ผมละเบื่อนิสัยอยากได้หน้าของเศรษฐี และผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไทยจริงๆ คนอื่นลงมือแต่พอสำเร็จก็บอกว่าเป็นเพราะตัวเอง
ขอเริ่มจากการอธิบายบทบาทของผู้จัดการทีมกับผู้บริหารก่อน
ในอังกฤษ ผู้จัดการทีมจะมีหน้าที่ดูแลทุกอย่างเกี่ยวกับทีม ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อม, การซื้อขายนักเตะ รวมไปถึงระบบเยาวชนถ้าผู้จัดการทีมคนนั้นอยู่มานาน
ส่วนผู้บริหารต้องอยู่เฉยจะมีบทบาทแค่การเลือกใครมาคุมทีม และวางแผนงบประมาณเท่านั้น
แต่ในประเทศอื่นคนคุมทีมไม่ใช้ผู้จัดการแต่เป็นโค้ช ซึ่งมีหน้าที่ฝึกซ้อม และวางแผนการเล่นให้นักเตะเวลาลงสนาม
ส่วนผู้บริหารจะจัดหานักเตะผ่านผู้อำนวยการสโมสร หรือผู้จัดการทีมแล้วแต่ว่าจะกำหนดบทบาทกันยังไง
หลายคนคงได้รับข่าวสารจากสื่อกีฬาของประเทศไทยว่า ผู้บริหารชาวไทยกลุ่มทุน “คิงส์ พาวเวอร์” ได้บริหารจัดการอย่างดี จนทีมได้เลื่อนชั้น
ซึ่งในความเป็นจริงในไม่จริงเลย พวกเขาโยนภาระการบริหารจัดการทีมฟุตบอลให้ “ไนเจล เพียร์สัน” แก้ไขคนเดียว
แต่ผมขอชื่นชมในความอดทนที่ไม่ยอมปลด “ไนเจล เพียร์สัน” ออกจากตำแหน่งหลังจากพลาดการเลื่อนชั้นมาสองฤดูกาล ซึ่งความอดทนเป็นเรื่องยากที่สุดในการบริหารทีมฟุตบอล
มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นช่วงต้นฤดูกาล
ช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2013-2014 ผู้บริหารได้สั่งให้ “ไนเจล เพียร์สัน” ปล่อยผู้เล่นที่มีค่าเหนื่อย 15,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ออกไป และถ้าจะนำผู้เล่นเข้ามาก็ให้ค่าเหนื่อยได้แค่ 6,000 -7,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เท่านั้น
ซึ่งสุดท้ายทีมต้องปล่อย “พอล กัลลาเกอร์”, “นีล ดีนส์” และ “เจอเมนส์ เบ็คฟอร์ด” ออกไป ซึ่งมาจากยุคสเวน และใช้งานจริงไม่ได้
โดยได้ “ดีน แฮมมอนด์”, แกรี่ เทยเลอร์ –เฟล็ทเชอร์ และมาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ มาใช้งานจนจบฤดูกาล
ยังมีอีก 4 คน ที่ดึงมาฟรีๆ แต่ไม่ใช้จึงปล่อยให้ทีมอื่นยืมเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
สรุป คือ ในช่วงตลาดหน้าร้อน “ไนเจล เพียร์สัน” ไม่ได้ใช้เงินเลย เพราะผู้บริหารไม่ให้ใช้ ว่าจะได้ใช้ก็มกราคม 57
เหตุผลที่ว่าเชื่อใจในนักเตะ จึงไม่เปลี่ยนแปลงทีมที่ลงใน SS มันไม่จริง สาเหตุจริงๆ คือ ใช้เงินเสียเปล่าในยุค “สเวน” เยอะ จนติดตัวแดงตากกฎ ไฟแนลเชียร์ แฟร์เพลย์ ของฟุตบอลลีกต่างหากต่างหาก
โชคดี ที่ “ไนเจล เพียร์สัน” สร้างทีมด้วยระบบ และความกลมเกลียวกันในทีมจึงเลื่อนชั้นได้สำเร็จ
ลิงค์
http://www.mirror.co.uk/sport/football/transfer-news/leicester-boss-nigel-pearson-told-2082622
ส่วนเรื่องบริหารจัดการด้านอื่นๆ โดยเฉพาะการดูแลแฟนบอลทำได้ดีสมเป็นชาวไทยที่คนทั่วโลกประทับใจในการต้อนรับขับสู่ของเรา
โดยสนาม “คิงส์ พาวเวอร์” ได้รับ 4 ดาวจากเว็บ tripadvisor ซึ่งเป็นเว็บแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของอังกฤษ
หนึ่งในความเห็นจากสมาชิกเว็บ tripadvisor
“เป็นสนามที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคน, มีที่สำหรับ “วิลแชร์” อยู่แถวหน้า มีเจ้าหน้าที่คอยเอาใจใส่ และให้การดูแลเมื่อคุณต้องการ, สนามมาตรฐานเกมพรีเมียร์ลีก, ที่นั่งเป็นระเบียบ และมีพื้นที่ให้อย่างเหมาะสม, ที่จอดรถอาจจะไม่สะดวกสบาย ยกเว้นคุณจะซื้อบริการเสริม, สนามอยู่ใจกลางเมืองใกล้บริการขนส่งสาธารณะ, อาหารและเครื่องดื่มมีพร้อมให้เลือกสรร และเป็นสนามที่ปลอดบุหรี่”
คนใส่สูทสวมแว่นดำ มันไปยืนอยู่ตรงนั้นทำไม ไม่รู้จักกาลเทศะ ขนาด “เสี่ยหมี” ที่ทุ่มมากกว่ายังไม่ทำเลย
