( 2. นัดสาวทีเดียวสี่คน )
ผมยังคงเปิดเว็บเข้าไปทักสาว ๆ อยู่อีกหลายเดือนขอย้ำว่าหลายเดือน เพราะไม่มีอะไรจะทำ และก็ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนที่สะดวกกว่านี้ คนอายุปูนนี้อย่างผม จู่ ๆ จะไปเจอสาว ๆ ที่ไหนได้ งานการก็ไม่ได้ไปเป็นลูกจ้างบริษัทที่ไหนถึงจะไปตามจีบสาวออฟฟิศ ลูกค้าก็คงไปจีบไม่ได้ มันเสียจรรยาบรรณ หรือจะไปเดินตามหาเด็ก ๆ ตามมหาวิทยาลัยโอ้ นั่นมันบ้าจริง ๆ เลย จอร์จ ตลอดหลายเดือนก็เจอคนนั้นบ้างคนนี้บ้างบางคน ก็คุยกันทางอินเตอร์เน็ทอยู่หลายอาทิตย์กระทั่งเย็นวันศุกร์ของวันนึง
ผมเจอกับแจ๊สในเว็บไซท์ที่เข้าเป็นประจำ เธอบอกว่าเรียนปีสุดท้ายอยู่ธุรกิจบัณฑิต เทอมนี้ต้องไปฝึกงานตามบริษัท เธอส่งรูปให้ดูทางเมล์ หน้าตาดีทีเดียว โอ พระเจ้า หุ่นก็ดีด้วย สูงตั้งร้อยหกสิบแปด เธอบอกว่าอยากเป็นแอร์โฮสเตสคุยประวัติกันไป ฟังดูเหมือนบ้านมีสตางค์ แต่เธอบอกว่าอยากเรียนภาษาอังกฤษ ประเภทติวสอบแอร์น่ะ ค่าเรียนประมาณหมื่นห้า ไม่รู้จะหาค่าเรียนจากไหน (บ้านรวยแล้วทำไมไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียนฟระ) ผมออกอาการป๋าทันที บอกว่าเงินแค่นี้จิ๊บจ๊อย พี่ตัวคนเดียว ลูกเมียไม่มี ยังไงก็พอช่วยแจ๊สได้ เราเลยนัดเจอกันวันจันทร์ตอนเย็นที่มาบุญครอง แจ๊สจึงเป็นสาวคนที่หนึ่งที่ผมนัด
พอกล่าวอำลาและนัดแนะกับแจ๊สเรียบร้อย อีกสาวที่คุยกันไว้หลายอาทิตย์ก็ออนไลน์เข้ามาพอดี คนนี้ชื่อออฟทำงานแถวอโศก เป็นเว็บมาสเตอร์ของเว็บไซท์เกมออนไลน์แห่งนึง เป็นสาวน่าน คนนี้บอกว่าเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เชียงราย มาทำงานกรุงเทพฯ ได้ 3-4 ปีแล้ว เธออายุ 26 ส่วนสูง 158 เซ็นฯ ส่วนสูงผิดสเปคไปนิดหน่อย แต่ก็เอาวะ แหม ไอ้คนแก่อย่างผมมีสาวมาคุยด้วยก็ชื่นใจแล้ว เราคุยกันมาหลายอาทิตย์ ผมชวนเธอเที่ยวทุกหนแหละ หนนี้ก็ใช่
“ออฟอยากไปไหน พี่พาไปได้ทุกที่เลย” ผมออกฟอร์มป๋าใจกว้าง
“ออฟไม่รู้ อยู่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยได้เที่ยวหรอก”
“อ่า เข้าเว็บไซท์น่าจะเจอกะหนุ่มบ่อย ๆ ไม่ได้ไปเที่ยว
ไหนกะใครมั่งเหรอ”
“ไม่มีเลยนะ ออฟไม่ค่อยคุยกับใครหรอก ออฟระวังตัว
เนี่ย คุยกะพี่เยอะที่สุดแล้ว”
“โอ เป็นโชคดีของผมสิเนี่ย แล้วผมชวนออฟเที่ยวออกบ่อย ออฟไม่เคยรับปากเลย”
