ปัญหาเด็กไม่เข้าใจสูตรคูณถึงท่องได้แต่ก็ไม่รู้ที่มาที่ไปมันคือปัญหาการศึกษาไทยระดับใหญ่ (กรุณาอ่านให้จบ)

***กระทู้นี้ไม่ใช่กระทู้คำถามแต่ผมยังไม่ยืนยันตนเลยตั้งได้แต่แบบกระทู้คำถามแต่เป็นกระทู้แบ่งปันประสบการณ์ของตัวผมเอง***

อันนี้ผมขออิงจากประสบการณ์ตัวเองเป็นหลักเลยนะครับ ตอนนี้ผมอายุ 17 ตอนประถมเรียนโรงเรียนประจำอำเภออยู่ในยุคที่ครูตีนักเรียนได้และผู้ปกครองร้อยทั้งร้อยอนุญาตให้ครูตีได้เลยถ้าบุตรหลานดื้อ ไม่ฟังความ พอขึ้นมัธยมก็ไม่มีการตีแต่เป็นการหักคะแนนแทน

ผมจำได้แม่นเลยว่าสูตรคูณมันมาตอน ป.2 หลังจากที่ ป.1 ฝึกบวกกับลบเลขจนคล่องโดยไม่ต้องใช้นิ้วเท้ามาช่วยตอนอนุบาล ครูจะเกริ่นนำเรื่องการบวกลบนิดหน่อยแล้วขึ้นกระดานการบวกธรรมดาแล้วทีนี้ก็ขึ้นมาว่า 2+2+2+2+2+2+2+2+2+2 ก็บวกกันถึกๆไปได้ 20 แล้วก็ตั้งเลข 3+3+3+3+3 บวกไปถึกๆอีกได้ 15 แล้วที่นี้มาตั้ง 9+9+9+9+9+9+9+9 บวกแข่งกันมันส์เลยทีนี้บ้างก็ตอบถูกบ้างก็ตอบผิดปะปนกันไปแล้วทีนี้ครูขึ้นอีก 12+12+12+12+12+12+12+12+12 ไม่มีใครกล้าบวกครูตอบเลยว่าบวกกันได้ 108 ภายในทันที นักเรียนคนหนึ่งถามทำไมครูบวกได้ไวขนาดนี้ครูก็ตอบไปว่านักเรียนลองสังเกตสิมันมีอะไรเหมือนหรือต่างกันมั้ย แน่นอนที่เห็นชัดเลยคือเลขมันเหมือนกันทั้งชุดแล้วครูก็อธิบายว่าในเมื่อเลขมันเหมือนกันถ้าบวกกันไปเป็น 10 ตัว 20 ตัวไปจนถึงหลายร้อยตัวจะบวกไหวมั้ย มันก็เลยมีสูตรคูณขึ้นมาเพื่อให้บวกเลขตัวเดิมซ้ำกันได้ไวขึ้น อันแรก 2+2+2+... บวกกัน 10 ตัวหมายถึง 2x10 (สองคูณสิบ)  = 20 ตัว x ก็คือเครื่องหมายคูณ อันต่อไป 3+3+... บวกกัน 5 ตัวก็คือ 3x5 = 15 อันต่อไปนักเรียนสามารถต่อได้เองคือ 9x8 และ 12x9 แล้วครูก็ถามย้อนกลับ 3x5 คืออะไรนักเรียนก็ตอบ 3บวก3กัน5ตัว 12x9 คือ 12บวก12กัน9ตัว แล้วครูก็ชี้ไปทางผนังมันก็คือแม่สูตรคูณตั้งแต่แม่ 2 ถึงแม่ 12 อันเบ้อเริ่มเทิ่มติดที่อยู่ผนังข้างกระดานนั่นเองนั่นทำให้รู้ที่มาของการคูณกันก่อนว่าการคูณคืออะไรแล้วค่อยมาท่อง ครูก็สอนท่องตั้งแต่แม่ 2 ถึงแม่ 12 ซึ่งก็มีนักเรียนฉลาดคนหนึ่งถามว่าทำไมตัวหน้ากับตัวหลังคูณกันแล้วได้เท่ากัน เช่น 3x2 = 2x3 , 5x8 = 8x5 ซึ่งครูก็ให้นักเรียนทั้งห้องแจกแจงเป็นรูปการบวกซึ่งก็สามารถสรุปได้เลยว่าการคูณมีสมบัติการสลับที่ 3+3 = 2+2+2 เป็นต้น พอหายข้อสงสัยแล้วครูก็ให้ท่องทุกวัน ก่อนเรียนคาบแรกต้องให้จบถึงแม่ 12 ทุกครั้ง