ผมยังจำรถคันแรกของที่บ้านได้ดี เป็นกระบะดัสสัน ที่เกียร์อยู่ตรงคันพวงมาลัย ข้างๆนั่นเหละครับ นานมากแล้ว ต่อมาก็มีรถรุ่นใหม่ ๆ ออกมา
คันโยกเกียร์อยู่ตรงกลาง รูปร่างกลม ๆ เหมือนกระปุกออมสิน หรือกระปุกตั้งฉ่าย ผักดอง พอมี 2 แบบ เวลาบอกแบบเกียร์ให้แยกชัด
ว่าอะไร ก็เลยเรียกว่าคันนี้เกียร์พวงมาลัย คันนี้เกียร์กระปุก ซึ่งก็เป็นแบบแมนนวลทั้งคู่ ตอนนั้นเกียร์ออโต้ยังไม่มา
ตอนหลังเกียร์ออโต้เข้ามา อยู่ตรงกลางเป็นกระปุกเหมือนกัน ซึ่งเกียร์ที่อยู่ตรงพวงมาลัยก็ค่อย ๆ เลิกผลิตไป(เหลืออยู่บ้างนิดหน่อย)
ทีนี้คนรุ่นใหม่ ที่ไม่คุ้นเคยกับเกียร์พวงมาลัย ก็เลยเรียกเกียร์ธรรมดาว่าเกียร์กระปุก เกียร์ออโต้รูปกระปุกว่าเกียร์ออโต้
ซึ่งมันเพี้ยนจากความหมายเดิมที่เขาเอาไว้แยกที่อยู่ของเกียร์ กลายมาเป็นแยกประเภทของเกียร์
ใช้ไปเรื่อย ๆ คงก็คงจะลืมความหมายเดิม เว้นพวกเลยกลางคน ก็คงยังจำได้ ต่อไปพวกนี้เป็นสูงวัย พวกใหม่มาแทนที่ คงจะลืมจริง ๆ
ผมถึงบอกว่า เวลาเปลี่ยนไป ภาษาเปลี่ยนแปลง
แถมอีกนิด ไม่รู้ ไม่ใช่ว่าโง่
อยากให้เราสร้างวัฒนธรรมที่ คิดว่าไม่รู้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครรู้ทุกเรื่อง
คนรู้ก็บอกแบบสุภาพไม่ดูถูกว่าโง่ ไม่คิดว่าเขาโง่ ไม่หักหน้ากลางเวที
คนไม่รู้ก็รับฟังแบบปกติ ไม่รู้สึกเสียหน้า (เพราะเป็นเรื่องธรรมดา) ไม่โกรธ
คนอื่นก็เห็นเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ผสมโรงหัวเราะเยาะ
เท่านี้ประเทศไทยก็คงพัฒนาไปไกล เป็นแหล่งที่มีนักปราชญ์มากมายมาถกกัน เพื่อสร้างสรรค์ความเจริญ
ไม่คอยเก็บกดกลัวว่าพูดไปแล้วถ้าผิดตัวเองจะเสียหน้า
ปล. เรื่องเกียร์ ผมเล่าจากความจำ ถ้าผิดแย้งได้เลย ผมไม่โกรธ จะขอบคุณมากๆ เพื่อถกกัน ผมผิดก็คือผิด
เวลาเปลี่ยนไป ภาษาเปลี่ยนแปลง
คันโยกเกียร์อยู่ตรงกลาง รูปร่างกลม ๆ เหมือนกระปุกออมสิน หรือกระปุกตั้งฉ่าย ผักดอง พอมี 2 แบบ เวลาบอกแบบเกียร์ให้แยกชัด
ว่าอะไร ก็เลยเรียกว่าคันนี้เกียร์พวงมาลัย คันนี้เกียร์กระปุก ซึ่งก็เป็นแบบแมนนวลทั้งคู่ ตอนนั้นเกียร์ออโต้ยังไม่มา
ตอนหลังเกียร์ออโต้เข้ามา อยู่ตรงกลางเป็นกระปุกเหมือนกัน ซึ่งเกียร์ที่อยู่ตรงพวงมาลัยก็ค่อย ๆ เลิกผลิตไป(เหลืออยู่บ้างนิดหน่อย)
ทีนี้คนรุ่นใหม่ ที่ไม่คุ้นเคยกับเกียร์พวงมาลัย ก็เลยเรียกเกียร์ธรรมดาว่าเกียร์กระปุก เกียร์ออโต้รูปกระปุกว่าเกียร์ออโต้
ซึ่งมันเพี้ยนจากความหมายเดิมที่เขาเอาไว้แยกที่อยู่ของเกียร์ กลายมาเป็นแยกประเภทของเกียร์
ใช้ไปเรื่อย ๆ คงก็คงจะลืมความหมายเดิม เว้นพวกเลยกลางคน ก็คงยังจำได้ ต่อไปพวกนี้เป็นสูงวัย พวกใหม่มาแทนที่ คงจะลืมจริง ๆ
ผมถึงบอกว่า เวลาเปลี่ยนไป ภาษาเปลี่ยนแปลง
แถมอีกนิด ไม่รู้ ไม่ใช่ว่าโง่
อยากให้เราสร้างวัฒนธรรมที่ คิดว่าไม่รู้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครรู้ทุกเรื่อง
คนรู้ก็บอกแบบสุภาพไม่ดูถูกว่าโง่ ไม่คิดว่าเขาโง่ ไม่หักหน้ากลางเวที
คนไม่รู้ก็รับฟังแบบปกติ ไม่รู้สึกเสียหน้า (เพราะเป็นเรื่องธรรมดา) ไม่โกรธ
คนอื่นก็เห็นเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ผสมโรงหัวเราะเยาะ
เท่านี้ประเทศไทยก็คงพัฒนาไปไกล เป็นแหล่งที่มีนักปราชญ์มากมายมาถกกัน เพื่อสร้างสรรค์ความเจริญ
ไม่คอยเก็บกดกลัวว่าพูดไปแล้วถ้าผิดตัวเองจะเสียหน้า
ปล. เรื่องเกียร์ ผมเล่าจากความจำ ถ้าผิดแย้งได้เลย ผมไม่โกรธ จะขอบคุณมากๆ เพื่อถกกัน ผมผิดก็คือผิด