คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เงินเก็บแค่ 60k - 90k นั้นจะพอยื่นวีซ่าท่องเที่ยว 10 วัน ตามรายละเอียดด้านบนนี้ไหมครับ
หรือผมควรให้แม่ส่งงานเก็บผมเข้าบัญชีผมทุกเดือน เดือนละ 10k
หรือผมควรรอโบนัสเข้า ค่อยไปขอวีซ่าช่วงมกราดีครับ (โบนัสขั้นตำ 3 - 3.5 เดือนครับ ปีที่แล้วได้ 5.5)
ตอบนะค่ะ ปกติหลักฐานทางการเงินที่ใช้ในการขอวีซ่า ไม่ว่าจะใช้เป็นสมุดบัญชีหรือสเตทเมนท์นั้น เวลา จนท.ดู เค้าไม่ได้เน้นดูยอดเงิน ไม่ได้หมายความว่า ยอดเงินเยอะ จะมีโอกาสได้วีซ่าเยอะ แต่เค้าจะดูว่ามีการหมุนเวียนของเงินหรือไม่
อย่างเช่น ถ้าเป็นพนักงาน สมุดบัญชีนั้น มีเงินเข้าออกทุกเดือนมั๊ย ถ้ามีเงินเข้าทุกเดือนสม่ำเสมอ ก็แปลว่าคุณเป็นคนมีการมีการจริงๆ มีงานที่ดี ไม่หนีไปทำงานบ้านเค้าแน่นอน
หรือ ถ้าเป็นเจ้าของกิจการ จนท.ก็จะดูว่ากิจการนั้นๆมีเงินหมุนเวียนยังไง เค้าจะดูว่า มีการประกอบการจริงๆ ไม่ใช่ไปตั้งบริษัทหลอกๆเพื่อเอามายื่นวีซ่า พอเข้าไปแล้วก็หนีไปทำงานบ้านเค้าอีก
แนะนำว่า เอาสมุดบัญชีเล่มที่เงินเดือนโอนเข้านั่นแหละไป เพราะมีเงินเดือนโอนเข้าทุกเดือนๆละ 45k ร่วมกับเอกสารรับรองการทำงานจากบริษัทที่ทำงานอยู่ แต่วันที่ไปยื่นวีซ่าควรมีเงินติดบัญชีหลักแสนขึ้นไป เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถืออีกนิด ไปอเมริกาค่าครองชีพสูง บัญชีที่นำไปแสดงควรมีเงินหลักแสนน่าจะดีกว่า
ปล.จากประสบการณ์ตรง เตรียมหลักฐานไปทุกอย่าง แต่ไม่เห็น จนท.ขอดูสักอย่าง สัมภาษณ์ 5 นาทีก็เสร็จแล้ว ได้วีซ่ามา 10 ปี หลักฐานการทำงานที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ ขอให้โชคดีค่ะ
หรือผมควรให้แม่ส่งงานเก็บผมเข้าบัญชีผมทุกเดือน เดือนละ 10k
หรือผมควรรอโบนัสเข้า ค่อยไปขอวีซ่าช่วงมกราดีครับ (โบนัสขั้นตำ 3 - 3.5 เดือนครับ ปีที่แล้วได้ 5.5)
ตอบนะค่ะ ปกติหลักฐานทางการเงินที่ใช้ในการขอวีซ่า ไม่ว่าจะใช้เป็นสมุดบัญชีหรือสเตทเมนท์นั้น เวลา จนท.ดู เค้าไม่ได้เน้นดูยอดเงิน ไม่ได้หมายความว่า ยอดเงินเยอะ จะมีโอกาสได้วีซ่าเยอะ แต่เค้าจะดูว่ามีการหมุนเวียนของเงินหรือไม่
อย่างเช่น ถ้าเป็นพนักงาน สมุดบัญชีนั้น มีเงินเข้าออกทุกเดือนมั๊ย ถ้ามีเงินเข้าทุกเดือนสม่ำเสมอ ก็แปลว่าคุณเป็นคนมีการมีการจริงๆ มีงานที่ดี ไม่หนีไปทำงานบ้านเค้าแน่นอน
หรือ ถ้าเป็นเจ้าของกิจการ จนท.ก็จะดูว่ากิจการนั้นๆมีเงินหมุนเวียนยังไง เค้าจะดูว่า มีการประกอบการจริงๆ ไม่ใช่ไปตั้งบริษัทหลอกๆเพื่อเอามายื่นวีซ่า พอเข้าไปแล้วก็หนีไปทำงานบ้านเค้าอีก
