อคุณใส่เกียร์ถอยหลังจะนับเป็น1เกียร์ หากคุณใส่เกียร์เดินหน้าอีกก้จะนับเป็น2เกียร์
เทคนิคอยู่ตรงนี้ครับ
*** สำหรับรถเกียร์ออโต้จำพวกรถเก๋งให้ดูตามภาพนี้เลยครับ

วิธีก้คือ
1) ให้คุณขับตรงไปแล้วหยุดรถให้ขอบกระจกรถด้านหลังรูปสามเหลี่ยมตรงกับเสาต้นที่1 โดยใช้การมองหลัง ตามภาพ

2) ให้คุณหักพวงมาลัยซ้ายสุดแล้วถอยหลังจนกึ่งกลางรถตรงกับเสาต้นที่ 2โดยใช้การมองหลัง (เสาต้นที่2คือเสาต้นที่นับจากมุมล่างซ้ายขึ้นบนจะเป็นเสาที่3ครับ)
3) ให้คุณคืนพวงมาลัยให้ล้อตรงแล้วถอยหลังจนล้อขวาหลังทับเส้นที่ตีเอาไว้ครับ อาจจะเป็นสีดำหรือสีขาวขึ้นอยู่กับแต่ละที่
4) ให้คุณหักขวาหมดแล้วถอยเข้าจอดเลยครับ ปรับหน้ารถให้ตรงแล้วทำการคืนพวงมาลัยแล้วใส่เกียร์ว่าง ล้อด้านซ้ายทั้งหมดจะทับเส้นสีเหลืองที่ตีอยู่ทางขอบเสาด้านซ้ายพอดี
*** สำหรับรถเกียร์ธรรมดาจำพวกรถกระบะให้ดูตามภาพนี้ครับ

วิธีก้คือ
1) ให้คุณขับตรงไปแล้วหยุดรถให้ด้านปลายหลังของกระบะรถทางซ้ายตรงกับเสาต้นที่1 ตามภาพ (เสาต้นนี้คือต้นที่2หากนับจากมุมล่างซ้ายขึ้นบน)

2) ให้คุณหักพวงมาลัยซ้ายสุดแล้วถอยหลัง จากนั้นให้สังเกตกระจกมองหลังด้านขวา หากคุณเห็นเสาต้นที่2 (คือเสาต้นแรกสุดด้านล่างซ้าย)ให้หยุดรถ
3) ให้คุณคืนพวงมาลัยให้ล้อตรงและถอยหลังให้ล้อขวาหลังมาทับเส้นที่ตีไว้
4) ให้คุณหักขวาหมดแล้วถอยหลังเข้าจอด ปรับแต่งหน้ารถให้ตรงด้วยการเดินหน้า ใช้กระจกมองหลังด้านซ้ายเพื่อดูว่าล้อขนานกับเส้นเหลืองที่ตีไว้หรือยัง ถ้ายังก้ปรับให้ตรงพยายามอย่าเกิน7เกียร์ เมื่อคิดว่ารถตรงแล้วให้คืนล้อให้ตรง เข้าเกียร์ว่าง
2.3 ท่าจอดรถเทียบทางเท้า

ท่านี้อาจจะเป็นท่าปราบเซียนสำหรับใครหลายๆคน คนที่ว่าขับรถเก่งๆเจอท่านี้ตกกันไปก้หลายคน เนื่องจากการจะสอบผ่านท่านี้คุณจะต้องทำการกะระยะด้วยสายตาตนเองล้วนๆ บางคนบอกว่าต้องใช้ดวงด้วย อย่างไรก้ตามคำแนะนำของผมคือการฝึกให้คล่องให้ชินครับ การจอดหรือขับเลียบฟุตบาทเป็นสิ่งที่ฝึกได้ง่ายเพราะฟุตบาทมีอยู่ทุกหนแห่ง เมื่อเราชินกับการขับและกะระยะแล้ว เราก้จะสามารถสอบผ่านท่านี้ได้สบายเลยครับ
วิธีการก้คือเราจะต้องนำรถเลี้ยวเข้าเทียบทางเท้าและล้อหน้ากับล้อหลังจะต้องเหยียบเส้นที่ตีไว้เลียบทางเท้าครับ
