แชร์ประสบการณ์ WORK&TRAVEL 2014 บอกได้คำเดียว "อย่าไป!"

จั่วหัวมาซะแรงแบบนี้ เด็กเวิร์คเก่าที่มีประสบการณ์ดีๆอย่าเพิ่งแย้งกันนะคะ 555 ที่บอกว่า "อย่าไป!!" เราหมายถึง โรงแรมชื่อ "Global Hospitality DBA Amaricas Best Value Inn" (สาบานว่านี่ชื่อ?) @ Pendleton , Oregon USA ค่ะ ตัดสินใจอยู่พักนึงว่าจะมาเขียนกระทู้ดีมั้ย แต่ก็คิดว่าประสบการณ์ของเรา น่าจะก่อให้เกิดประโยชน์หรือเป็นวิทยาทานให้กับคนที่กำลังตัดสินใจจะเข้าร่วมโครงการWork&Travel หรือแม้กระทั่งคนที่จะมาทำงานที่USAได้ไม่มากก็น้อย ยิ้ม (แต่ต้องบอกก่อนนะคะ ว่าแอบยาว แต่เชื่อค่ะว่า ถ้าคุณอ่านจบ มันจะเป็นประโยชน์ได้แน่ๆค่ะ )

     เริ่มเรื่องจาก เราและเพื่อนรวม4คน ตัดสินใจมาทำงาน Housekeeping ที่โรงแรมแห่งนี้ในโครงการWork&Travel (ขออนุญาตไม่บอกชื่อเอเจนซี่ทั้งที่ไทยแล้วก็เมกานะคะ) พวกเราเป็นเด็กเวิร์คคนไทยกรุ๊ปแรกที่มาที่นี่ ต้องบอกก่อนว่านายจ้างเป็นคนอินเดีย เค้าอยู่อเมริกามาได้หลายปีแล้ว มีภรรยาเป็นคนยูเครน และมีลูกชาย(น่ารักมาก^^)1คน

    วันแรกที่เริ่มงาน เค้าก็เอาสัญญามาให้เซ็นต์ ในสัญญาจะระบุพวกกฎต่างๆในการทำงานที่เราสามารถทำได้และทำไม่ได้ เป็นกฎพื้นฐานที่ทุกๆงานจำเป็นต้องมีอ่ะค่ะ เราเห็นว่ามันไม่ได้มีอะไรแปลก เราก็เซ็นต์ไป พอเริ่มงาน เรื่องงานช่วงแรกก็ไปได้ดีค่ะ แต่ชั่วโมงยังได้ไม่เยอะมากเพราะยังslowอยู่ นายจ้างเค้าก็จะบอกตลอดว่าเดี๋ยวจะ busy soonนะ พวกเราก็รับทราบ พออยู่ไปซักพัก เค้าจะเริ่มมีกฎเกณฑ์เพิ่มขึ้น เช่น เรื่องการเซ็นต์เข้า-ออก ก่อนที่เราจะไปข้างนอก ไม่ว่าจะที่ไหน ต้องมาลงชื่อ เวลาแล้วก็สถานที่ที่เราจะไป พอเรากลับเราก็ต้องมาเซ็นต์ว่า เรากลับมาแล้วนะ โดยเค้าให้เหตุผลว่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ซึ่งพวกเราทุกคนโอเคกับมันนะคะ ก็รู้สึกดีด้วยซ้ำที่เค้าใส่ใจเรา ทำให้ทุกๆครั้งที่ออกไปไหนก็ต้องมาเซ็นต์ก่อนทุกครั้ง