แนะนำว่า เอาสมุดบัญชีเล่มที่เงินเดือนโอนเข้านั่นแหละไป เพราะมีเงินเดือนโอนเข้าทุกเดือนๆละ 45k ร่วมกับเอกสารรับรองการทำงานจากบริษัทที่ทำงานอยู่ แต่วันที่ไปยื่นวีซ่าควรมีเงินติดบัญชีหลักแสนขึ้นไป เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถืออีกนิด ไปอเมริกาค่าครองชีพสูง บัญชีที่นำไปแสดงควรมีเงินหลักแสนน่าจะดีกว่า
ปล.จากประสบการณ์ตรง เตรียมหลักฐานไปทุกอย่าง แต่ไม่เห็น จนท.ขอดูสักอย่าง สัมภาษณ์ 5 นาทีก็เสร็จแล้ว ได้วีซ่ามา 10 ปี หลักฐานการทำงานที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ ขอให้โชคดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
มีแพลนจะไปเที่ยวอเมริกากับแฟน รบกวนสอบถามเกี่ยวกับวีซ่า ดังนี้ครับผม
ผมมีแพลนจะไปเที่ยวอเมริกากับแฟน 2 คน โดยวางแผนจะลาหยุด 12 วัน เที่ยวจริงๆ 10 วัน ครับ โดยทั้งผมและแฟนเเคยไปอเมริกามาแล้ว 3 รอบ ดังนี้ครับ
2008 - Work and Travel program (3 months)
2009 - Work and Travel program (4 months)
2010 - 2011 Internship program (1 year)
โดยประวัติในขณะไปนั้นไม่เคยเลทจากกำหนด ถ้าผมจำไม่ผิด ผมจะมีเวลาท่องเที่ยวประมาน 30 วันหลังจากสิ้นสุดกำหนดทำงาน โดยผมใช้ไป 20 วัน ต่อการไปแต่ละครั้ง
จากนั้นผมกลับมาไทยก็เริ่มงานแรก อายุงานอยู่ที่ 1 ปี และ 6 เดือน
จากนั้นผมย้ายบริษัทมาอีกทีหนึ่ง สายงานเดิม แต่ตำแหน่งเพิ่มขึ้น ปัจจุบันทำงานอยู่ที่นี่ อายุงานปัจจุบัน 1 ปี และ 2 เดือน ** โดยผมจะไปขอวีซ่าช่วงปลายปีนี้ ก็จะมีอายุงานในช่วง 1 ปี และ 6 เดือน - 1 ปี และ 8 เดือน
โดยตำแหน่งปัจจุบันเป็นรองผู้จัดการ เบสเงินเดือนอยู่ที่ประมาน 45k
ในส่วนของเงินเก็บของตัวเองนั้น ปัจจุบันไม่มีครับ ผมให้เงินแม่ไปหมด เพราะทางบ้านเอาไปหมุนจะดีกว่าผมเอาไปหมุน เงินโบนัสก็เช่นกันครับส่งให้ทางบ้านหมด มีใช้บ้างนิดหน่อย
แพลนแรกที่ผมตั้งไว้คือ จะไปขอวีซ่าช่วง เดือน 10 หรือ เดือน 12 ปี 2014 และจะได้จองตั๋วล่วงหน้านานๆ ไปจริงช่วงเดือนเมษา
และจะเริ่มเก็บเงิน เดือนละ 10k - 15k ต่อเดือน จนถึงสิ้นปีจะมีเงินเก็บอยู่ที่ 60k - 90k โดยโบนัสผมออก 27 ธันวา 2014 ครับ
ส่วนของการกู้ยืม ผมไม่ได้กู้อะไรเลย ไม่มีภาระหนี้อะไร บัตรเครดิตมีใบเดียวก็จ่ายตรงตลอด
เงินเก็บแค่ 60k - 90k นั้นจะพอยื่นวีซ่าท่องเที่ยว 10 วัน ตามรายละเอียดด้านบนนี้ไหมครับ
หรือผมควรให้แม่ส่งงานเก็บผมเข้าบัญชีผมทุกเดือน เดือนละ 10k
หรือผมควรรอโบนัสเข้า ค่อยไปขอวีซ่าช่วงมกราดีครับ (โบนัสขั้นตำ 3 - 3.5 เดือนครับ ปีที่แล้วได้ 5.5)