******* ทุกท่าการทดสอบ สำหรับรถเกียร์กระปุกให้ใช้การเลี้ยงคลัทช์เกียร์ 1 เท่านั้นนะครับ และรถเกียร์ออโต้ก้ให้ค่อยๆเลี้ยงเบรกไป ไม่ต้องใช้คันเร่งเลยจะดีที่สุดครับ
******* สำหรับรถที่มีเซนเซอร์ถอยหลัง ให้ทำการปิดด้วยนะครับ ไม่งั้นจะโดนปรับตกให้มาสอบซ่อมใหม่ สำหรับรถที่ปิดเซนเซอร์ไม่ได้ ให้นำเทปกาวสีทึบๆมาปิดทับเซนเซอร์กลมๆบริเวณท้ายรถไว้นะครับ
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดี ได้ใบขับขี่กันถ้วนหน้าครับ
Credit ภาพจาก
www.thaieditorial.com
www.bkkdriving.com
knowledgeth.blogspot.com
www.google.co.th
การสอบใบขับขี่ในรูปแบบใหม่ เป็นยังไง?? มาเตรียมความพร้อมกัน
ผมเป็น 1ในหลายๆคนที่โชคดีครับที่ได้มาเจอกับการเปลี่ยนแปลงอันนี้
ซึ่งผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ รวมทั้งให้เทคนิคเกี่ยวกับการทดสอบ
เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาสอบซ่อมอีกหลายๆวันครับ
การขอรับใบอนุญาตขับขี่ทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราวนั้น มีขั้นตอนที่เหมือนกัน แบ่งเป็น 6ขั้นตอน
1. ยื่นเอกสาร อันได้แก่
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมบัตรตัวจริง
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ใบรับรองแพทย์
2. ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย อันได้แก่
- ทดสอบการมองเห็นสีหรือตาบอดสี ทั้งสีเขียว แดง และเหลือง
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฏิกิริยาเท้า
3. อบรมทฤษฎีและความรู้เกี่ยวกับการขับขี่
4. ทดสอบภาคทฤษฎีคือการสอบข้อเขียน
5. ทดสอบภาคปฏิบัติคือการสอบขับขี่
6. ชำระเงินและรอรับใบอนุญาตขับขี่
*** ทุกขั้นตอนจะกระทำข้ามมิได้ หมายความว่าคุณจะต้องผ่านขั้นตอนแรกก่อนจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปได้ เช่น หากคุณไม่ผ่านการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย คุณก็ไม่มีสิทธิ์เข้ารับการอบรม
***** ปัจจุบันปรับเปลี่ยนให้ขั้นตอนที่ 1-4 ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันแรก หากไม่ผ่านในขั้นตอนนี้ให้มาดำเนินการใหม่ภายในวันรุ่งขึ้นได้ทันที ส่วนขั้นตอนที่ 5-6 ให้ดำเนินการได้ในวันถัดไป หากไม่ผ่านการทดสอบภาคปฏิบัติให้มาสอบซ่อมได้ตั้งแต่อีก 3วันให้หลังเป็นต้นไป เช่น มาสอบขับรถวันที่ 5 แต่ไม่ผ่าน คุณจะมาสอบซ่อมได้ตั้งแต่วันที่ 8 เป็นต้นไป จะมาวันที่ 9,10,11 ก็ย่อมได้ แต่มีกำหนดว่าจะต้องไม่เกิน 90วันจากการทดสอบครั้งแรก
ตัวอย่างการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย
ทดสอบการมองเห็นสี
เพื่อทดสอบความปกติในการแยกแยะสีเขียว แดง และเหลือง โดยการตอบชื่อสีตามที่ปราฎ
ทดสอบสายตาทางลึก
เพื่อทดสอบการกะระยะในทางลึกโดยให้ผู้ทดสอบใช้ปุ่มบังคับใหัสลักไม้ในกล่องเลื่อนมาตรงกัน
ทดสอบสายตาทางกว้าง
เพื่อทดสอบการมองเห็นในระยะกว้างโดยผู้ทดสอบจะต้องมองไปยังจุดกึ่งกลางสีเหลืองแล้วตอบชื่อสีที่ปราฎเป็นวงกลมทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ห้ามเหลือบตาไปด้านใดด้านหนึ่งเด็ดขาด
ทดสอบปฏิกิริยาเท้า
เพื่อทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองของเท้าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยผู้ทดสอบจะต้องเหยียบเบรกเมื่อปุ่มสีเขียวเริ่มวิ่งไล่ระดับ หากปุ่มสีเขียววิ่งไล่ระดับไปจนถึงจุดสีแดง จะถือว่าสอบตก
จริงๆแล้วการทดสอบหลักๆของการขอรับใบขับขี่ (ขอเรียกย่อๆนะครับ)
มีอยู่แค่ 2ขั้นตอนเท่านั้น คือการสอบข้อเขียนและสอบปฏิบัติ
ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าเราจะมีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรไม่ให้สอบตกครับ
1. การสอบภาคทฤษฎีหรือการสอบข้อเขียน
ถ้าเป็นแต่ก่อน คุณแทบจะไม่ต้องเตรียมตัวด้วยซ้ำ ไปนั่งจำป้ายจราจรต่างๆหน้าห้องสอบ บางข้อก้เดามั่วสุ่มๆ แค่นี้ก้ผ่านแล้วครับ แต่ในปัจจุบันเราทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะโอกาสผ่านจะน้อยมาก เนื่องจากเราต้องตอบให้ถูกคิดเป็น 90%
วิธีการไม่ได้ยากอะไรเลยครับเราก้แค่หาอ่านเหมือนการติวข้อสอบอย่างหนึ่งแค่นั้นเอง แล้วจะไปหาอ่านได้จากไหนล่ะ? ที่นี่เลยครับเชิญ
http://apps.dlt.go.th/e_exam/
จริงๆผมไม่อยากจะมักง่ายเพียงแค่เอาลิ้งมาแปะ แต่มันง่ายแบบนั้นจริงๆครับ
เพียงแค่คุณอ่านและจำ มันไม่ได้ยากอะไรเลย
คำแนะนำจากผมก้คือ ให้คุณหาสมุดมาซักเล่มแล้วโน้ตข้อที่คุณจะต้องจำครับ
นั่นก้คือข้อที่มีตัวเลขต่างๆ ดูเหมือนมันจะเยอะก้จริง แต่ตอนที่คุณจำไปแล้วมันก้จะจำได้เองครับ ค่อยๆจำทีละข้อไม่ต้องรีบเลยครับ
ในหมวด มารยาทและจิตสำนึก และเทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย จริงไม่ต้องอ่านก้ได้ครับ มันเป็นสามัญสำนึกที่คนปกติทั่วไปที่จิตไม่ฟั่นเฟืองจะต้องตอบถูก