[CHAMPIONSHIP] แนะนำ “ทีมเลสเตอร์” แชมป์ฤดูกาล 2013-2014
ขอเริ่มจากการอธิบายบทบาทของผู้จัดการทีมกับผู้บริหารก่อน
ในอังกฤษ ผู้จัดการทีมจะมีหน้าที่ดูแลทุกอย่างเกี่ยวกับทีม ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อม, การซื้อขายนักเตะ รวมไปถึงระบบเยาวชนถ้าผู้จัดการทีมคนนั้นอยู่มานาน
ส่วนผู้บริหารต้องอยู่เฉยจะมีบทบาทแค่การเลือกใครมาคุมทีม และวางแผนงบประมาณเท่านั้น
แต่ในประเทศอื่นคนคุมทีมไม่ใช้ผู้จัดการแต่เป็นโค้ช ซึ่งมีหน้าที่ฝึกซ้อม และวางแผนการเล่นให้นักเตะเวลาลงสนาม
ส่วนผู้บริหารจะจัดหานักเตะผ่านผู้อำนวยการสโมสร หรือผู้จัดการทีมแล้วแต่ว่าจะกำหนดบทบาทกันยังไง
หลายคนคงได้รับข่าวสารจากสื่อกีฬาของประเทศไทยว่า ผู้บริหารชาวไทยกลุ่มทุน “คิงส์ พาวเวอร์” ได้บริหารจัดการอย่างดี จนทีมได้เลื่อนชั้น
ซึ่งในความเป็นจริงในไม่จริงเลย พวกเขาโยนภาระการบริหารจัดการทีมฟุตบอลให้ “ไนเจล เพียร์สัน” แก้ไขคนเดียว
แต่ผมขอชื่นชมในความอดทนที่ไม่ยอมปลด “ไนเจล เพียร์สัน” ออกจากตำแหน่งหลังจากพลาดการเลื่อนชั้นมาสองฤดูกาล ซึ่งความอดทนเป็นเรื่องยากที่สุดในการบริหารทีมฟุตบอล
มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นช่วงต้นฤดูกาล
ช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2013-2014 ผู้บริหารได้สั่งให้ “ไนเจล เพียร์สัน” ปล่อยผู้เล่นที่มีค่าเหนื่อย 15,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ออกไป และถ้าจะนำผู้เล่นเข้ามาก็ให้ค่าเหนื่อยได้แค่ 6,000 -7,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เท่านั้น
ซึ่งสุดท้ายทีมต้องปล่อย “พอล กัลลาเกอร์”, “นีล ดีนส์” และ “เจอเมนส์ เบ็คฟอร์ด” ออกไป ซึ่งมาจากยุคสเวน และใช้งานจริงไม่ได้
โดยได้ “ดีน แฮมมอนด์”, แกรี่ เทยเลอร์ –เฟล็ทเชอร์ และมาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ มาใช้งานจนจบฤดูกาล
ยังมีอีก 4 คน ที่ดึงมาฟรีๆ แต่ไม่ใช้จึงปล่อยให้ทีมอื่นยืมเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
สรุป คือ ในช่วงตลาดหน้าร้อน “ไนเจล เพียร์สัน” ไม่ได้ใช้เงินเลย เพราะผู้บริหารไม่ให้ใช้ ว่าจะได้ใช้ก็มกราคม 57
เหตุผลที่ว่าเชื่อใจในนักเตะ จึงไม่เปลี่ยนแปลงทีมที่ลงใน SS มันไม่จริง สาเหตุจริงๆ คือ ใช้เงินเสียเปล่าในยุค “สเวน” เยอะ จนติดตัวแดงตากกฎ ไฟแนลเชียร์ แฟร์เพลย์ ของฟุตบอลลีกต่างหากต่างหาก
โชคดี ที่ “ไนเจล เพียร์สัน” สร้างทีมด้วยระบบ และความกลมเกลียวกันในทีมจึงเลื่อนชั้นได้สำเร็จ
ลิงค์
http://www.mirror.co.uk/sport/football/transfer-news/leicester-boss-nigel-pearson-told-2082622
ส่วนเรื่องบริหารจัดการด้านอื่นๆ โดยเฉพาะการดูแลแฟนบอลทำได้ดีสมเป็นชาวไทยที่คนทั่วโลกประทับใจในการต้อนรับขับสู่ของเรา
โดยสนาม “คิงส์ พาวเวอร์” ได้รับ 4 ดาวจากเว็บ tripadvisor ซึ่งเป็นเว็บแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของอังกฤษ
หนึ่งในความเห็นจากสมาชิกเว็บ tripadvisor
“เป็นสนามที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคน, มีที่สำหรับ “วิลแชร์” อยู่แถวหน้า มีเจ้าหน้าที่คอยเอาใจใส่ และให้การดูแลเมื่อคุณต้องการ, สนามมาตรฐานเกมพรีเมียร์ลีก, ที่นั่งเป็นระเบียบ และมีพื้นที่ให้อย่างเหมาะสม, ที่จอดรถอาจจะไม่สะดวกสบาย ยกเว้นคุณจะซื้อบริการเสริม, สนามอยู่ใจกลางเมืองใกล้บริการขนส่งสาธารณะ, อาหารและเครื่องดื่มมีพร้อมให้เลือกสรร และเป็นสนามที่ปลอดบุหรี่”
คนใส่สูทสวมแว่นดำ มันไปยืนอยู่ตรงนั้นทำไม ไม่รู้จักกาลเทศะ ขนาด “เสี่ยหมี” ที่ทุ่มมากกว่ายังไม่ทำเลย