     ต้องบอกก่อนว่า ในjob offerของเรา ทางนายจ้างเค้าระบุแล้วว่า"ห้ามทำsecond job" เราทุกคนเข้าใจมันดีค่ะ แล้วก็ไม่คิดจะฝ่าฝืนด้วย มีอยู่วันหนึ่ง เป็นช่วงแรกๆเลยที่มา เรากับเพื่อนบังเอิญไปเจอร้านอาหารไทยร้านนึง อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม เราก็ไปกัน เจ้าของเป็นคนไทยค่ะ เป็นป้าๆลุงๆ เค้าอยู่ด้วยกัน5คน เปิดร้านอย่างถูกต้องตามกฎหมายมา20-30ปีแล้ว เค้าดีใจมากที่ได้เจอพวกเรา เพราะไม่คิดว่าจะมีคนไทยมา ป้าๆเค้าใจดีมากๆ เลี้ยงอาหารพวกเราหลายอย่างเลย แล้วเราก็ตามประสาคนไทย กินของเค้าฟรี ก็ต้องตอบแทนบุญคุณ พวกเราก็ช่วยป้าๆเค้า ล้างจานบ้าง เช็ดโต๊ะบ้าง อะไรที่พอช่วยได้เราก็ช่วย

     อยู่มาวันนึงค่ะ พวกเราก็ไปหาป้าเค้า ไปคุยเล่นตามปกติ ป้าเค้าก็ชวนทานข้าว เรากับเพื่อนก็ช่วยกันยกจานอาหารมาวางที่โต๊ะ แล้วมันบังเอิญค่ะ นายจ้างผู้ชายเค้ามาเจอช็อตนั้นพอดี เค้าเข้ามาด่ากลางร้านเลยค่ะ เค้าบอกว่าทำแบบนี้ไม่ได้ มันผิดกฏหมายนู่นนี่ คือเค้าเข้าใจว่าเราทำงานอ่ะค่ะ พวกเราก็พยายามอธิบายว่าเราไม่ได้ทำงาน เราแค่มาช่วย เค้าก็ไม่ฟัง เค้าไม่เปิดโอกาสให้ใครพูดเลยทั้งเราและป้าๆ พอบอกเค้าว่าเราไม่ได้ทำงานเพื่อแลกเงิน เราแค่มาช่วยเพราะป้าเค้ามีน้ำใจกับเรา เค้าเลี้ยงข้าวเรา เราแค่ตอบแทนบุญคุณ แต่เค้าก็สวนกลับว่า พวกคุณไม่มีสมองหรือไง ที่นี่ไม่มีใครเค้าทำแบบนี้กันหรอก แล้วก็ว่าพวกเราโกหกๆๆๆๆ เค้าว่าแรงมาก เค้าไม่เชื่อว่าพวกเราไม่ได้ทำ2nd jobอ่ะค่ะ จนพวกเราเหนื่อยใจที่จะพูด เลยเลือกที่จะเงียบแทน พอกลับมาถึงโรงแรมเค้าก็จับพวกเราเซ็นต์สัญญาตัวใหม่ เป็นสัญญาเฉพาะที่ว่าห้ามไปทำงานที่ร้านอาหารไทย พวกเราก็ยินยอมเซ็นต์ เค้าจะชอบพูดกับพวกเราว่า คนเราน่ะ มันรู้หน้าไม่รู้ใจ เห็นหน้าตาใจดี เค้าอาจจะไม่ได้หวังดีกับเราก็ได้ พวกเราก็รับฟังเค้าตลอดนะคะ มองเค้าเหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึง

     หลังจากวันนั้น ก็เหมือนจะดีขึ้นนะคะ เค้าก็ไม่ได้เรียกพวกเราไปว่าอะไรอีก แต่พอเงินเดือนออกสิคะ มันเริ่มไม่โอเค คือ ค่าบ้านที่พวกเราต้องจ่ายคือ 500$/คน/เดือน รวม1ห้องอยู่กันสี่คนคือ 2000$/4คน/เดือน ถ้าใครเคยมาเวิร์คจะเข้าใจค่ะ "มัน! แพง! มาก!" มีเพื่อนที่นี่เค้าผ่อนบ้านหลังใหญ่มากค่ะ มีสนามหญ้า ยังแค่900$/เดือน เราเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเค้าก็บอกว่ามันแพงมาก ยิ่งถ้าเป็นคนที่นี่เค้าจะยิ่งตกใจ เพราะสำหรับห้องแค่นี้ ขนาดห้องเท่ากับห้องโรงแรมห้องนึงค่ะ มีเตียง2ชั้น4เตียง 1ห้องน้ำ 1ห้องครัว แล้วก็เมืองนี้ที่ค่อนข้างชนบท ราคาไม่ควรแพงขนาดนี้ เทียบกับบ้านพักหรืออพาตเม้นแถวนี้ ปกติประมาณ 400-600$/เดือน พวกเราเคยคิดที่จะไปขอลดค่าเช่านะคะ แต่เค้าพูดดักมาก่อนว่า เนี่ย ห้องพักราคาถูกแล้วนะ เพราะมีเฟอร์ครบเลย เค้าติดตั้งเครื่องครัวให้ใหม่หมด wifiด้วย (wifiก็เก็บเงินค่ะ 20$/คน/เดือน) แต่คือทุกอย่างมันมีระบุในjob offerหมดแล้ว พวกเราเลือกที่จะมาแล้วเราก็ต้องยอมรับในสัญญา ตรงนี้ทราบดี เราก็ได้แต่ทำใจ ยกตัวอย่างเช็ครอบที่แล้วที่ออกมา เช็คจะออก2อาทิตย์/ครั้ง ได้เงิน 600$ หักค่าบ้าน ค่าwifi ค่าภาษีรัฐ เหลือ 260$ !!..........................จุดมากมายแทนความรู้สึก TT แต่ก็เข้าใจจุดประสงค์โครงการนะคะ มาเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เราก็เลยพยายามมองข้ามเรื่องเงินไป แต่เค้าจะไม่ชอบให้พวกเราไปรู้จักกับคนเยอะๆ เค้าไม่ให้พาเพื่อนเข้ามาให้ห้องพัก ไม่ชอบให้ไปไหนมาไหนกับคนอื่น พวกเราเลยไม่กล้าที่จะไปทำความรู้จักกับคนอื่น มีเพื่อนก็กลัวโดนว่า