คือทั้ง 3ข้อ จะเป็นข้อที่ผิด อีก1ข้อจะเป็นข้อที่ถูก ยกตัวอย่างเช่น
การขับรถถอยหลังควรใช้ความเร็วระดับใด
ก ถอยช้าๆ แล้วใช้ความระมัดระวัง
ข ถอยแบบไหนก็ได้
ค ถอยเหมือนกับเดินหน้า
ง ใช้ความเร็วตามสภาพของรถ
ถ้าคุณจิตปกติก้จะต้องตอบข้อ ก. อย่างแน่นอนครับ
ในการทดสอบขั้นตอนนี้ไม่มีใครช่วยคุณได้เลยครับ คุณจะต้องช่วยตัวเองด้วยการจำล้วนๆ คนอื่นอาจจะช่วยติวให้คุณได้ แต่ตอนทำแบบทดสอบคุณก้ต้องพึ่งความจำคุณเองละครับ ซึ่งถ้าคุณอ่านครบทุกข้อ มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คุณจะได้คะแนน 50เต็มแบบผม
ใช่ครับผมอวด แต่อวดด้วยความภูมิใจครับ ผมสังเกตคนแต่ละคนที่มาเข้าอบรมครับ ดูไม่ยากเลยว่าพวกเขาไม่ได้เตรียมตัวกันมา ซึ่งหากจะหวังมาพึ่งวิทยากรที่มาให้ความรู้มันก้เสี่ยงดวงอยู่ดีครับ บางที่ก้ติวข้อสอบให้เยอะมาก บางที่ก้เปิดวิดีโอให้ดู หาหนังสือให้อ่านกันเอง เพราะฉะนั้นการจะผ่านขั้นตอนนี้มันก้อยู่ที่ตัวคุณเองแล้วละครับว่าจะขี้เกียจอ่านขี้เกียจจำไหม ฝีมือในการขับรถมันไม่ได้ใช้ในขั้นตอนนี้ แต่เก็บไว้ใช้ในขั้นตอนหน้าครับ
2. การทดสอบภาคปฏิบัติหรือการสอบขับขี่
ผมไม่ทราบว่าเขตจังหวัดแต่ละเขตมีด่านการทดสอบที่เหมือนกันหรือไม่
แต่วันนี้ผมจะมาแนะนำเทคนิคการทดสอบขับขี่ 3ท่ามาตรฐานนะครับได้แก่
2.1 ท่าเดินหน้าถอยหลังตรง
ท่าเบสิคสุดในการขับรถทุกชนิด ไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายครับ แค่คุณตั้งลำตัวของรถให้ตรง เดินหน้าสุดถอยหลังสุด แค่นี้ก้ผ่านแล้วครับ
2.2 ท่าถอยหลังเข้าจอด
ท่านี้จะมีเสา กรวย หรือไม้ค้ำอะไรก้ว่ากันไป มาตั้งจำกัดพื้นที่ให้เราถอยหลังเข้าจอดไปในบริเวณนั้น โดยจะต้องทับเส้นสีเหลืองที่ตีเอาไว้ใกล้ๆกับเสาต้นในและห้ามตัวรถชนกับเสาต้นใดต้นหนึ่งเป็นอันขาดมิฉะนั้นจะถือว่าสอบตก ข้อห้ามอีกประการก้คือห้ามคุณใช้เกิน 7เกียร์ในการถอยหลังเข้าจอด เช่นเมื่อคุณใส่เกียร์ถอยหลังจะนับเป็น1เกียร์ หากคุณใส่เกียร์เดินหน้าอีกก้จะนับเป็น2เกียร์
เทคนิคอยู่ตรงนี้ครับ
*** สำหรับรถเกียร์ออโต้จำพวกรถเก๋งให้ดูตามภาพนี้เลยครับ
วิธีก้คือ
1) ให้คุณขับตรงไปแล้วหยุดรถให้ขอบกระจกรถด้านหลังรูปสามเหลี่ยมตรงกับเสาต้นที่1 โดยใช้การมองหลัง ตามภาพ
2) ให้คุณหักพวงมาลัยซ้ายสุดแล้วถอยหลังจนกึ่งกลางรถตรงกับเสาต้นที่ 2โดยใช้การมองหลัง (เสาต้นที่2คือเสาต้นที่นับจากมุมล่างซ้ายขึ้นบนจะเป็นเสาที่3ครับ)
