เมื่อแม่อยากไปเที่ยววัดร่องขุ่น (ตอนที่ 1)

ทริปนี้ผมจองข้ามสองเดือนเลยครับ (กลัวลืม) จองก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวที่เชียงรายอีก ทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก รถ ไกด์นำเที่ยว พอได้ยินข่าวก็ได้แต่คิดในใจว่า "เอาแล้ว"

แม่ผมไม่เคยไปเชียงรายเลยครับ ได้แต่เปรยๆตลอดว่าอยากไปวัดร่องขุ่น เวลาดูรายการทีวีที่เค้าพาไปเยี่ยมชมวัดก็จะมาเล่าให้ผมฟังว่าน่าไปอย่างนั้นอย่างนี้เหมือนแอบเปรยเป็นนัยๆว่า "นี่! ลูก พาแม่ไปได้แล้วน้าาา" อะไรประมาณนี้ครับ ปีนี้ผมเลยตั้งใจว่าจะพาแกไปช่วงวันเกิด แถมหาไกด์ท้องถิ่นนำเที่ยวให้ด้วย เอาให้หนำใจไปเลย แถมให้แกขอชวนเพื่อนซี้ของแกไปด้วยอีก 2 คน แน่นอนครับความสุขของแม่เหนือสิ่งอื่นใด แต่ช่วงที่มีข่าวแผ่นดินไหวนี่ แกไม่พูดเรื่องนี้เลยนะครับ สงสัยกลัวผมจะถามว่า "งั้นเลื่อนไปก่อนมั้ยหล่ะ" อิอิ ดูแม่ผมสิ น่ารักขนาดไหน ^^

หลังจากเช็คข่าวกับพี่ไกด์ท้องถิ่นแล้วว่าสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายมากอย่างที่ข่าวลง ไปได้ปลอดภัย เราก็เดินทางกันเลยครับ
ทริปนี้เดินทางกับ Air Asia ครับ ได้โปรมาไม่ถูกมาก แต่ก็โอเคครับ อย่างที่บอกครับวันเกิดแม่ เลือกมาให้ตรงวันเกิดเลยซึ่งก็โชคดีที่ปีนี้ตรงกับวันเสาร์อาทิตย์พอดี ทริปนี้เลยเป็นทริปสั้นๆมาแค่สองวันหนึ่งคืนครับ และก็เป็นเหตุที่ผมตัดสินใจหาไกด์ท้องถิ่นพาเที่ยว จะได้เที่ยวได้หลายที่หน่อยแบบไม่ต้องกางแผนที่ เพราะลืมบอกไปว่าน้องจากคุณแม่และเพื่อนๆแล้ว ผมเองก็พาภรรยาซึ่งตั้งท้องได้เกือบ 7 เดือนเดินทางไปด้วย เป็นเหตุที่ต้องคำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัยเป้นหลักครับ แต่ก็อยู่ในงบประมาณที่รับได้ไม่สูงมากครับ ทั้งนี้เพราะช่วงที่เป็นคือปลายๆเดือนพฤษภาคม เป้นช่วง low season พอดีครับ ค่าที่พัก ค่าไกด์ ค่าตั๋วไปกลับ ค่ารถ ค่าไกด์ รวมๆแล้วตกคนละประมาณ 4000 ครับ (5 คน) พอไหวมั้ยครับ ส่วนผมไม่ไหวก็ต้องไหวครับ การแพลนล่วงหน้าหลายเดือนหน่อยช่วยได้เยอะครับ ทำให้เราวางแผนเรื่องการออมสำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ครับ ^^