“ก็เพิ่งคุยกัน จะให้รับปากง่าย ๆ ได้ไง”
“แล้วหนนี้ ถ้าผมชวนออฟ จะไปหรือเปล่า”
“ถ้าว่างก็จะไป”
ผมได้ฟังงี้ใจชื้นขึ้นมาเลย อิอิ ก็ต้องรีบชวนสิทีนี้
“แล้วคราวนี้จะไปป่าว”
“ไปไหนล่ะ”
“ออฟว่างวันไหนล่ะ”
“สองสามวันนี้ไม่ว่าง”
“อ้าว แล้วบอกว่าถ้าว่างก็ไป แล้วตกลงออฟว่างวันไหน
กันแน่”
ผมทำเสียงพ้อ
“จะชวนจริง ๆ เหรอ”
“อ้าว จะชวนเล่น ๆ ทำไมเล่า”
“พี่มากะออฟแล้วลูกเมียที่บ้านไม่ว่าเอาเหรอ”
“โธ่ บอกกี่เที่ยวแล้วว่าลูกเมียไม่มี”
“หึย ไม่เชื่อหรอก คนอายุปูนนี้ไม่มีลูกไม่มีเมีย”
“แนะ บอกกี่หนแล้ว คนเรามันจะมีอุบัติเหตุชีวิตมั่งไม่ได้เหรอ ก็บอกไปแล้วเลิกกันไป นี่ก็พูดตามตรง มาหาแฟนจะพูดตรงกว่านั้นก็มาหาเมีย ไม่มาเที่ยวชวนเล่น ๆ หรอก”
“ออฟไม่ได้บอกว่าอยากจะมีแฟนนะ”
(หึย นัง

ไม่อยากมีแฟนจะมาคุยกับผู้ชายในเน็ททำไมเป็นเดือน ๆ)
“ก็ถือว่ามารู้จักเพื่อนอีกคน นะ นะ นะ”
“แล้วพี่จะไปไหนล่ะ”
“เมื่อกี้เราคุยค้างกันไว้หนิว่าออฟว่างวันไหน ค่อยตกลงกัน”
“ออฟว่างวันอังคาร หลังเลิกงาน”
“อืม เอางี้ เราก็แค่ไปกินข้าวเย็นกันนะ”
“ก็ได้ พี่รู้จักที่ทำงานออฟหรือเปล่า”
“พอรู้ ไว้พี่ไปถึงแถว ๆ อโศกแล้วจะโทรหานะ กะประมาณ
หกโมงเย็น ทุ่มนึงยังงี้”
“ได้”
เหอ เหอ นัดออฟได้เป็นคนที่สองแว้ววว
.......................................................................................................................
หลังจากนัดแนะกับเธอแล้วก็ล่ำลากันไป กะว่าจะปิดคอมพิวเตอร์ เพราะนั่งหน้าคอมพ์ทั้งวัน ตาชักจะลายเข้าให้แล้วน้องแบมก็ออนไลน์เข้ามาอีกคน คนนี้ก็คุยกันทางเน็ทได้หลายวันแล้วเหมือนกัน
แบมคือสาวที่เอารูปตุ๊กตาบาร์บี้มาแปะแทนหน้านั่นแหละ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักหน้าตาว่าจะเป็นยังไง รูปก็ดูดีอยู่หรอก แต่รูปมันหลอกกันได้ เคยเจอเยอะแล้วขอบอก บางคนทำภาพเหลื่อมภาพซ้อน เราเห็นในรูปว่าปากมันเบี้ยว คิดว่าแต่งภาพที่ไหนได้ เจอตัวจริงปากมันเบี้ยวเหมือนในรูปเลย วิ่งหนีแทบไม่ทัน
มาเจอแบมวันนี้ ผมก็ลุ้นอยู่ว่า ตัวจริงจะตาโต จมูกบาน ปากแบนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมก็เสี่ยงดวงไปคุยกับเธอในเน็ท กะว่าพอคุยกันได้สักพักก็จะขอรูปกับคนอื่น ๆ