เอาสิท่องทุกวันใครมันจะจำไม่ได้บ้างสรุปท่องได้ทุกคน นานๆเข้าพาท่องถอยหลังแล้วก็สอนต่อไปว่ามันคือการลบกัน พอท่องถอยหลังจนคล่องแล้ว มาทีนี้ขั้นสุดท้ายถามกันเลยว่า เลขนั้นคูณเลขนี้ได้เท่าไหร่โดยที่ไม่ต้องไล่ท่องแบบถามปุ๊ปต้องตอบปั๊ป เช่น 5x8 ตอบเลย 12x11 ตอบเลย ทีนี้ก็พลิกแพลงอีกนิดหน่อย เช่น 2x13 ได้เท่าไหร่ ตอนแรกก็เอ๋อกันทั้งห้องแล้วครูก็ใบ้ว่า 2x12 ได้เท่าไหร่แล้วเพิ่มมาอีก 2 ตามสูตรคูณแม่ 2 แล้วก็ถามอีก 3x13 , 14x12 , 15x6 ,7x14 ก็ทำได้จนคล่องโดยที่ไม่ต้องท่องแม่ 13 , 14 ,15 เพราะรู้ที่มาตั้งแต่แรกพอคล่องแล้วก็มาในรูปแบบโจทย์ปัญหาก็สอนไปเรื่อยๆ แล้วก็มาสอนการหารซึ่งก็ไม่ยากเลยถ้าคูณเลขเป็นแล้วก็ไม่มีปัญหา จบแล้วเฉพาะการคูณในสมัยผมตอน ป.2 พออยู่ประมาณ ป.3-4 ก็คูณเลขกันหลักร้อย หลักพันช่วงนี้จะเน้นโจทย์ปัญหา ตอน ป.4 นี่แหละจะมีรุ่นพี่ ป.5-6 บอกว่าต้องท่องสูตรคูณถึงแม่ 15 ให้ได้ ตอน ป.4 ก็จะท่องดูเล่นๆแต่ไม่จริงจัง พอขึ้น ป.5 ก่อนจะเข้าเรียนคาบแรกของคาบบ่ายซึ่งก็หลังพักกลางวันจะต้องมานั่งจัดแถว ป.5 กับ ป.6 ทุกวันเพื่อฟังครูประกาศข่าวต่างๆซึ่งสิ่งที่ต้องทำก่อนเลยคือพี่ ป.6 จะท่องสูตรคูณตั้งแต่แม่ 2 ขึ้นมาซักพักน้อง ป.5 ก็ท่องพร้อมพี่ ป.6 ไปพอจบแม่ 12 เท่านั้นแหละพี่ ป.6 ขึ้นแม่ 13 ป.5 เอ๋อเลยได้แต่ทำปากลิปซิ้งจนจบถึงแม่ 15 จะมานั่งบวกกันแบบแต่ก่อนมันคงไม่ทันกินพี่ ป.6 ก็เลยต้องท่องโดยจะมีครูคนหนึ่งขึ้นชื่อมากเรื่องคณิตศาสตร์สอนทั้ง ป.5-6 แกก็ให้เวลาหลายเดือนอยู่แล้วมาสอบกับแกใครท่องไม่ได้มาใหม่วันหลังจนกว่าจะได้บางทีแกก็มีตีบ้างแต่ไม่ได้ตีเพราะอารมณ์แน่นอนผมแยกออกได้ว่าอันไหนตีเพราะอารมณ์อันไหนตีเพราะอยากสั่งสอนซึ่งพอจบ ป.6 แล้ว ประมาณ 95% ท่องสูตรคูณได้และใน 95% ถามปุ๊ปตอบปั๊ปได้เลยประมาณ 90% ส่วนที่เหลือคือท่องไม่คล่องแต่ก็สามารถพอถูไถไปได้ ซึ่งไม่มีใครเลยที่ท่องไม่ได้ซึ่งพอขึ้นมัธยมแล้วไปเรียนพิเศษที่ครูมัธยมสอนทำให้รู้ความแตกต่างเลยว่าเด็กเก่าโรงเรียนผมสามารถคิดเลขได้เร็วกว่าโรงเรียนอื่นอย่างมากส่วนใหญ่เด็กโรงเรียนอื่นท่องสูตรคูณกันถึงแม่ 12 แล้วไม่คล่องเท่าโรงเรียนผม พอมายุคสมัยนี้ผมก็รวมตัวกับเพื่อนไปเยี่ยมโรงเรียนเก่าซึ่งครูที่สอนผมล้วนเกษียณไปหมดแล้วไปเจอเด็ก ป.5 ส่วนใหญ่ย้ำว่าส่วนใหญ่ท่องสูตรคูณไม่เป็น ส่วนน้อยคือท่องเป็นพอเจาะไปที่ส่วนน้อยนั้นทุกคนไม่รู้เลยการคูณคืออะไรแค่สักแต่ท่องๆมาตามครูที่สอนตั้งแต่เด็ก