เราออกเดินทางจากกรุงเทพประมาณ 8 โมงเช้าถึงเชียงรายประมาณ 9 โมงครับ ไกด์ท้องถิ่น "พี่รวมมิตร" (แค่ชื่อก็น่าเที่ยวกับแกแล้วใช่มั้ยครับ) ก็มารับเราที่สนามบินครับ พี่รวมมิตร หรือ พี่มิตร หนุ่มเชียงรายวัย 40 กลางๆ หน้าตาดูใจดีๆ เล่าให้ผมฟังว่าแกทำมาหลายอย่างกว่าจะมาจบที่เป็นไกด์ท้องถิ่นและทำรีสอร์ทบ้านดินเล็กๆอยู่ที่อำเภอแม่จัน ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่เราจะไปพักกันด้วยครับ ผมเองก็เจอแกจากการรีวิวของเพื่อนๆในพันทิปนี่แหล่ะครับ ^^
(http://pantip.com/topic/31228660)

จากสนามบิน พี่มิตรพาพวกเราไปหาอะไรรองท้องก่อนที่จะไปวัดร่องขุ่นที่ร้านต้มเลือดหมูจิงจูฉ่าย ที่ลูกชิ้นลูกใหญ่เท่าบ้าน ^^ อร่อยดีครับ จิงจูฉ่ายเป็นพืชท้องถิ่นครับ คนที่นี่นิยมเอามาใส่กับต้มเลือดหมูครับ (ผมไม่แน่ใจว่าเค้าเอาไปทำเมนูอื่นบ้างรึเปล่านะครับ แต่ก็น่าลองดูเนอะ)



หลังจากอิ่มหมีพลีมันกันกับมื้อแรกในเชียงรายกันแล้ว ก็มุ่งหน้าสู่สถานที่ที่เป็นที่มาของทริปนี้ "วัดร่องขุ่น" นั่นเองครับ

24 พ.ค. 57 วัดร่องขุ่น หลังจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ในวันนี้นักท่องเที่ยวยังคงเดินทางมาไม่ขาดสาย ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ส่วนหนึ่งต้องการเดินทางมาให้กำลังใจอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ บางส่วนก็มาเพื่ออยากมาชมร่องรอยความเสียหายของวัดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว บ้างก็มาเป็นครั้งแรกเหมือนคุณแม่ของผม แม้อากาศจะร้อนจนตาหยีเพียงใด ผมก็ยังพอจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณแม่ได้ไม่ยากนัก ^^





นอกจากในตัวอุโบสถของวัดที่ห้ามเข้าชมแล้ว (แต่ยังสามารถถ่ายภาพจากภายนอกได้) ส่วนอื่นๆก็ยังเปิดให้เข้าชมได้ตามปกติ สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้ได้จากการมาวัดร่องขุ่นในครั้งนี้คือ "สิ่งเดียวที่จะทำลายความงามของศิลปะได้ก็คือ จิตใจของมนุษย์ หาใช้กาลเวลาหรือภัยพิบัติไม่"

จากวัดร่องขุ่น พี่มิตรพาเราไปที่ วัดพระสิงห์ เชียงราย (เพิ่งรู้ว่าที่เชียงรายมีวัดพระสิงห์ด้วย นึกว่ามีแต่ที่เชียงใหม่) วัดพระสิงห์เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดวัดหนึ่งของเชียงราย





ต่อด้วยวัดพระแก้ว ซึ่งเป็นวัดที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกตก่อนจะนำมาที่กรุงเทพฯ นอกจากนั้นที่นี่ยังมีพิพิธพัณฑ์ โฮงหลวงแสงแก้ว ซึ่งตั้งชื่อตามผู้บริจาค โดยภายในจัดแสดงวัตถุโบราณ ข้าวของเครื่องใช้สมัยเชียงขอม รวมถึงพระพุทธรูปจากหลายยุคหลายสมัย





มื้อกลางวัน เราไปทานอาหารกันที่ ร้านภูแล..เชียงราย ร้านที่มีไม่มีสับปะรดภูแลขายแต่อาหารอย่างอื่นอร่อยดี จนผู้ว่าต้องยกนิ้ว (สโลแกนร้าน ^^)



ทานอิ่มแล้ว พี่มิตรพาไปดูบ้านพักของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งจอมพล ป. เคยใช้เป็นที่พักเวลาเดินทางมาที่เชียงราย ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็น ศูนย์เรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์ไปแล้ว (ประวัติจอมพล ป. พิบูลสงคราม: http://goo.gl/9IFGL9)