พอส่งรูปมาแล้วผมก็ทำตัวหายเข้ากลีบเมฆไปเลยบางคนก็เมล์มาถามว่าเดี๋ยวนี้ไม่ยอมคุยกันแล้วเหรอ ก็แหม ขอโทษ บางคนขนาดรูปถ่ายยังหน้ามันแผลบแทบเอาน้ำมันไปทอดไข่ บางคนก็หน้าตาไม่ตรงสเป็คเป็นอย่างจัง ไม่อยากจะบอกเลยว่าบางคนมันขี้เร๊ขี้เหร่ (หนุ่มหน้าตาดี ๆ อย่างผมก็ต้องเลือกหน่อยสิ) ของพวกนี้มันห้ามกันไม่ได้เนอะ แต่กลัวว่าเมื่อถึงคราวต้องไปเจอกันตอนค่ำ ๆ เธอเหล่านั้นอาจจะถูกตำรวจตามจับเอาก็ได้ โทษฐานขี้เหร่ยามวิกาลเลยขอห่าง ๆ ไว้ก่อนจะปลอดภัยกว่า
แบมเป็นสาวอายุ 22 เธอบอกว่าเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถมพระรามหก คุยกันสักพักเราก็แลกรูปกัน พอเห็นรูปกันชัด ๆ แล้ว ท่าทางเราทั้งคู่คงจะพอใจกันระดับหนึ่ง ผมเคยนะสาวบางคนมันส่งรูปมาให้นะ ดูยังไงก็ไม่ชัด มันเล่นยืนซะไกลเราก็คิดว่าคงเป็นอย่างนั้น แต่พอเจอตัวจริงแล้วที่ไหนได้ มันตั้งใจถ่ายรูปนั้นมาใส่เน็ท คือหน้าตามันไม่เอาไหนเลยถึงได้ตั้งใจถ่ายให้หน้าดูเล็ก ๆ จาง ๆ จะได้เห็นไม่ชัด เวลาเห็นหน้าตัวเป็น ๆ แล้ว อยากหันหลังกลับออกวิ่ง สี่คูณร้อยเดี๋ยวนั้น
เราก็นึกว่า อิอิ ตรงสเป็คว้อย หน้าตาน่ารัก การศึกษาดี หุ่นใช้ได้ ส่วนสูงเกิน 160 แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดซะว่า ของอย่างนี้เหมือนส่งซองบะหมี่ชิงโชค ยิ่งส่งมากยิ่งมีสิทธิ์ถูกรางวัล ไอ้จะมาจองนัดสาวคนเดียว แล้วลองคบกันไปเรื่อย ๆ ยังงี้ โอกาสปิ๋วมันเยอะ เสียเวลาชีวิตด้วย เพราะอายุผมปาเข้าไปปูนนี้จะมาคบกันไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวตายซะก่อน บางคนพอแลกรูปกันแล้วมันก็หายไปเลย ไม่ยอมคุยกับเราอีกก็มีถมไป (หึย ไอ้โคแก่อยากกินหญ้าอ่อน)
วันนี้พอคุยกันสักพักผมก็ชวนแบมไปกินข้าว ผมรู้ว่ายังไม่เปิดเทอม ยังงี้วันธรรมดาก็ว่างดิ เอาวะ ไม่ให้เสียเที่ยว กะว่านัดกับแบมวันอังคารตอนบ่าย พอเย็นก็ไปเจอออฟ เหอ เหอ วันเดียวนัดสองคนเลย ไม่ให้เสียเที่ยวช่วยชาติประหยัดน้ำมันตามนโยบายรัฐบาล เรานัดเจอกันที่ห้างโลตัสใกล้บ้านแบม
อะจ๊ากกก แบมคือสาวคนที่สามที่นัดได้ โอ...ทำไม ช่วงนี้มือขึ้นอย่างนี้ฟระ
.......................................................................................................................