3) ให้คุณคืนพวงมาลัยให้ล้อตรงแล้วถอยหลังจนล้อขวาหลังทับเส้นที่ตีเอาไว้ครับ อาจจะเป็นสีดำหรือสีขาวขึ้นอยู่กับแต่ละที่
4) ให้คุณหักขวาหมดแล้วถอยเข้าจอดเลยครับ ปรับหน้ารถให้ตรงแล้วทำการคืนพวงมาลัยแล้วใส่เกียร์ว่าง ล้อด้านซ้ายทั้งหมดจะทับเส้นสีเหลืองที่ตีอยู่ทางขอบเสาด้านซ้ายพอดี
*** สำหรับรถเกียร์ธรรมดาจำพวกรถกระบะให้ดูตามภาพนี้ครับ
วิธีก้คือ
1) ให้คุณขับตรงไปแล้วหยุดรถให้ด้านปลายหลังของกระบะรถทางซ้ายตรงกับเสาต้นที่1 ตามภาพ (เสาต้นนี้คือต้นที่2หากนับจากมุมล่างซ้ายขึ้นบน)
2) ให้คุณหักพวงมาลัยซ้ายสุดแล้วถอยหลัง จากนั้นให้สังเกตกระจกมองหลังด้านขวา หากคุณเห็นเสาต้นที่2 (คือเสาต้นแรกสุดด้านล่างซ้าย)ให้หยุดรถ
3) ให้คุณคืนพวงมาลัยให้ล้อตรงและถอยหลังให้ล้อขวาหลังมาทับเส้นที่ตีไว้
4) ให้คุณหักขวาหมดแล้วถอยหลังเข้าจอด ปรับแต่งหน้ารถให้ตรงด้วยการเดินหน้า ใช้กระจกมองหลังด้านซ้ายเพื่อดูว่าล้อขนานกับเส้นเหลืองที่ตีไว้หรือยัง ถ้ายังก้ปรับให้ตรงพยายามอย่าเกิน7เกียร์ เมื่อคิดว่ารถตรงแล้วให้คืนล้อให้ตรง เข้าเกียร์ว่าง
2.3 ท่าจอดรถเทียบทางเท้า
ท่านี้อาจจะเป็นท่าปราบเซียนสำหรับใครหลายๆคน คนที่ว่าขับรถเก่งๆเจอท่านี้ตกกันไปก้หลายคน เนื่องจากการจะสอบผ่านท่านี้คุณจะต้องทำการกะระยะด้วยสายตาตนเองล้วนๆ บางคนบอกว่าต้องใช้ดวงด้วย อย่างไรก้ตามคำแนะนำของผมคือการฝึกให้คล่องให้ชินครับ การจอดหรือขับเลียบฟุตบาทเป็นสิ่งที่ฝึกได้ง่ายเพราะฟุตบาทมีอยู่ทุกหนแห่ง เมื่อเราชินกับการขับและกะระยะแล้ว เราก้จะสามารถสอบผ่านท่านี้ได้สบายเลยครับ
วิธีการก้คือเราจะต้องนำรถเลี้ยวเข้าเทียบทางเท้าและล้อหน้ากับล้อหลังจะต้องเหยียบเส้นที่ตีไว้เลียบทางเท้าครับ
******* ทุกท่าการทดสอบ สำหรับรถเกียร์กระปุกให้ใช้การเลี้ยงคลัทช์เกียร์ 1 เท่านั้นนะครับ และรถเกียร์ออโต้ก้ให้ค่อยๆเลี้ยงเบรกไป ไม่ต้องใช้คันเร่งเลยจะดีที่สุดครับ
******* สำหรับรถที่มีเซนเซอร์ถอยหลัง ให้ทำการปิดด้วยนะครับ ไม่งั้นจะโดนปรับตกให้มาสอบซ่อมใหม่ สำหรับรถที่ปิดเซนเซอร์ไม่ได้ ให้นำเทปกาวสีทึบๆมาปิดทับเซนเซอร์กลมๆบริเวณท้ายรถไว้นะครับ
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดี ได้ใบขับขี่กันถ้วนหน้าครับ
Credit ภาพจาก
www.thaieditorial.com
www.bkkdriving.com
knowledgeth.blogspot.com
www.google.co.th