    อยู่มาวันนึงค่ะ เราได้รู้จักกับพี่ผู้หญิงคนนึง เค้าอยู่ที่ Hermiston เป็นเมืองใกล้ๆกัน ห่างกันขับรถประมาณ 1 ชม. เค้าก็ดีใจมากที่เจอคนไทย เค้าบอกว่าเค้าจะพาเราไปทำความรู้จักกับพี่คนไทย เค้ามีร้านอาหารไทย พวกเราก็โอเค หลังเลิกงานพี่เค้าก็มารับ พวกเราก็ไปเซ็นต์ในสมุดว่า hang out with my friend คือก็ไม่ได้คิดว่าต้องลงรายละเอียดอะไรมากมาย มันเป็นเรื่องส่วนตัว อีกทั้งในตอนแรกก็ยังไม่รู้ด้วยว่าร้านอาหารพี่เค้าอยู่ที่ไหน ก็เขียนไปแค่นี้ เค้าก็พาไปเที่ยว ช้อปปิ้ง ไปทำความรู้จักกับพี่คนไทย พอเสร็จแล้วก็กลับมาส่ง ถัดมาอีกวัน ก็มีป้าจากร้านอาหารไทยที่Pendletonมาหา เค้ามาเคาะประตูโดยมีรีเซปชั่นของโรงแรมซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ที่นี่นิสัยดีมากๆ เค้าเป็นคนพาป้ามา ป้าเค้าเอาโน้ตบุคมาฝากเพื่อนเรา เค้าซื้อมานานแต่ไม่ได้ใช้ เค้าจะฝากให้หิ้วกลับไปให้ลูกสาวที่ไทยเพราะกลัวเสียหาย แล้วอีกอย่างคือเพื่อนเราอยู่จังหวัดเดียวกับลูกป้าเค้าก็รับมา มันก็ไม่มีอะไรอะค่ะในความคิดพวกเรา แล้วป้าเค้าก็พาเราไปซื้อของที่safe way แล้วก็กลับ ถัดมาอีกวันนายจ้างเค้าก็เรียกพวกเราเข้าไปคุย ณ ตอนนั้นรีเซปชั่นที่เป็นเพื่อนกันเค้าก็นั่งอยู่ด้วย นายจ้างผู้ชายเค้าด่าพวกเราว่า ทำไมเราต้องโกหก เราก็งงสิคะ เลยถามว่าฉันโกหกอะไร เค้าบอกว่า เรื่องที่เขียนในสมุดว่าไปsafe way แต่จริงๆไปHermiston เราก็บอกว่าไม่ได้โกหก วันนั้นไปจริงๆ แต่Hermistonมันคนละวัน วันนั้นฉันเขียนว่า hang out with my friend เค้าก็เอาสมุดมาเปิดดู แล้วก็ยังด่าอยู่ดีว่า ยังไงก็โกหก you lieๆ เพราะไม่บอกว่าไปHermiston...เอิ่ม สตั๊นค่ะ ไปต่อไม่เป็นเลยงานนี้ ไม่คิดจริงๆว่าต้องลงรายละเอียดมากมายขนาดนั้น คือพวกเราพอรู้นิสัยเค้า เค้าใจร้อนและไม่ฟังใคร เค้าพูดถูกทุกอย่าง เราเลยเลือกที่จะเงียบและฟัง เค้าบอกว่าคุณไม่สามารถให้คนมาหาได้ ถ้าจะมาก็มาหาที่ฟร้อนเด๊กเนี่ย แล้วออกมาคุยข้างนอก แล้วเค้าก็พูดเรื่องป้าที่มาฝากโน้ตบุค บอกว่า คุณรู้มั้ยว่าป้าคุณเค้าไปเคาะประตูห้องแขกทั่วโรงแรมแล้วถามว่า Where is Thai girls ? หือ คืออะไร พวกเราไม่เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านั่นไงคะ รู้ตัวก็ตอนที่มาเคาะประตู พวกเราก็เงียบไม่ได้พูดอะไร คือเค้าเข้าใจไปเองอ่ะค่ะว่าป้าเค้าพยายามที่จะพาพวกเราไปทำงาน แล้วเค้าก็โทรไปว่าป้าว่าคุณมาที่นี่ไม่ได้ มาหาคนของฉันได้ไง เดี๋ยวเค้าจะสั่งให้คนไปปิดร้าน แถม"คนไทย" ที่มาทำงานที่นี่ร้อยละ 99.99 มันก็ผิดกฎหมายทั้งนั้น มีแต่พวกfake marriage เพื่อจะเอาgreen cardทั้งนั้น แล้วเค้าก็ว่าป้าว่ารับคนเข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมาย แล้วก็เรื่องโน้ตบุค เค้าก็ว่าๆไม่รู้ขโมยมารึเปล่า หรือผิดกฎหมายอะไรมั้ย เค้าจะเอาไปให้ตำรวจ แล้วก็ใครก็ตามที่จะมาพาพวกเราออกไปข้างนอก จะต้องเอาเลขIDมาให้เค้า เค้าบอกว่าเผื่อพวกเรา ไปตายที่ไหนเค้าจะได้รู้...ดีออก ปากเหรอนั่น คือพูดง่ายๆว่ามันดูถูกคนไทยทั้งหมด ไม่ใช่แค่เราหรือป้า แบบนี้มันทำเกินไป ป้าเค้าทุกคนทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โน้ตบุคก็มีเอกสารครบถ้วน แถมเรื่องที่ไประรานแขก ป้าเค้าก็ไม่ได้ทำ โดยรีเซปชั่นเค้าก็มาบอกเราทีหลังว่าป้าคุณไม่ได้ทำนะ ที่นายจ้างพูดน่ะ โกหกทั้งเพ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่