เช้าวันเสาร์ผมเข้าเน็ทอีก วันนี้เจอกับเอ้ คนนี้ก็คุยกันหลายหนแล้ว คุยกันถูกคอด้วย เธอชอบเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวผมก็ทำเป็นชอบเลี้ยงสัตว์ไปกับเธอด้วย เล่าเรื่องฮา ๆ ขำ ๆ ให้ฟัง
“เมื่อหลายปีก่อนผมเคยซื้อหมาชาเป่ย (หมาหน้าย่น) มาจากเพื่อนตัวละเจ็ดพันบาทนะ...”
“อู๋ย น่ารัก เอ้ก็ชอบ”
“วันรุ่งขึ้นเอาไปอวดที่ทำงาน ปรากฏว่าสาวที่ทำงานคนนึงเห็นแล้วชอบมากจะขอซื้อ ผมเลยขายเธอไปหมื่นสี่ อิอิ”
“โอ้โห โหดมากเลยนะพี่”
“ผมเลยไปเอาลูกหมาอีกตัวที่เพื่อนคนเดิม เอาไปอวดที่ทำงานอีก พอดีผมชอบสาวคนนึง เลยจับมันมาให้คลอเคลียเจ้าตัวเกิดชอบขึ้นมา ผมเลยให้ยืมเลี้ยงอาทิตย์นึง ช่วงอาทิตย์นึงก็ไปทำก้อร่อก้อติกกะเธอ ไม่เป็นผลเลย เธอชอบแต่หมา เธอไม่ชอบเจ้าของหมา”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“อย่าหัวเราะเยาะเย้ย...พอครบกำหนดอาทิตย์นึง ผมเลยขอหมาคืน เธอไม่ยอมคืนอีกตะหาก ผมเลยบอกขาย เธอเลยจำยอมซื้อหมาจากผมไปตัวละหมื่นสี่อีก เลยอดเลี้ยงหมาตั้งแต่นั้น ฮือ ฮือ”
“เอ้ว่านะ พี่อ่ะ....เขี้ยว”
เอ้ทำงานเป็นเลขาฯ ผู้จัดการอยู่แถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่เธอบอกว่าเรียนจบเลขาฯ จากโฮลลี่หรืออะไรนี่แหละ เรียกไม่ถูกแต่มีความรู้ภาษาอังกฤษดีทีเดียว ผมอยากจะเจอเธอเหมือนกันและคิดว่าชวนแล้วเธอน่าจะตกลง เพราะคุยกันนานพอสมควรบอกเธอไปว่า วันจันทร์ผมต้องไปธุระแถวมาบุญครองตอนเย็นเธอบอกว่าวันจันทร์ตอนเย็นคงไม่ว่าง ผมก็บ่นเสียดายซะก่ายกอง เลยถามว่า แล้วเที่ยงว่างหรือเปล่า มากินข้าวเที่ยงกันก็ได้เธอตอบตกลง
ฮ่า ฮ่า ฮ่า นัดสาวคนที่สี่ได้แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า
งานนี้ผมเลยมีสี่นัดภายในสองวัน จะได้ไม่เปลืองค่ารถ หุ หุ วันอาทิตย์ทั้งวันผมเอาแต่นอนฝันหวาน เออ สองวันนัดสาวสี่คนได้ด้วยว้อย กึ๋ย กึ๋ย กึ๋ย
เมื่อเช้าวันจันทร์มาถึง ผมเจอปัญหางานด่วนเร่งเข้ามาเลยเป็นอันต้องแมสเสจไปบอกเอ้ ว่ามาไม่ได้ ตอนนี้อีกห้านาทีจะเที่ยงอยู่แล้ว เธอแมสเสจกลับมาสวดผมพอสมควร ว่าทำให้เธอบอกปัดเพื่อนที่ทำงานที่ชวนไปกินข้าวเที่ยง ตั้งแต่นั้นมาผมจึงไม่เป็นที่ไว้วางใจของเอ้อีกเลย เธอยอมคุยทางเน็ทกับผมแต่ไม่เคยรับนัดอีก สาว ๆ นี่ ผูกใจเจ็บเหน็บใจดำกันจังเลยนะ