เช่น 5x6 เด็กตอบได้ว่าคือ 30 แต่ผมถามไปอีก 30 นี้มันมาได้ยังไงเด็กไม่รู้เลยว่าบอกได้แต่ครูสอนให้ท่องมาแบบนี้ แบบว่าเด็กรุ่นผมก็รุ่นนี้ต่างกันมาก พอพื้นฐานมันไม่แน่นมันก็ยากที่จะต่อยอด ผมรู้เลยว่าทุกวันนี้ครูนี่แหละคือตัวแปรสำคัญ เด็กช่วง 7-10 ขวบมันเป็นวัยที่สมองพัฒนาการได้มากถ้าสอนพื้นฐานมาแน่นเด็กก็สามารถที่จะต่อยอดเองได้ง่าย แต่ถ้าพื้นฐานไม่แน่นพอเลยวัยพัฒนาการมันก็ยากที่จะต่อยอดในสิ่งที่ยากๆ อีกอย่างหนึ่งซึ่งก็สำคัญมากๆเลยคือครูห้ามตีนักเรียน ผู้ปกครองนี่ก็เลี้ยงลูกอย่างกับเทวดาไม่เคยตีลูก ไม่เคยทำให้ลูกต้องเจ็บ ผมบอกเลยว่ามันจะทำให้เด็กเคยตัวเด็กจะไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดหรือถูกพอไม่มีใครตีสั่งสอนเด็กก็คิดว่าทำสิ่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด เด็กวัย ป.1-ป.4 ถ้าเขาพื้นฐานแน่นซึ่งก็มีโอกาสที่จะเรียนเก่งมาก แต่ถ้าสอนมาแบบหลวมมันก็ยากที่จะสอนให้เป็นคนเรียนเก่งแล้ว ตอนสมัยผมปิดเทอมครั้งไหนเปิดเทอมมายังไม่มีใครลืมสูตรคูณเลยท่องมาทุกวันมันก็ยากที่จะลืมตอนนี้ผมก็ยังไม่ลืมจนถึงแม่ 15 ผมขอสรุปเลยแล้วกันว่ามันคือปัญหาการศึกษาอย่างใหญ่หลวงผมกล้าพูดเลยไม่ใช่เฉพาะวิชาคณิตแต่จะยกตัวอย่างเป็นคณิตเพราะเป็นวิชาที่ผมถนัดที่สุด ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นผ่านๆมา คือ เด็กมัธยมนี่แหละเลขบวกลบคูณหารง่ายๆถึงกับต้องล้วงโทรศัพท์มาคิดเลขเลย ซึ่งถ้าคิดเองถึงมันจะช้ากว่าแต่มันก็ช้ากว่ากันไม่มากเท่าไหร่แถมยังบริหารสมองไปในตัวด้วย ถ้าเอาแต่ใช้เครื่องคำนวณจนชินพอไม่มีเครื่องคำนวณนั่นคือเอ๋อกินเลยใช่มั้ย เครื่องคำนวณมันก็เกิดมาจากความฉลาดของคนนี่แหละที่สามารถคิดค้นแล้วมาเป็นเครื่องคิดเลขไม่ใช่หรอ

ผมขอสรุปปัจจัยสำคัญสำหรับการศึกษาสมัยนี้
1.ครู ซึ่งผมไม่ต้องการครูที่เก่งแต่ผมต้องการครูที่มีความรู้ในระดับนั้นๆและสามารถถ่ายทอดให้เด็กรับรู้ได้ทุกคน ซึ่งคนเก่งผมเห็นหลายคนแล้วคุยกับใครก็ไม่เข้าใจ เข้าใจอยู่คนเดียวแต่ไม่สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นเข้าใจได้ ครูที่ดีๆส่วนใหญ่ล้วนเป็นครูสมัยก่อนๆทั้งสิ้น
2.นักเรียนในหนึ่งห้องมีเยอะเกินไปซึ่งทำให้ครูสอนไม่ทั่วถึง