สถานที่ต่อไป ผมขอให้พี่มิตรพาไปเอง นั่นก็คือ "บ้านดำ" ของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงรายอีกท่านหนึ่ง เคยเห็นแต่ในหนังสือ พอมาดูสถานที่จริงแล้วขนลุกยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันกับ "วัดขาว" หรือวัดร่องขุ่น ของอาจารย์เฉลิมชัยเลย พี่มิตรเล่าว่าอาจารย์เฉลิมชัยนับถืออาจารย์ถวัลย์เป็นอาจารย์ที่ท่านเคารพอีกท่านหนึ่ง พี่มิตรเคยมีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับทั้งอาจารย์เฉลิมชัยและอาจารย์ถวัลย์มาแล้ว แกเล่าเป็นเกร็ดสนุกๆให้ฟังว่า ใครว่าคุยกับอาจารย์เฉลิมชัยว่ายากแล้ว คุยกับอาจารย์ถวัลย์นั้นยากกว่า ^^ แต่ถึงแม้ผมจะไม่ได้มีโอกาสพบท่านทั้งสองในทริปนี้ แต่สิ่งที่ผมรู้สึกได้อย่างชัดเจนก็คือความภาคภูมิใจที่ประเทศเรามีศิลปินระดับโลกอย่างท่านทั้งสอง ที่ได้สร้างสิ่งยิ่งใหญ่ทางศิลปะและประวัติศาสตร์ขึ้นซึ่งถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาติบ้านเมืองเราที่ชาวต่างชาติต่างให้ความยกย่องนับถือเป็นอย่างมาก (พยายามถ่ายรูปมาให้ดูอลังการอย่างที่ผมเห็นนะครับ แต่ไม่รู้ว่าพอได้มั้ย ^^)





สองภาพนี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่บ้านดำแห่งนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยสนนราคาจากนักสะสมภาพช่าวต่างชาติที่ภาพละ 10 ล้านบาท (รวมเป็น 20 ล้านบาท) แต่ท่านอาจารย์ไม่ยอมขายเพราะอยากเอาเก็บไว้ให้ลูกหลานคนไทยได้ชมฟรี (ใครดูออกมั้ยครับว่าเป็นภาพอะไร ^^)



จากบ้านดำ ก่อนที่พี่มิตรจะพาเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนและรับประทานอาหาร แกพาพวกเราแวะไปไหว้พระอีกที่หนึ่งซึ่งเป็นที่สุดท้ายของวันนี้ที่ "วัดห้วยปลากั้ง" วัดดังอีกวัดหนึ่งที่เคยออกรายการเรื่องเล่าเช้านี้มาแล้ว (เพิ่งรู้จากพี่มิตรเหมือนกันครับ ^^) (http://www.youtube.com/watch?v=o6s08aZtZSI)

ที่วัดนี้มีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ที่แกะสลักด้วยไม้กฤษณาทั้งองค์ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์เก้าชั้น และภายนอกก็กำลังมีการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่อีกองค์ซึ่งประมาณตึก 7 ชั้นด้วยเช่นกันครับ (ใหญ่มาก)



อย่างที่เล่าตอนต้นครับว่าที่พักของเราคืนนี้คือรีสอร์ทของพี่มิตรนั้นเองครับ "บ้านดิน รีสอร์ท" ไปชมบรรยากาศภายในรีสอร์ทเล็กๆอันแสนอบอุ่นกันได้เลยครับ





คืนนี้เราทานอาการเย็นกันที่นี่ด้วยครับ ตบท้ายด้วยเค้กวันเกิดแสนอร่อย เป็นอีกเซอร์ไพรส์เล็กๆที่พี่มิตรช่วยผมเตรียมไว้ให้คุณแม่ครับ ^^



...................................
อ่านต่อตอนที่ 2 ตอนจบได้ที่นี่เลยครับผม
http://pantip.com/topic/32145067
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่