รักใสๆ หัวใจใส่เน็ท
ผมยังคงเปิดเว็บเข้าไปทักสาว ๆ อยู่อีกหลายเดือนขอย้ำว่าหลายเดือน เพราะไม่มีอะไรจะทำ และก็ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนที่สะดวกกว่านี้ คนอายุปูนนี้อย่างผม จู่ ๆ จะไปเจอสาว ๆ ที่ไหนได้ งานการก็ไม่ได้ไปเป็นลูกจ้างบริษัทที่ไหนถึงจะไปตามจีบสาวออฟฟิศ ลูกค้าก็คงไปจีบไม่ได้ มันเสียจรรยาบรรณ หรือจะไปเดินตามหาเด็ก ๆ ตามมหาวิทยาลัยโอ้ นั่นมันบ้าจริง ๆ เลย จอร์จ ตลอดหลายเดือนก็เจอคนนั้นบ้างคนนี้บ้างบางคน ก็คุยกันทางอินเตอร์เน็ทอยู่หลายอาทิตย์กระทั่งเย็นวันศุกร์ของวันนึง
ผมเจอกับแจ๊สในเว็บไซท์ที่เข้าเป็นประจำ เธอบอกว่าเรียนปีสุดท้ายอยู่ธุรกิจบัณฑิต เทอมนี้ต้องไปฝึกงานตามบริษัท เธอส่งรูปให้ดูทางเมล์ หน้าตาดีทีเดียว โอ พระเจ้า หุ่นก็ดีด้วย สูงตั้งร้อยหกสิบแปด เธอบอกว่าอยากเป็นแอร์โฮสเตสคุยประวัติกันไป ฟังดูเหมือนบ้านมีสตางค์ แต่เธอบอกว่าอยากเรียนภาษาอังกฤษ ประเภทติวสอบแอร์น่ะ ค่าเรียนประมาณหมื่นห้า ไม่รู้จะหาค่าเรียนจากไหน (บ้านรวยแล้วทำไมไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียนฟระ) ผมออกอาการป๋าทันที บอกว่าเงินแค่นี้จิ๊บจ๊อย พี่ตัวคนเดียว ลูกเมียไม่มี ยังไงก็พอช่วยแจ๊สได้ เราเลยนัดเจอกันวันจันทร์ตอนเย็นที่มาบุญครอง แจ๊สจึงเป็นสาวคนที่หนึ่งที่ผมนัด
พอกล่าวอำลาและนัดแนะกับแจ๊สเรียบร้อย อีกสาวที่คุยกันไว้หลายอาทิตย์ก็ออนไลน์เข้ามาพอดี คนนี้ชื่อออฟทำงานแถวอโศก เป็นเว็บมาสเตอร์ของเว็บไซท์เกมออนไลน์แห่งนึง เป็นสาวน่าน คนนี้บอกว่าเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เชียงราย มาทำงานกรุงเทพฯ ได้ 3-4 ปีแล้ว เธออายุ 26 ส่วนสูง 158 เซ็นฯ ส่วนสูงผิดสเปคไปนิดหน่อย แต่ก็เอาวะ แหม ไอ้คนแก่อย่างผมมีสาวมาคุยด้วยก็ชื่นใจแล้ว เราคุยกันมาหลายอาทิตย์ ผมชวนเธอเที่ยวทุกหนแหละ หนนี้ก็ใช่
“ออฟอยากไปไหน พี่พาไปได้ทุกที่เลย” ผมออกฟอร์มป๋าใจกว้าง
“ออฟไม่รู้ อยู่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยได้เที่ยวหรอก”
“อ่า เข้าเว็บไซท์น่าจะเจอกะหนุ่มบ่อย ๆ ไม่ได้ไปเที่ยว
ไหนกะใครมั่งเหรอ”
“ไม่มีเลยนะ ออฟไม่ค่อยคุยกับใครหรอก ออฟระวังตัว
เนี่ย คุยกะพี่เยอะที่สุดแล้ว”