3.ห้ามตีนักเรียนนี่แหละ คนบางคนจะเก่งจะดีได้ไม่จำเป็นต้องตีแต่สำหรับผมนั่นมันส่วนน้อยครับ ส่วนใหญ่คือชอบทำตามใจมันต้องมีการบังคับและตีบ้างเพื่อให้อยู่ในกรอบไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง เพราะถ้าถลำลึกไปแล้วยากที่จะกู่กลับมา พอครูตีเท่านั้นแหละฟ้องเท่านั้นจนครูคนนั้นซวยไปเลย
4.ครูบางคนบางทีก็ไม่ค่อยเข้าสอน
5.ตัวนักเรียนเองซึ่งบางคนดุก็แล้ว ตีก็แล้วก็ยังเหมือนเดิม
6.ตัวผู้ปกครองซึ่งถือว่าสำคัญมากเพราะเด็กโตมาด้วยการเลี้ยงดูของผู้ปกครองเด็กจะเป็นยังไงขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู
7.ระบบการศึกษา ผมว่าสมัยก่อนทำมาดีแล้วนะ ผมมาดูของสมัยนี้ถ้าให้เทียบกับคนเหมือนกับว่าเด็กมันกำลังคลานแต่ระบบมันต้องทำให้เด็กวิ่งได้ทั้งๆที่ยังเดินไม่เป็นเลย ซึ่งก็คือหนังสือสมัยนี้มันยากเกินไป ผมเห็นหนังสือภาษาไทยของ ป.1 บางโรงเรียน รร (ร หันมาจากไหนหนอ) ตัวการันต์ก็เยอะโคตรไหนจะตัว ฤ ฦ ฤๅ ฦๅ จนต้องทำให้เด็กสะกดไม่คล่องต้องจำไปเป็นคำๆ พอเจอคำอื่นๆที่ไม่เคยเห็นก็เอ๋อกันไปเลย สมัยผมยัง ก อา กา ข อา ขา ประสมสระอยู่เลยแล้วมาผันวรรณยุกต์จนคล่องแล้วค่อยอ่านประโยคและต้องเป็นประโยคที่ง่ายด้วย ซึ่งสมัยนี้ผมว่ามันเกินกำลังของเด็กไป
8.อื่นๆ

สำหรับผมแล้วการศึกษาวัยเด็กนี่แหละสำคัญที่สุดแล้วเพราะมันคือวัยที่เด็กพัฒนาการสมองได้ไวซึ่งเด็กที่เก่งในวัยเด็กก็จะสามารถที่จะเก่งในตอนโตได้ไม่ยาก แต่ถ้าวัยเด็กไม่เก่งมันก็ยากที่โตมาแล้วจะเก่ง ยกตัวอย่างวิชาฟิสิกส์ คณิต ถ้าคุณทำข้อสอบได้คะแนนเต็มโดยที่คุณจำแต่สูตรสำเร็จมาแล้วลงคำตอบโดยที่คุณไม่สามารถที่จะพิสูจน์สูตรได้ว่าแต่ละสูตรมันมายังไงผมไม่ถือว่าเก่งเลยนะครับ ก็แค่จำมา มันก็เหมือนกับสูตรคูณที่รู้ว่า 5x6=30 แต่ไม่สามารถหาที่ไปที่มาได้เลย แต่คนเก่งสำหรับผมคือคนที่ทำความเข้าใจสามารถรู้ที่มาที่ไปได้ สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ แต่คนที่เก่งที่สุดคือคนที่สามารถทำความเข้าใจแล้วจำไปใช้เพื่อความรวดเร็ว พูดง่ายๆคือทั้งเข้าใจด้วย + จำเก่งด้วย ที่เปิดประเด็นเป็นสูตรคูณเพราะว่ามันคือพื้นฐานที่ใช้ในการต่อยอดต่อไปอีกซึ่งมันต้องใช้บ่อย มันต้องถูกต้องแต่ถ้าช้าก็ไม่ผ่าน ถ้าเร็วแต่ไม่ถูกนี่ก็ยิ่งไม่ได้ มันต้องถูกต้องและรวดเร็วถึงจะทันกินคนอื่น

จบแล้วครับสำหรับความคิดผมที่แสดงออกมาใน Pantip ผมอยากให้คนใน Pantip.com ได้อ่านกันทุกคนเลยยิ่งดี
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่