“โอ เป็นโชคดีของผมสิเนี่ย แล้วผมชวนออฟเที่ยวออกบ่อย ออฟไม่เคยรับปากเลย”
“ก็เพิ่งคุยกัน จะให้รับปากง่าย ๆ ได้ไง”
“แล้วหนนี้ ถ้าผมชวนออฟ จะไปหรือเปล่า”
“ถ้าว่างก็จะไป”
ผมได้ฟังงี้ใจชื้นขึ้นมาเลย อิอิ ก็ต้องรีบชวนสิทีนี้
“แล้วคราวนี้จะไปป่าว”
“ไปไหนล่ะ”
“ออฟว่างวันไหนล่ะ”
“สองสามวันนี้ไม่ว่าง”
“อ้าว แล้วบอกว่าถ้าว่างก็ไป แล้วตกลงออฟว่างวันไหน
กันแน่”
ผมทำเสียงพ้อ
“จะชวนจริง ๆ เหรอ”
“อ้าว จะชวนเล่น ๆ ทำไมเล่า”
“พี่มากะออฟแล้วลูกเมียที่บ้านไม่ว่าเอาเหรอ”
“โธ่ บอกกี่เที่ยวแล้วว่าลูกเมียไม่มี”
“หึย ไม่เชื่อหรอก คนอายุปูนนี้ไม่มีลูกไม่มีเมีย”
“แนะ บอกกี่หนแล้ว คนเรามันจะมีอุบัติเหตุชีวิตมั่งไม่ได้เหรอ ก็บอกไปแล้วเลิกกันไป นี่ก็พูดตามตรง มาหาแฟนจะพูดตรงกว่านั้นก็มาหาเมีย ไม่มาเที่ยวชวนเล่น ๆ หรอก”
“ออฟไม่ได้บอกว่าอยากจะมีแฟนนะ”
(หึย นัง
“ก็ถือว่ามารู้จักเพื่อนอีกคน นะ นะ นะ”
“แล้วพี่จะไปไหนล่ะ”
“เมื่อกี้เราคุยค้างกันไว้หนิว่าออฟว่างวันไหน ค่อยตกลงกัน”
“ออฟว่างวันอังคาร หลังเลิกงาน”
“อืม เอางี้ เราก็แค่ไปกินข้าวเย็นกันนะ”
“ก็ได้ พี่รู้จักที่ทำงานออฟหรือเปล่า”
“พอรู้ ไว้พี่ไปถึงแถว ๆ อโศกแล้วจะโทรหานะ กะประมาณ
หกโมงเย็น ทุ่มนึงยังงี้”
“ได้”
เหอ เหอ นัดออฟได้เป็นคนที่สองแว้ววว
.......................................................................................................................
หลังจากนัดแนะกับเธอแล้วก็ล่ำลากันไป กะว่าจะปิดคอมพิวเตอร์ เพราะนั่งหน้าคอมพ์ทั้งวัน ตาชักจะลายเข้าให้แล้วน้องแบมก็ออนไลน์เข้ามาอีกคน คนนี้ก็คุยกันทางเน็ทได้หลายวันแล้วเหมือนกัน
แบมคือสาวที่เอารูปตุ๊กตาบาร์บี้มาแปะแทนหน้านั่นแหละ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักหน้าตาว่าจะเป็นยังไง รูปก็ดูดีอยู่หรอก แต่รูปมันหลอกกันได้ เคยเจอเยอะแล้วขอบอก บางคนทำภาพเหลื่อมภาพซ้อน เราเห็นในรูปว่าปากมันเบี้ยว คิดว่าแต่งภาพที่ไหนได้ เจอตัวจริงปากมันเบี้ยวเหมือนในรูปเลย วิ่งหนีแทบไม่ทัน
มาเจอแบมวันนี้ ผมก็ลุ้นอยู่ว่า ตัวจริงจะตาโต จมูกบาน ปากแบนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมก็เสี่ยงดวงไปคุยกับเธอในเน็ท กะว่าพอคุยกันได้สักพักก็จะขอรูปกับคนอื่น ๆ
พอส่งรูปมาแล้วผมก็ทำตัวหายเข้ากลีบเมฆไปเลยบางคนก็เมล์มาถามว่าเดี๋ยวนี้ไม่ยอมคุยกันแล้วเหรอ ก็แหม ขอโทษ บางคนขนาดรูปถ่ายยังหน้ามันแผลบแทบเอาน้ำมันไปทอดไข่ บางคนก็หน้าตาไม่ตรงสเป็คเป็นอย่างจัง ไม่อยากจะบอกเลยว่าบางคนมันขี้เร๊ขี้เหร่ (หนุ่มหน้าตาดี ๆ อย่างผมก็ต้องเลือกหน่อยสิ) ของพวกนี้มันห้ามกันไม่ได้เนอะ แต่กลัวว่าเมื่อถึงคราวต้องไปเจอกันตอนค่ำ ๆ เธอเหล่านั้นอาจจะถูกตำรวจตามจับเอาก็ได้ โทษฐานขี้เหร่ยามวิกาลเลยขอห่าง ๆ ไว้ก่อนจะปลอดภัยกว่า
แบมเป็นสาวอายุ 22 เธอบอกว่าเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถมพระรามหก คุยกันสักพักเราก็แลกรูปกัน พอเห็นรูปกันชัด ๆ แล้ว ท่าทางเราทั้งคู่คงจะพอใจกันระดับหนึ่ง ผมเคยนะสาวบางคนมันส่งรูปมาให้นะ ดูยังไงก็ไม่ชัด มันเล่นยืนซะไกลเราก็คิดว่าคงเป็นอย่างนั้น แต่พอเจอตัวจริงแล้วที่ไหนได้ มันตั้งใจถ่ายรูปนั้นมาใส่เน็ท คือหน้าตามันไม่เอาไหนเลยถึงได้ตั้งใจถ่ายให้หน้าดูเล็ก ๆ จาง ๆ จะได้เห็นไม่ชัด เวลาเห็นหน้าตัวเป็น ๆ แล้ว อยากหันหลังกลับออกวิ่ง สี่คูณร้อยเดี๋ยวนั้น
เราก็นึกว่า อิอิ ตรงสเป็คว้อย หน้าตาน่ารัก การศึกษาดี หุ่นใช้ได้ ส่วนสูงเกิน 160 แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดซะว่า ของอย่างนี้เหมือนส่งซองบะหมี่ชิงโชค ยิ่งส่งมากยิ่งมีสิทธิ์ถูกรางวัล ไอ้จะมาจองนัดสาวคนเดียว แล้วลองคบกันไปเรื่อย ๆ ยังงี้ โอกาสปิ๋วมันเยอะ เสียเวลาชีวิตด้วย เพราะอายุผมปาเข้าไปปูนนี้จะมาคบกันไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวตายซะก่อน บางคนพอแลกรูปกันแล้วมันก็หายไปเลย ไม่ยอมคุยกับเราอีกก็มีถมไป (หึย ไอ้โคแก่อยากกินหญ้าอ่อน)
วันนี้พอคุยกันสักพักผมก็ชวนแบมไปกินข้าว ผมรู้ว่ายังไม่เปิดเทอม ยังงี้วันธรรมดาก็ว่างดิ เอาวะ ไม่ให้เสียเที่ยว กะว่านัดกับแบมวันอังคารตอนบ่าย พอเย็นก็ไปเจอออฟ เหอ เหอ วันเดียวนัดสองคนเลย ไม่ให้เสียเที่ยวช่วยชาติประหยัดน้ำมันตามนโยบายรัฐบาล เรานัดเจอกันที่ห้างโลตัสใกล้บ้านแบม
อะจ๊ากกก แบมคือสาวคนที่สามที่นัดได้ โอ...ทำไม ช่วงนี้มือขึ้นอย่างนี้ฟระ
.......................................................................................................................
เช้าวันเสาร์ผมเข้าเน็ทอีก วันนี้เจอกับเอ้ คนนี้ก็คุยกันหลายหนแล้ว คุยกันถูกคอด้วย เธอชอบเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวผมก็ทำเป็นชอบเลี้ยงสัตว์ไปกับเธอด้วย เล่าเรื่องฮา ๆ ขำ ๆ ให้ฟัง
“เมื่อหลายปีก่อนผมเคยซื้อหมาชาเป่ย (หมาหน้าย่น) มาจากเพื่อนตัวละเจ็ดพันบาทนะ...”
“อู๋ย น่ารัก เอ้ก็ชอบ”
“วันรุ่งขึ้นเอาไปอวดที่ทำงาน ปรากฏว่าสาวที่ทำงานคนนึงเห็นแล้วชอบมากจะขอซื้อ ผมเลยขายเธอไปหมื่นสี่ อิอิ”
“โอ้โห โหดมากเลยนะพี่”
“ผมเลยไปเอาลูกหมาอีกตัวที่เพื่อนคนเดิม เอาไปอวดที่ทำงานอีก พอดีผมชอบสาวคนนึง เลยจับมันมาให้คลอเคลียเจ้าตัวเกิดชอบขึ้นมา ผมเลยให้ยืมเลี้ยงอาทิตย์นึง ช่วงอาทิตย์นึงก็ไปทำก้อร่อก้อติกกะเธอ ไม่เป็นผลเลย เธอชอบแต่หมา เธอไม่ชอบเจ้าของหมา”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“อย่าหัวเราะเยาะเย้ย...พอครบกำหนดอาทิตย์นึง ผมเลยขอหมาคืน เธอไม่ยอมคืนอีกตะหาก ผมเลยบอกขาย เธอเลยจำยอมซื้อหมาจากผมไปตัวละหมื่นสี่อีก เลยอดเลี้ยงหมาตั้งแต่นั้น ฮือ ฮือ”
“เอ้ว่านะ พี่อ่ะ....เขี้ยว”
เอ้ทำงานเป็นเลขาฯ ผู้จัดการอยู่แถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่เธอบอกว่าเรียนจบเลขาฯ จากโฮลลี่หรืออะไรนี่แหละ เรียกไม่ถูกแต่มีความรู้ภาษาอังกฤษดีทีเดียว ผมอยากจะเจอเธอเหมือนกันและคิดว่าชวนแล้วเธอน่าจะตกลง เพราะคุยกันนานพอสมควรบอกเธอไปว่า วันจันทร์ผมต้องไปธุระแถวมาบุญครองตอนเย็นเธอบอกว่าวันจันทร์ตอนเย็นคงไม่ว่าง ผมก็บ่นเสียดายซะก่ายกอง เลยถามว่า แล้วเที่ยงว่างหรือเปล่า มากินข้าวเที่ยงกันก็ได้เธอตอบตกลง
ฮ่า ฮ่า ฮ่า นัดสาวคนที่สี่ได้แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า
งานนี้ผมเลยมีสี่นัดภายในสองวัน จะได้ไม่เปลืองค่ารถ หุ หุ วันอาทิตย์ทั้งวันผมเอาแต่นอนฝันหวาน เออ สองวันนัดสาวสี่คนได้ด้วยว้อย กึ๋ย กึ๋ย กึ๋ย
เมื่อเช้าวันจันทร์มาถึง ผมเจอปัญหางานด่วนเร่งเข้ามาเลยเป็นอันต้องแมสเสจไปบอกเอ้ ว่ามาไม่ได้ ตอนนี้อีกห้านาทีจะเที่ยงอยู่แล้ว เธอแมสเสจกลับมาสวดผมพอสมควร ว่าทำให้เธอบอกปัดเพื่อนที่ทำงานที่ชวนไปกินข้าวเที่ยง ตั้งแต่นั้นมาผมจึงไม่เป็นที่ไว้วางใจของเอ้อีกเลย เธอยอมคุยทางเน็ทกับผมแต่ไม่เคยรับนัดอีก สาว ๆ นี่ ผูกใจเจ็บเหน็บใจดำกันจังเลยนะ